บทที่ 407 ฝูซีเทียน หลุดพ้นจากกฎสวรรค์!

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 407 ฝูซีเทียน หลุดพ้นจากกฎสวรรค์!

หลังจากหานเจวี๋ยเลือกดำเนินการต่อ อักษรแถวหนึ่งก็เด้งขึ้นมาตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

[ฝูซีเทียน: ไม่ทราบตบะ อริยบุคคลชั้นมรรคาสวรรค์ บรรพบุรุษต้นกำเนิดแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ มหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าแห่งข่าวซุบซิบนินทา เนื่องจากได้รับการอัญเชิญจากเผ่ามนุษย์ ลงสู่โลกาตามกฏเกณฑ์ จึงหลบเลี่ยงกลไกสวรรค์ได้ ตั้งมั่นที่จะสนับสนุนเผ่ามนุษย์เพื่อช่วงชิงโชคชะตาอันยิ่งใหญ่]

ฝูซีเทียน…

จักรพรรดิฝูซีในตำนานเล่าขานของจีนงั้นหรือ

ในเมื่อมาเพื่อช่วยเหลือเผ่ามนุษย์ เช่นนั้นหานเจวี๋ยก็รู้สึกวางใจแล้ว

อย่างน้อยสิงหงเสวียนก็จะปลอดภัย

บางทีฝูซีเทียนอาจจะต่อกรกับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนได้

หานเจวี๋ยตั้งตารอยิ่งนัก

หลังจากเข้าใจกระจ่างดีแล้ว หานเจวี๋ยจึงแสดงธรรมต่อ

เวลาผ่านไปไวเหมือนติดปีก

ผ่านพ้นไปอีกสิบปี

หานเจวี๋ยแสดงธรรมเสร็จสิ้นแล้ว เขาไม่ได้รีบร้อนจากไปในทันที แต่ยังคงอยู่ใต้ต้นฝูซัง หันหน้าไปทางทิศตะวันออก

ศิษย์คนอื่นๆ ของเขายังคงอยู่ในสภาวะตระหนักมรรคา เวลาผ่านไปเนิ่นนานก็ยังยากจะดึงสติกลับมาได้

มรรคผลแห่งต้าหลัวในร่างหานเจวี๋ยควบรวมไปกว่าครึ่งแล้ว ดวงจิตประหลาดลอยออกมาจากร่างเขา มุ่งหน้าไปยังต้นฝูซัง มันร่าเริงอย่างยิ่ง บินวนรอบต้นฝูซังไม่หยุด

ไม่มีผู้ใดสามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของดวงจิตประหลาดได้ รวมไปถึงต้นฝูซังด้วย

หลังจากดวงจิตประหลาดออกจากร่าง ลวดลายสีดำกลางหว่างคิ้วหานเจวี๋ยก็เลือนหายไป แต่ม่านตายังคงเป็นสีม่วงเช่นเดิม

หานเจวี๋ยไม่ได้ขัดขวางดวงจิตประหลาด พอผ่านการหลอมรวมครั้งนี้ ดวงจิตประหลาดก็มีพลังเวทของหานเจวี๋ยแล้ว พลังเวทในส่วนนี้พวกเขาสามารถใช้ร่วมกันได้ หานเจวี๋ยใช้พลังเวทกางกั้นพลังพิสดารของมันไว้ เลี่ยงไม่ให้ต้นฝูซังได้รับความเสียหาย

สายตาของหานเจวี๋ยจับจ้องอยู่ที่ดวงจิตประหลาด

เขาสัมผัสได้ว่าตนสามารถควบคุมดวงจิตประหลาดได้อย่างสมบูรณ์ นับจากนี้ไปเขาสามารถลบสติปัญญาของมันทิ้งได้ตลอดเวลา ดูดซับพลังของมันมาเป็นของตัวเองได้

อย่างไรก็ตามดวงจิตประหลาดมีส่วนช่วยเขาอย่างมหาศาล เขาย่อมไม่มีทางใจจืดใจดำถึงเพียงนั้น

‘ไม่รู้ว่าในภายภาคหน้าเจ้าสิ่งนี้จะแข็งแกร่งขึ้นมากแค่ไหน’

หานเจวี๋ยคิดพลางตั้งตารอ พลังของดวงจิตประหลาดนั้นยากที่จะทำความเข้าใจได้ หากจะบอกว่ามันแข็งแกร่ง ก็คงจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ

หากจะบอกว่ามันไม่แข็งแกร่ง แต่นอกจากผู้มีคุณสมบัติกายดาราอนธการแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถสอดแนมหรือรับรู้ถึงตัวตนของมันได้

ไม่ว่าอย่างไร ศักยภาพของดวงจิตประหลาดก็น่าหวาดหวั่นยิ่ง

ถึงอย่างไรมันก็ได้รับสืบทอดดวงชะตาของเทพมารฟ้าบุพกาลมาเชียวนะ!

เมื่ออยู่ว่างๆ ไม่มีเรื่องให้ทำ หานเจวี๋ยจึงเรียกจดหมายขึ้นมาตรวจดู

ช่วงนี้อยู่ระหว่างควบรวมมรรคผลแห่งต้าหลัว หานเจวี๋ยจึงไม่กล้าใช้พลังเวทสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน และไม่อาจรู้ได้เลยว่าสถานการณ์ของแดนเซียนตอนนี้เป็นเช่นไร

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนศัตรูคู่อาฆาตของท่าน]

[โจวฝานสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]

[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่าปีศาจ] x189900

[ซูฉีศิษย์ของท่านดูดซับพลังความมืด พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[ตี้หล่านเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนศัตรูคู่อาฆาตของท่าน จึงสังเวยดวงวิญญาณ เคาะระฆังบรรพกษัตริย์]

[บรรพชนเต๋าสหายของท่านดวงชะตาตกต่ำ]

[ไท่ซู่เทียนสหายของท่านได้รับการชี้แนะจากอริยะอริยะ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

….

เมื่อไล่อ่านลงไปเรื่อยๆ ก็สามารถสรุปได้ว่า แดนเซียนค่อนข้างสงบสุขดี การต่อสู้ไม่นับว่ารุนแรงมากนัก

ระยะนี้จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนก็ดูเหมือนจะนิ่งสงบไปเช่นกัน

หานเจวี๋ยตรวจดูค่าความสัมพันธ์เล็กน้อย รูปประจำตัวของบรรดาสหายที่เขาห่วงใยล้วนยังอยู่ครบ

‘รอให้ข้ากลายเป็นต้าหลัวก่อนเถิด จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน ข้าจะทุ่มอายุขัยหนึ่งแสนล้านปีให้เจ้า ดูสิว่าเจ้าจะทนรับไหวหรือไม่!’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

เขาพลันนึกถึงจักรพรรดิสวรรค์ขึ้นมา สมควรไปเข้าฝันจักรพรรดิสวรรค์ได้แล้ว สอบถามสถานการณ์ของเขาดูสักเล็กน้อย

การใช้ความฝันอันธการไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองพลังวิเศษ ใช้แค่จิตนึกคิดเท่านั้น

ในไม่ช้า หานเจวี๋ยก็สร้างแดนความฝันขึ้น

เมื่อได้พบจักรพรรดิสวรรค์อีกครั้ง จักรพรรดิสวรรค์ดูผ่ายผอมลงมาก ดวงตาไร้ประกาย

เมื่อจักรพรรดิมองเห็นหานเจวี๋ยในคราบของเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าปรากฏออกมาให้เห็นเลย เขาค่อยๆ นั่งลงแล้วเอ่ยถามว่า “มาหาเราด้วยเรื่องใด”

เขาเริ่มจัดแจงเสื้อคลุมมังกรบนร่าง ฟื้นฟูรัศมีจักรพรรดิสวรรค์กลับมาอย่างรวดเร็ว

หานเจวี๋ยเอ่ยถาม “นอกจากจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนแล้ว ท่านไม่มีที่พึ่งอื่นเลยหรือ”

เขาจำได้ว่าจักรพรรดิสวรรค์เคยไปเยือนคุนหลุน

ก่อนหน้านี้ที่หน้าตำหนักเอกอนันต์ จักรพรรดิสวรรค์ก็ยิ้มแย้มพูดคุยกับผู้ทรงพลังหลายท่านอีกด้วย

จักรพรรดิสวรรค์แย้มยิ้มพลางกล่าวตอบ “เจ้าอยากให้เราจัดการจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนหรือ”

หานเจวี๋ยมิได้ตอบ เพียงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน ยังไม่ปรากฏตัวอีกหรือ”

พอสิ้นเสียงของเขา จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนก็พลันปรากฏตัวขึ้น

หานเจวี๋ยลอบสบถอยู่ในใจ

ไอ้ลูกหมา!

อยู่จริงๆ ด้วย!

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเอ่ยถาม “เจ้าคิดตกแล้วหรือ”

ช่วงหลายสิบปีมานี้ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการไม่ได้สาปแช่งเขาเลย เขาจึงนึกว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการยอมจำนนแล้ว

หานเจวี๋ยเปิดปากถาม “เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีอริยะลงมาเยือนโลก”

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนพลันเงียบไป

จักรพรรดิสวรรค์มีความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้า

เหตุผลที่หานเจวี๋ยเอ่ยเรื่องนี้ออกมา ก็เพราะอยากสร้างความตระหนกให้กับจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน ป้องกันไม่ให้คนผู้นี้ล้มล้างสังหารสรรพสิ่งก่อนเวลาอันควร

ถึงแม้จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนมีเจตนาจะล้มล้างโลกา แต่เพราะเผ่าพันธุ์ต่างๆ ในแดนเซียนต่างมีภูมิหลังอันยิ่งใหญ่ เขาจึงไม่กล้าผลีผลามลงมือ

ต่อหน้าอริยะอริยะ เขายังคงอ่อนแอนัก

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนซักถาม “กลุ่มอิทธิพลใด”

หานเจวี๋ยกล่าวอย่างติดตลก “เรื่องนั้นเจ้าต้องไปสืบเอาเองแล้ว ตัวหมากของเจ้ายังมีไม่มากพอนะ”

[ความเกลียดชังที่จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนมีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความเกลียดชังในขณะนี้คือ 6 ดาว]

ดีมาก!

ไม่ตายไม่เลิกราอย่างสมบูรณ์แล้ว!

คนที่จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเกลียดชังคือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เหตุผลที่หานเจวี๋ยเอ่ยเตือน เป็นเพราะพวกเขาต่างก็เคยพบกันในแดนความฝัน

ขอเพียงจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนไม่ทราบว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคือเขา เขาก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

เรื่องก็มีอยู่แค่นี้…

หานเจวี๋ยนึกถึงจิตวิญญาณอันเร่าร้อนสมัยที่ตนท่องอินเตอร์เน็ตในชาติก่อนขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนถามขึ้น “เจ้ากับเราต้องเป็นศัตรูกันจริงๆ น่ะหรือ”

หานเจวี๋ยกล่าวตอบ “ถ้าเจ้าไม่คุกคามข้า ข้าก็ไม่คุกคามเจ้าเช่นกัน”

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนยิ้มออกมา

หานเจวี๋ยก็ยิ้มทว่าไม่เอ่ยตอบเช่นกัน

บรรยากาศเงียบลงอีกครา

ผ่านไปพักใหญ่

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนก็เอ่ยขึ้น “พลังคำสาปแช่งของเจ้าอ่อนแอเกินไป คงมิใช่ว่าแม้แต่ระดับต้าหลัวเจ้าก็ยังไม่บรรลุกระมัง เพียงอาศัยใบบุญยอดสมบัติสาปแช่งศัตรูของเจ้าเท่านั้นสินะ”

หานเจวี๋ยตอบโต้ “ข้ากำลังรอโอกาสอยู่”

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเงียบลงอีกครั้ง

โอกาสอันใดน่ะหรือ

ก็ต้องเป็นโอกาสที่เขาจะได้ต่อสู้กับศัตรูที่ทรงพลังกว่าอย่างไรเล่า!

หานเจวี๋ยสลายแดนความฝันในทันที จิตนึกคิดพลันกลับสู่ความเป็นจริง

เมื่อแน่ใจแล้วว่าจักรพรรดิสวรรค์ไม่เป็นอะไร ทั้งยังได้สร้างเรื่องกวนใจจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนไปพอสมควรแล้วด้วย

ต่อจากนี้จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนน่าจะไม่กล้าก่อเรื่องอีก หานเจวี๋ยสามารถเข้าสู่ระดับพิสูจน์ต้าหลัวอย่างสบายใจได้แล้ว

หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง เหล่าศิษย์ของสำนักซ่อนเร้นจึงค่อยได้สติกลับคืนมา

หานเจวี๋ยกลับไปที่ถ้ำอีกครั้ง

เวลาผ่านพ้นไปปีแล้วปีเล่า

ผ่านไปอีกยี่สิบปี

มรรคผลแห่งต้าหลัวของหานเจวี๋ยก็เสถียรอย่างสมบูรณ์ เขาปล่อยให้พลังเวททั้งหมดถูกดูดกลืนเข้าสู่มรรคผลแห่งต้าหลัว

ครืนๆ…

เขาเพียรบำเพ็ญเซียนเริ่มสั่นสะเทือนไปทั้งลูก

อานุภาพอันยิ่งใหญ่มหาศาลโหมกระหน่ำเข้าใส่อาณาเขตเต๋า ทำให้ทุกคนบนเกาะแตกตื่นจนเห็นความเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าได้อย่างชัดเจน

ฉู่ซื่อเหรินเบิกตากว้าง เอ่ยพึมพำ “ต้าหลัว!!”

เร็วเกินไปแล้ว!

เวลาเพิ่งผ่านไปได้เท่าไรกัน

หานเจวี๋ยเก็บตัวอยู่ในเกาะมาโดยตลอด ทว่ายังคงทะลวงขั้นได้อย่างรวดเร็ว!

ถึงแม้เสียงของเขาจะแผ่วเบายิ่ง แต่คนอื่นล้วนได้ยินกันอย่างชัดเจน!

พวกสวินฉางอันและไก่คุกรัตติกาลที่อยู่กับหานเจวี๋ยมานานก็ยังอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้านับถือและปีติยินดีออกมา

หานเจวี๋ยเพิ่งอายุเท่าไรกันเชียว

“ว่าอย่างไรนะ เขาบรรลุถึงระดับต้าหลัวแล้วหรือ”

เจียงอี้กล่าวด้วยความตกตะลึง น้ำเสียงราวกับไม่อยากจะเชื่อ

ครั้งแรกที่พบกัน หานเจวี๋ยมิใช่แม้กระทั่งจักรพรรดิเซียนด้วยซ้ำ

ตอนนี้เขายังอยู่ในระดับจักรพรรดิ ทว่าหานเจวี๋ยนำหน้าไปถึงระดับเทพ บรรลุระดับต้าหลัวแล้วงั้นหรือ

นี่มันเรื่องล้อเล่นอันใดกัน!

หรือว่าคนผู้นี้จะเป็นบรรพชนเต๋าจริงๆ

เจ้าไก่เน่าตัวนั้นไม่ได้ล้อเล่นหรอกหรือ

ในเวลาเดียวกันนี้

ภายในถ้ำ ทั่วร่างหานเจวี๋ยถูกแสงสีม่วงสายหนึ่งโอบคลุมไว้ วิญญาณของเขาเริ่มเกิดความเปลี่ยนแปลงแล้ว

ระดับต้าหลัว!

หลุดพ้นเหนือกฎเกณฑ์สวรรค์!

หานเจวี๋ยรับรู้ได้ว่ากายเนื้อและดวงวิญญาณแปรเปลี่ยนไปอย่างน่าอัศจรรย์ อารมณ์ปลอดโปร่งอย่างยิ่ง

ระดับต้าหลัว ในที่สุดก็มาถึงแล้ว!

………………………………………………………………