บทที่ 378 ซื่อจื่อเฟยไหวจริงรึ

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 378 ซื่อจื่อเฟยไหวจริงรึ

“คืนนี้ข้านัดสหายหลายคนมาดื่มเหล้าที่โรงเตี๊ยม สุดท้ายตรงข้ามกลับเป็นบุตรชายของบ้านจ้าวซ่างซู คืนนี้เขาดื่มหนักไปหน่อยเจอข้าเข้าพอดี

เขากลับลวนลามข้า ข้าทนไม่ไหวอัดเขาไปหนักเลย ปกติข้าไม่ดื่มเหล้าอยู่แล้ว คืนนี้มีความสุขเลยดื่มเสียหลายจอก เลยลงมือหนักไปหน่อย

หากให้ท่านพ่อข้ารู้ต้องถลกหนังข้าแน่ ดังนั้นข้าเลยรีบมาหาเจ้าเนี่ย!” โม่หลานรีบอธิบาย ยังเรอเป็นกลิ่นเหล้าออกมาอีก

หยุนถิงได้กลิ่นเหล้าจากตัวนาง ทำหน้ารังเกียจ “เขาอยู่ที่ไหน?”

“ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ตระกูลจ้าว คงจะเรียกท่านหมอไป ข้าไม่วางใจ มีท่านหมอที่ไหนฝีมือดีเท่าเจ้ากัน” โม่หลานตอบ

“ข้าจะไปดูหน่อยกับเจ้าตอนนี้เลย” หยุนถิงรีบขึ้นรถม้า โม่หลานตามขึ้นมาด้วย

พอเห็นจวินหย่วนโยวในรถม้า โม่หลานตกใจปากสั่น “คารวะซื่อจื่อ”

จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นชา “ไม่หยุดไม่หย่อนเสียจริง!”

เขาคิดจะพักผ่อนกับหยุนถิงเสียหน่อย ตอนนี้กลับต้องให้หยุนถิงออกไปเพราะเรื่องของโม่หลานอีก จวินหย่วนโยวกลับสงสารหยุนถิงนัก

อย่าเห็นว่าโม่หลานปกติดูเลือดร้อนโผงผาง ท่าทางเลือดร้อนราววัวกระทิง ตอนนี้มาโดนจวินหย่วนโยวสั่งสอน ไม่กล้าเถียงแม้แต่คำเดียว

สมญานามอสูรร้ายจากนรกของจวินหย่วนโยวไม่ได้มาเปล่าๆ โม่หลานรู้ดีกว่าใครเลย เวลานี้ทำตัวหงอหน่อยดีกว่า

“เอาล่ะซื่อจื่อ โม่หลานเองก็ไม่ได้ตั้งใจ ไปดูสถานการณ์ก่อนเถอะ หากท่านง่วงแล้วก็กลับไปก่อนแล้วกัน” หยุนถิงเข้ามาห้ามปราม

“เจ้ากดดันจ้าวซ่างซูอยู่รึ เขามีบุตรชายคนนี้แค่คนเดียวนะ?” จวินหย่วนโยวย้อนถาม

คำพูดนี้ทำหยุนถิงเถียงไม่ออกจริงๆ “ซื่อจื่อ ท่านเก่งที่สุดเลย ขอเชิญท่านไปกับพวกเราด้วยเถอะ”

“อืม”

หลิงเฟิงที่อยู่นอกรถม้าสะบัดแส้ ควบรถม้าพุ่งทะยานไปจวนตระกูลจ้าวทันที

จวนตระกูลจ้าว

พวกหยุนถิงลงจากรถม้า คนเฝ้าประตูพอเห็นว่าเป็นจวินซื่อจื่อ รีบเปิดประตูให้อย่างนอบน้อม และนำทางเข้าไปข้างใน

“ลูกที่น่าสงสารของแม่ เจ้าเป็นกระไรไปแล้วนี่ หากเจ้าเป็นกระไรไป แม่เองก็ไม่อยากอยู่แล้ว” เสียงร้องไห้คร่ำครวญของผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งดังมา

ทำเอาโม่หลานขนหัวลุก หันไปมองหยุนถิงอย่างขอความช่วยเหลือ

“ไม่ต้องกังวล มีข้าอยู่ ขอเพียงเขายังมีลมหายใจอยู่ ข้าต้องช่วยเขาได้แน่” หยุนถิงปลอบ

พอจ้าวซ่างซูได้ยินว่าจวินซื่อจื่อมา รีบออกมาคารวะทันที “คารวะซื่อจื่อ มิทราบว่าซื่อจื่อมาเยี่ยมเยือนกลางดึก มีเหตุอันใดรึ?”

“ข้าได้ยินว่าบุตรชายท่านมิสบาย เลยพาซื่อจื่อเฟยมาดูอาการเขาหน่อย” จวินหย่วนโยวพูดเปิดประเด็น

จ้าวซ่างซูซาบซึ้งน้ำตาไหลพราก “ขอบคุณซื่อจื่อ ขอบคุณซื่อจื่อเฟย เชิญข้างในเถอะ”

ฝีมือการแพทย์ของหยุนถิง แม้แต่ฝ่าบาทยังชื่นชมเลย จ้าวซ่างซูกำลังคิดจะส่งคนไปเชิญหยุนถิง แต่พอคิดว่าตนบาดหมางกับตระกูลหยุนหลายต่อหลายครั้งในราชสำนัก เขาเองก็วางหน้าตัวเองไม่ลง เลยไม่ได้ให้คนไป

ตอนนี้จวินซื่อจื่อพาหยุนถิงมาด้วยตนเอง จ้าวซ่างซูซาบซึ้งใจยิ่งนัก

ในห้อง หมอหลวงหลิวสีหน้าตึงเครียด เอาแต่ส่ายหน้าไม่หยุด หญิงวัยกลางคนข้างๆยิ่งร้องไห้ทรุดลงกับพื้น

“ข้าขอดูหน่อย” หยุนถิงรีบเข้ามาทันที

“คุณหนูหยุน ท่านมาได้ช่างดียิ่ง กระหม่อมพึ่งตรวจอาการคุณชายจ้าวไป น่ากลัวจะเป็นอันตรายยิ่งนัก มีท่านอยู่ ความหวังก็มีมากขึ้น” หมอหลวงหลิวพูดอย่างตื่นเต้น

พอฮูหยินซ่างซูได้ยินดังนั้น ก็ลุกขึ้นหันไปมองหยุนถิง คุกเข่าให้ทันที “คุณหนูหยุน ขอร้องท่านต้องช่วยบุตรชายข้าให้ได้นะ ให้ข้าเป็นวัวเป็นควายรับใช้ท่านข้าก็ยอม ลูกชายที่น่าสงสารของข้า จะมาตายเสียอย่างนี้มิได้นะ”

“ท่านลุกขึ้นก่อน” หยุนถิงยื่นมือเข้าไปพยุงฮูหยินซ่างซูลุกขึ้น

ฮูหยินซ่างซูพอเงยหน้ามาเห็นโม่หลาน ก็โกรธจนสีหน้าดำทะมึน เมื่อครู่ตอนคนรับใช้ส่งลูกชายกลับมา บอกว่าเขาโดนโม่หลานทำร้ายจนสลบไป

“นังแพศยาเจ้ายังมีหน้ามาอีกรึ ทำลูกชายข้าจนเป็นเช่นนี้ เจ้าช่างโหดเหี้ยมนัก ข้าจะฆ่าเจ้า!” ฮูหยินซ่างซูพุ่งเข้าหาโม่หลานทันที

โม่หลานสีหน้ารู้สึกผิด ไม่ได้หลบหลีก ท่าทางยอมให้เอาเรื่องได้ตามสบาย

เพียงแต่ฮูหยินซ่างซูยังไม่ทันโผเข้ามา หยุนถิงยื่นมือฝังเข็มลงบนจุดชีพจรบางจุดให้นางทันที ฮูหยินซ่างซูสลบไปเลย

จ้าวซ่างซูรับนางไว้หมับ “ฮูหยิน?”

“นางมิเป็นไร ข้าเพียงแค่จี้จุดหลับของนางเท่านั้น ให้นางพักสักหน่อย นางทำเช่นนี้รบกวนการวินิจฉัยของข้า” หยุนถิงอธิบาย

จ้าวซ่างซูถึงถอนหายใจโล่งอก รีบให้คนพยุงฮูหยินออกไป

หยุนถิงรีบทำการตรวจร่างกายทั้งตัวของคุณชายจ้าวอย่างละเอียด และยังถามถึงสถานการณ์ตอนนั้นกับโม่หลานอีกหลายคำ จากนั้นก็ให้ทุกคนออกไป

ด้านนอกห้อง

จ้าวซ่างซูร้อนใจดั่งไฟเผา เดินไปเดินมาไม่หยุด “ซื่อจื่อ นานเพียงนี้แล้ว ซื่อจื่อเฟยไหวจริงๆรึ?”

“หากนางไม่ไหว ทั่วทั้งแคว้นต้าเยียนน่ากลัวคงไม่มีใครไหวแล้ว” จวินหย่วนโยวแค่นเสียงบอก

จ้าวซ่างซูกระอักกระอ่วนนัก “กระหม่อมมิได้สงสัยในฝีมือการแพทย์ของซื่อจื่อเฟย เพียงแต่เป็นห่วงบุตรชาย ขอซื่อจื่อโปรดอภัยด้วย”

ระหว่างพูด สองพ่อลูกตระกูลโม่ก็มาด้วย พอได้ยินว่าโม่หลานทำร้ายคุณชายจ้าว จนเขาสลบไม่ฟื้น สองพ่อลูกตระกูลโม่กังวลใจนัก

พอเข้ามาเห็นโม่หลาน แม่ทัพโม่ก็ตบหน้าโม่หลานฉาดหนึ่งทันที “เจ้านี่มันหาเรื่องให้ข้าไม่หยุดไม่หย่อนเลย ทำไมข้าถึงได้มีลูกสาวที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเยี่ยงนี้นะ”

โม่หลานมือกุมแก้มที่เจ็บ ตอบอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “ท่านพ่อ คุณชายจ้าวลวนลามข้าก่อนนะ ข้าถึงลงมือ ข้าทำเพราะป้องกันตัวนะ”

“เจ้ายังเถียงอีกรึ เขาโดนเจ้าทำร้ายจนสลบไปไม่ฟื้นเช่นนี้ เจ้ายังไม่สำนึกผิดอีก วันนี้ข้าจะฆ่านังลูกอกตัญญูอย่างเจ้าซะ” แม่ทัพโม่บอก ชักกระบี่จากตัวโม่ฉีเฟิง จะฟันโม่หลาน

“ท่านพ่อ เรื่องนี้ยังไม่ได้ความโดยละเอียด ระงับความโกรธก่อนเถิด น้องหญิงน่ะมิใช่คนที่จะลงมืออะไรง่ายๆนะ!” โม่ฉีเฟิงรีบห้าม

จ้าวซ่างซูที่เดิมเดือดดาลนัก อยากจะดูว่า แม่ทัพโม่จะสั่งสอนบุตรสาวอย่างไร สุดท้ายพอเห็นเขาจะฟันจริงๆ หากโม่หลานมาตายที่จวนซ่างซู ก็มิใช่เรื่องดี ดังนั้นจ้าวซ่างซูรีบเข้าไปห้ามปรามทันที

“แม่ทัพโม่ใจเย็นก่อน เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดกัน ลูกชายข้ายังนอนอยู่ด้านใน คุณหนูหยุนบอกว่าห้ามส่งเสียงรบกวน ท่านวางกระบี่ลงก่อนเถิด” จ้าวซ่างซูเกลี้ยกล่อม

“จะทำงั้นได้อย่างไร จะยังไงก็เป็นลูกสาวข้าทำร้ายลูกชายเจ้าจนตาย วันนี้ข้าจะให้นางชดใช้ชีวิตให้ ข้าจะฆ่านางซะ!” กระบี่ยาวของแม่ทัพโม่ฟันลงมาอีกครั้ง”

“หยุดนะ แม่ทัพโม่ท่านแช่งลูกชายทำไมกัน เขายังไม่ตายนะ ชะใช้ชีวิตให้อะไรหะ!” จ้าวซ่างซูพูดด้วยสีหน้าดำทะมึน

แม่ทัพโม่ถึงหยุดลง “ไม่ตายหรอ เจ้าไม่รีบบอกล่ะ หากลูกชายเจ้าไม่ตาย ข้ากลับฟันลูกสาวข้าตายก่อน ข้ากับเจ้าไม่จบกันง่ายๆแน่” พูดจบ เขาโยนกระบี่ในมือคืนให้โม่ฉีเฟิง

โม่ฉีเฟิงรับมาทันที เก็บเข้าฝัก สองมือกำกระบี่ยาวแน่น ไม่มีทางยอมให้พ่อเขามีโอกาสชักกระบี่อีก

จ้าวซ่างซูมุมปากกระตุก ทำไมเขารู้สึกว่าแม่ทัพโม่จงใจแสดงละครต่อหน้าเขา เจ้านี่พึ่งมีลูกสาวตอนแก่ ปกติรักใคร่โม่หลานเอามากๆ นี่ตนตกหลุมพรางเขาได้อย่างไรกัน รู้อย่างนี้เมื่อครู่ก็ไม่ห้ามแล้ว

“จวินซื่อจื่อก็อยู่ด้วยรึ มิรู้ว่าด้านในเป็นอย่างไรบ้าง?” แม่ทัพโม่ทักทายจวินหย่วนโยว