War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1791
ตอนที่ 1,791 : เวทย์พลัง เซียนอมตะข้ามภพ
กระบี่นี้ของมือกระบี่หนุ่มชุดขาว มันรวดเร็วเกินกว่าที่ต้วนหลิงเทียนจะหลบได้ทัน!
‘กระบี่นี้ ข้าต้องรับให้ได้!!’
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง ปราณสุริยันแรกกำเนิดทั่วร่างโคจรพุ่งพล่านดั่งสายธารเชี่ยว คิดควบรวมก่อเกิดเขตแดนหมื่นกระบี่ให้เร็วที่สุด!!
อย่างไรก็ตามกระบี่เปี่ยมสภาวะดาวตกร่วงฟ้าของมือกระบี่หนุ่มชุดขาวนี้ มาได้รวดเร็วเกินไป! ไม่ทันที่เขตแดนหมื่นกระบี่ของต้วนหลิงเทียนจะควบรวมแล้วเสร็จ อีกฝ่ายก็พุ่งทำลายสนามพลังที่พึ่งก่อตัวไปเสียฉิบ!!
เมื่อเขตแดนหมื่นกระบี่ถูกทำลายในช่วงเวลาควบรวมก่อเกิด ปราณสุริยันแรกกำเนิดที่จ่ายออกพลันตีกลับเข้าร่างต้วนหลิงเทียนทันที! พาลให้อวัยภายในของต้วนหลิงเทียนบาดเจ็บไม่น้อย!!
“อั๊ค!!”
เลือดลมภายในตีย้อนขึ้นมาในลำคอ สุดท้ายค่อยกระอักออกปากคำโต บรรยากาศพลันคาวคลุ้งไปด้วยโลหิต!
หากแต่ยามนี้ไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะมีเวลาแยแสอาการบาดเจ็บ?
ชายหนุ่มในชุดขาวที่พุ่งกระบี่แทงลงมาดั่งเทพเซียนตกแดนสวรรค์ เปี่ยมล้นไปด้วยจิตสังหารหมายฆ่าเขาให้ตาย!
เมื่อเขตแดนหมื่นกระบี่ถูกทำลาย แม้พลังจะตีกลับเข้าร่างจนบาดเจ็บ หากแต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดให้พลังขุมนี้เสียเปล่า! พลันโคจรเร่งเร้าพลังสุดตัว ชักนำขุมพลังดังกล่าวแล่นผ่านชีพจรเซียน 99 สายรวดเร็วดั่งธารเชี่ยวไปผนึกควบรวมเป็นกระบี่พลังมีสภาพสีทองยาว 3 ฉื่อ กระชับแน่นในมือขวา!!
มองจากไกลๆ แลคล้ายสุริยันร้อนดวงเล็กปรากฏขึ้นจากอากาศว่างเปล่า แสงทองเจิดจ้าพุ่งแทงแยงตา
วู้มมม!!
ชายหนุ่มชุดขาวไม่นำพาแสงทอง สีหน้ามันว่างเปล่าไร้อารมณ์ กระบี่ที่แทงลงในมือประหนึ่งเคียวยมทูตที่หมายเก็บเกี่ยววิญญาณ!
ถึงแม้การถูกชายหนุ่มชุดขาวฆ่าตายในที่นี้จะไม่ใช่การตายจริง หากแต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อยากถูกมันฆ่า!
เพราะร่างที่กำลังพุ่งลงมาเบื้องหน้าจากฟ้าคนนี้ คือผู้พิทักษ์ด่านคนสุดท้ายของพื้นที่มรดกเวทย์พลัง! หากเขาเอาชนะมันได้ เขาก็จะได้รับสืบทอดมรดกเวทย์พลัง!!
ตัดสินจากการลงมือของมือกระบี่หนุ่มชุดขาว เวทย์พลังที่อีกฝ่ายใช้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเวทย์พลังสายกระบี่!
และเวทย์พลังสายกระบี่เป็นอะไรที่ต้วนหลิงเทียนต้องการเป็นที่สุด!
ก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนยังหดหู่ไม่น้อยที่คิดว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอกับเวทย์พลังสายกระบี่อันใดแล้ว…
ทว่าตอนนี้ความหวังกลับมาปรากฏให้เห็นอยู่ตรงหน้า! ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่เต็มใจจะปล่อยให้มันหลุดลอยไป ‘ข้าจะลงมือเต็มกำลัง ฆ่ามันเพื่อรับสืบทอดมรดกเวทย์พลังนี่มาให้ได้…ต่อให้เอาชนะมันไม่ได้ แต่หากพยายามถึงที่สุดแล้วข้าก็ไม่เสียใจ!!’
จิตต่อสู้อันเหี้ยมหาญปะทุออกทั่วร่างต้วนหลิงเทียนอย่าบ้าคลั่ง สภาวะคนแปรเปลี่ยนกลับกลายwxดั่งกระบี่คมแฝงเร้นไปด้วยพลังอำนาจอันเกรี้ยวกราด!!
ภายใต้จิตต่อสู้อันบ้าคลั่ง กระบี่พลังมีสภาพสีทอง 3 ฉื่อในมือคล้ายได้รับพลังหนุนเสริมจากทวยเทพ ตวัดแทงสวนออกไปราวสายฟ้าฟาด คิดต้านทานปะทะกับกระบี่หล่นฟ้าของมือกระบี่ชุดขาวอย่างไร้ครั่นคร้าม!!
วู้มมม!!
อนิจจากระบี่ของชายหนุ่มชุดขาวนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอำนาจของอริยะเซียนขั้นกลาง…
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะลงมือเต็มพลัง หากแต่กระบี่ที่เขาแทงสวนขึ้นไป สภาวะพลังที่เปล่งออกเห็นชัดว่าอ่อนโทรมกว่ากระบี่ของอีกฝ่าย!!
เคร๊ง!! เปรี๊ยงงง!!!
ในที่สุดกระบี่ 3 ฉื่อของชายหนุ่มชุดขาวที่พุ่งลงมาปานเทพเซียนตกสวรรค์ก็ปะทะเข้ากับกระบี่พลังสีทองมีสภาพ 3 ฉื่อของต้วนหลิงเทียนที่ทิ่มแทงสวนขึ้นมาด้วยพลังสุดตัว! มวลพลังสองขุมแผ่พุ่งผ่านกระบี่ไปปะทะกันตรงปลายกระบี่อย่างจัง! คลื่นพลังสะท้อนอันมหาศาลกำจายซัดออกเป็นวง พื้นดินใต้เท้าต้วนหลิงเทียนถึงกับปริแตกออกอย่างแรงปานโลกเจียนถึงกาลอวสาน!!
‘ร้ายกาจนัก!’
แรกปะทะ ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าพรั่นพรึงจากมือกระบี่หนุ่มชุดขาวได้ทันที!!
พลังที่อัดแน่นอยู่ในกระบี่ของชายหนุ่มชุดขาวเหนือกว่าพลังกระบี่ของเขาทุกทาง! และตอนนี้พลังอำนาจมหาศาลน่ากลัวนั่นก็พุ่งชำแรกผ่านปลายกระบี่แล่นไหลฉับไวมาถึงมือเขา!!
พลังอันมหาศาลร้ายกาจขุมดังกล่าวเริ่มแผลงอำนาจทำลาย! สร้างความเสียหายในร่างของต้วนหลิงเทียนอย่างน่ากลัว!!
และแม้ต้วนหลิงเทียนจะพยายามเร่งเร้าปราณสุริยันแรกกำเนิดหมายต้านทานต่อสู้กับขุมพลังร้ายกาจเพียงใด อนิจจากลับยากที่จะต้านทานรับได้!
“แย่แล้ว!”
ร่างต้วนหลิงเทียนสะท้านไปทันใด หน้ายังเปลี่ยนสีไปอย่างร้ายแรง
ในขณะเดียวกันนั้น หวางเฟยเซวียนที่ยืนอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ถึงกับกระอักโลหิตออกมาเบาๆเพราะพลังสะท้อนจากการปะทะกันของกระบี่!
ด้วยพลังฝึกปรือของนาง จึงมิอาจช่วยอะไรต้วนหลิงเทียนได้เลย…ทว่าพอนางเห็นต้วนหลิงเทียนที่ปะทะกระบี่กับชายหนุ่มชุดขาวชักสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีคล้ายกำลังตกเป็นรอง หวางเฟยเซวียนพลันปะทุพลังสุดตัว ร่างบางแปรเปลี่ยนไปคล้ายสายลมหอบหนึ่งพุ่งปรี่เข้าใส่ชายหนุ่มชุดขาวทันที!!
สุดท้ายแล้วจะอย่างไรหวางเฟยเซวียนก็เป็นถึงเซียนขัดเกลาขั้นกลางคนหนึ่ง การโจมตีทุ่มสุดตัวของนางก็ไม่ใช่อ่อนแอ ร่างบางยามนี้ปรากฏปราณมีสภาพฉาบคลุมทั่วกาย จนคนคล้ายดาบเล่มเขื่อง!!
ถึงแม้มือกระบี่หนุ่มชุดขาวจะมีพลังฝึกปรือเหนือกว่ามาก หากแต่เมื่อต้องรับมือการจู่โจมที่โถมมาสุดตัวปานดาบผ่าฟ้าของหวางเฟยเซวียน มันก็จำต้องแบ่งจ่ายพลังออกไปบางส่วน และมวลพลังขุมนั้นก็ควบรวมเป็นกระบี่พลังมีสภาพข้างกายฉับไว ก่อนที่จะพุ่งทะยานตัดฟ้าเป็นลำแสงยิงพุ่งไปทางหวางเฟยเซวียน!!
ฟึ่บ!!
ฉัวะ!!
นอกจากเสียงกรีดอากาศบางเบาที่ดังขึ้นในชั่วพริบตาดุจละอองไฟวาบดับ หวางเฟยเซวียนก็ไม่อาจแลเห็นการโจมตีอะไรของมือกระบี่หนุ่มชุดขาวได้เลย แต่ต้นจนจบไร้ซึ่งหนทางต่อต้าน…
“ระ…เร็วเกินไปแล้ว…”
นี่เป็นความคิดเดียวที่หลงเหลืออยู่ในหัวของหวางเฟยเซวียนก่อนที่ร่างจะสลายกลายเป็นหมอกควัน…
‘หลิงเทียน เจ้าต้องทำได้!!’
ทันทีที่สำนึกสติของหวางเฟยเซวียนหวนคืนสู่ร่างกายที่แท้จริง นางพลันคิดในใจอย่างวาดหวัง ก่อนที่ทัศนวิสัยเบื้องหน้าจะมืดดับไป ถูกแดนลับเซียนขับออก…
ก่อนหน้านี้…ห้วงเวลาพริบตาที่มือกระบี่หนุ่มชุดขาวหันเหความสนใจไปฆ่าหวางเฟยเซวียน ต้วนหลิงเทียนที่แต่เดิมตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรอง ก็สามารถถฉกชิงโอกาสในห้วงเวลาเสี้ยวพริบตานี้ไว้ได้ทัน! พอมีเวลาให้สูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง!!
และโอกาสที่ปรากฏในเสี้ยวพริบตานี้ ต้วนหลิงเทียนก็ใช้มันสำนึกถึงเคล็ดพลังของยอดใจกระบี่!
‘สำนึกกระบี่อยู่ที่ใจ เพียงใจคิดกระบี่เคลื่อน!’
ขุมพลังอันร้ายกาจของชายหนุ่มชุดขาวที่ชำแรกเข้าร่างของต้วนหลิงเทียนนั้น ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นพลังอำนาจของเวทย์พลังสายกระบี่ทั้งสิ้น เช่นนั้นมันก็ถือเป็นพลังกระบี่ชนิดหนึ่ง
และยอดใจของกระบี่ของต้วนหลิงเทียน นั้นก็คือสำนึกกระบี่อันสูงล้ำ ถึงแม้เขาจะยังไม่บรรลุถึงขั้นสูงสุด หากแต่เพียงขั้นที่ 2 ของยอดใจกระบี่ที่บรรลุถึง เพียงเร่งเร้าใช้พลังอำนาจของมันออกมา! เวทย์พลังกระบี่ที่อยู่ในร่างของชายหนุ่มชุดขาว ก็ถูกต้วนหลิงเทียนควบคุมขับไล่ออกไปจากร่างได้ในชั่วพริบตา…!!
และตอนนี้ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ร่างของหวางเฟยเซวียนระเหยหายกลายเป็นไอ…
“ตายซะ!!”
แววตาต้วนหลิงเทียนเผยประกายเยียบเย็น และก่อนที่มือกระบี่หนุ่มชุดขาวจะทันได้หันมาทุ่มสมาธิกับเขา กระบี่พลังมีสภาพสีทอง 3 ฉื่อในมือต้วนหลิงเทียนก็สั่นไหวขึ้นมาอย่างแรง!!
ในเวลาเสี้ยวลมหายใจนี้ มวลพลังลี้ลับจากเคล็ดบำเพ็ญจิตเต๋ากระบี่สูงสุดอย่างยอดใจกระบี่ พลันฉาบคลุมไปทั่วตัวกระบี่พลัง ผสานหลอมรวมเข้ากับปราณสุริยันแรกกำเนิด กระทั่งยังชักนำเวทย์พลังของชายหนุ่มชุดขาวที่พึ่งถูกขับออกมาเมื่อครู่ให้มาควบรวมผสานเข้าด้วยกันอย่างพิสดาร พาลให้กระบี่พลังสีทอง 3 ฉื่อในมือต้วนหลิงเทียนตอนนี้กอปรไปด้วยพลังอำนาจ 3 ขุมอันร้ายกาจ! มันพุ่งทะยานออกไปดั่งมังกรพิโรธโจนทะยานออกถ้ำ แทงใส่ชายหนุ่มชุดขาวอย่างเกรี้ยวกราด!!
ฉัวะ!!
วินาทีที่กระบี่ต้วนหลิงเทียนปะทุพลังที่ควบรวมกันอย่างพิสดาร 3 ขุม กลิ่นอายพลังกระบี่อันเย็นเยียบยังพาลให้อุณหภูมิโดยรอบเสืมอนลดต่ำลง!
สุดท้ายกระบี่ของต้วนหลิงเทียนก็บดขยี้กระบี่ 3 ฉื่อตรงหน้า ทั้งพุ่งทะลวงผ่านร่างของชายหนุ่มชุดขาวเข้ากลางใจ…อนิจจาฉากเลือดสาดกลับมิปรากฏให้เห็น!
“ในที่สุดข้าก็ฆ่ามันได้!”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกโล่งใจไม่น้อยหลังจากฆ่ามือกระบี่หนุ่มชุดขาวได้สำเร็จ ลึกลงไปในใจยังอดหวาดกลัวฉากเรื่องราวเมื่อครู่ไม่หาย
‘โชคดีนักที่ในช่วงเวลาสำคัญเมื่อกี้ข้าเรียกใช้พลังของยอดใจกระบี่ได้ทัน สามารถขับพลังของมันออกไปจากร่างได้สำเร็จ! แต่ทั้งหมดล้วนต้องขอบคุณหวางเฟยเซวียน..หากไม่ใช่เพราะนางดึงความสนใจของมันไป จนทำให้มันเสียสมาธิไปครู่หนึ่ง ข้าคงยากที่จะขับพลังมันออกจากร่างได้ถึงแม้จะเรียกใช้พลังของยอดใจกระบี่ได้ทัน ยังไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ใช้พลังของมันไปทำร้ายมัน…’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจอย่างหวาดเสียว
เปรี๊ยะ!
ทันใดนั้นเอง ความว่างเหนือฟ้าพลันบังเกิดเสียงปริแตกดังขึ้น
หลังได้ยินเสียงดังกล่าวต้วนหลิงเทียนก็แหงนมองขึ้นไปบนฟ้าทันที จนเห็นรอยแตกกลางฟ้าชัดถนัดตา ในรอยแตกยังมีกระบี่ศิลาเล่มหนึ่งค่อยๆผุดโผล่ออกมา…
กระบี่ศิลานั่นร่วงตกลงมาจากฟ้าหันด้านคมจี้เข้าพื้น สุดท้ายก็หล่นลงมาปักตระหง่านอยู่บนผืนดิน
“รอบนี้กลับไม่ใช่ป้ายศิลา…”
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในพื้นที่มรดกเวทย์พลังนั้น เวทย์พลังแทบทั้งหมดนั้นจะบันทึกไว้ในป้ายศิลาทั้งสิ้น ยกเว้นก็แต่ ปฐมเวทย์กลืนกิน
หากแต่เป็นกระบี่ศิลาเช่นนี้…เขาเองก็พึ่งเคยเห็นมันครั้งแรก
อย่างไรก็ตามเมื่อสำนึกเทวะของเขาแผ่ไปสัมผัสกระบี่ศิลา ไม่ทันไรเขาก็ตระหนักได้ว่ากระบี่ศิลาเล่มนี้ก็คือมรดกเวทย์พลังเหมือนที่อื่น…
“เป็นเวทย์พลังจู่โจมสายกระบี่จริงๆ…ยังเป็นเวทย์พลังระดับสูง เซียนอมตะข้ามภพ!”
ต้วนหลิงเทียนที่แผ่สำนึกเทวะไปในกระบี่ศิลา ไม่ทันไรก็รับทราบได้ว่า เวทย์พลังจู่โจมสายกระบี่ที่ชายหนุ่มชุดขาวใช้ออกมาเมื่อครู่เรียกว่าอะไร…
ก่อนหน้านี้ ยามลงมือชายหนุ่มนั้นร่วงลงมาจากฟ้าด้วยความเร็วฉับไวเหลือเชื่อ ปานเซียนอมตะตกสวรรค์!
บางทีอาจเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนบ่มเพาะด้วยเคล็ดบำเพ็ญจิตเต๋ากระบี่สูงสุด อย่างยอดใจกระบี่ ทำให้เขาใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งวันเท่านั้น…เขาก็สามารถจดจำรับรู้ข้อมูลทั้งหมดที่บันทึกไว้ในกระบี่ศิลาได้แล้วเสร็จ! เพียงใจคิดก็สามารถรำลึกถึงข้อมูลทั้งหมดของเวทย์พลัง ‘เซียนอมตะข้ามภพ’ ได้ทันที
“การเดินทางในแดนลับเซียนครั้งนี้ ข้าเก็บเกี่ยวได้ไม่น้อยเลยทีเดียว…”
ชั่วพริบตาพื้นที่มรดกเวทย์พลังก็หายไป ร่างต้วนหลิงเทียนกลับมาหยุดอยู่หน้าทางเข้าพื้นที่มรดกเวทย์พลังทันที
“เหลือเวลาอีกแค่วันเดียวแล้ว…”
“งั้นก็นั่งนิ่งๆมันสักวันแล้วกัน…” หลังจากนับเวลาดูแล้วพบว่าเหลือเวลาอยู่ในแดนลับเซียนได้อีกแค่วันเดียว และพรุ่งนี้เขาก็จะถูกขับออกจากแดนลับเซียน ต้วนหลิงเทียนจึงคร้านจะไปไหนให้วุ่นวายอีก เพียงนั่งลงมันเสียตรงนั้น หลับตาพริ้มรอคอยให้ถึงพรุ่งนี้
ด้านนอกแดนลับเซียน การปรากฏตัวออกมาของหวางเฟยเซวียนนับว่าดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ไม่น้อย
ต้องทราบด้วยว่าในบรรดาอัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์ทั้ง 30 คนที่เข้าไปในแดนลับเซียนนั้น คงเหลือเพียง 5 คนเท่านั้นที่อยู่ด้านใน ก่อนที่หวางเฟยเซวียนจะออกมา
ตอนนี้เมื่อหวางเฟยเซวียนถูกขับออกมาแล้ว เท่ากับด้านในแดนลับเซียนเหลือคนอยู่เพียง 4
“แม่นางเฟยเซวียน”
หลิวเจี้ยนที่เห็นนางออกมา เร่งรุดเข้ามาหาและทักทายนางด้วยรอยยิ้มทันที “ข้าขออภัยต่อเจ้า…เพราะข้ามันอ่อนแอเกินไป จึงมิอาจช่วยอันใดเจ้าได้เลย”
มันกับหวางเฟยเซวียนนั้นได้ค้นพบพื้นที่มรดกเวทย์ 2 แห่ง…แห่งแรกนั้นหวางเฟยเซวียนได้ฝ่าฝันบททดสอบทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว ก่อนที่จะยกมรดกเวทย์พลังนั่นให้มัน
หากแต่แห่งที่ 2 นั้น มันกับนางไม่อาจผ่านได้ สุดท้ายก็เป็นมันที่ถูกกำจัดออกมาเสียก่อน
“เจ้าไม่ต้องขออภัยอะไรข้าหรอก ที่ข้าช่วยให้เจ้ารับมรดกเวทย์พลังเพราะคิดช่วยหลิงเทียนตอบแทนบุญคุณที่เขาติดค้างอาวุโสของเจ้าไว้…นับจากนี้ไปหลิงเทียนมิได้เป็นหนี้บุญคุณอันใดอาวุโสของเจ้าอีก เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่?”
หวางเฟยเซวียนเหลือบมองหลิวเจี้ยน ค่อยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
“ข้าเข้าใจ”
หลิวเจี้ยนพยักหน้า
ก่อนหน้านี้มันไม่รู้เลยว่าที่ต้วนหลิงเทียนคิดรับมันเข้าร่วมกลุ่ม เป็นเพราะคิดตอบแทนบุญคุณอาวุโสของมัน
มาตอนนี้มันรู้แล้ว
ตั้งแต่ที่เรื่องราวความสัมพันธ์ของต้วนหลิงเทียนในนามหลิงเทียนกับลี่เฟิงเปิดเผยออกมา มันก็ตระหนักได้ไม่ยากว่าหลิงเทียนคิดช่วยมันเพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณอาวุโสของมันแทนลี่เฟิง
อาวุโสของมันก็คือหลิวหงกวงแห่งคฤหาสน์ข้ามฟ้า
“เสี่ยวหวาง…เจ้าได้พบหลิงเทียนด้านในหรือไม่?”
จ้าววังนภา จูลู่ฉีมองถามหวางเฟยเซวียนด้วยสายตาสดใส
ผู้คนในที่นี้เองก็สนใจกับสถานการณ์ความเป็นไปในแดนลับเซียนของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย..
เหตุผลที่ทุกคนสนใจใคร่รู้ก็ไม่ได้มีอะไรมาก ทั้งหมดเพราะต้วนหลิงเทียนกลับไม่ถูกขับออกมาจากแดนลับเซียน แม้จะหลงเข้าไปในพื้นมรดกเวทย์พลังต้องห้ามอันดับ 1!
หากมีสิ่งใดไม่ชอบมาพากลย่อมมีปีศาจ!
(*หมายถึงหากสถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น ก็สมควรมีเรื่องผิดปกติ)
พวกมันอยากรู้นักว่าต้วนหลิงเทียนหลบหนีออกจากพื้นที่มรดกเวทย์พลังต้องห้ามอันดับ 1 นั่นได้อย่างไร!
“อื๊อ”
หวางเฟยเซวียนแม้ไม่ทราบว่าไฉนจ้าววังนภาอย่างจูลู่ฉีอยากรู้เรื่องนี้ แต่นางก็พยักหน้ากล่าวตอบ “ข้าพบเจอเขา ก่อนที่พวกเราจะเดินทางไปด้วยกันตลอด 20 กว่าวันที่เหลือ”
สิ้นคำของหวางเฟยเซวียน ทุกคนต่างหันมาจับจ้องมองนางเป็นสายตาเดียวกัน…