ตอนที่ 407 จนปัญญา

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 407 จนปัญญา

ดวงตาของฮูหยินสามหลี่ซื่อแดงก่ำ ความหวาดกลัวในสงครามถาโถมเข้ามาในใจมากกว่าความโกรธ “ทำเช่นไรดีเจ้าคะ ฮ่องเต้ให้เสี่ยวซื่อเดินทางไปคนเดียว หากเกิดสิ่งใดขึ้นจะทำเช่นไรเจ้าคะ”

ไป๋จิ่นจื้อมองดูมารดาที่ใกล้ร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ สาวน้อยเอื้อมมือไปลูบบ่าของมารดาอย่างปลอบโยน กลั้นความตื่นเต้นไว้ในใจพลางกล่าวออกมา “ท่านแม่ มิเป็นอันใดเจ้าค่ะ ข้าไปคนเดียวได้เจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้ข้าเคยไปออกรบที่หนานเจียงกับพี่หญิงใหญ่มาแล้วนะเจ้าคะ ข้าเรียนรู้จากพี่หญิงใหญ่มามากมาย ที่สำคัญมีแม่ทัพจางตวนรุ่ยอยู่ ไม่มีปัญหาอันใดหรอกเจ้าค่ะ”

“มันเหมือนกันเสียที่ใด มีพี่หญิงของเจ้าอยู่ยังสามารถควบคุมเจ้าได้! ที่สำคัญพี่หญิงใหญ่ของเจ้าเป็นคนสุขุม ไม่มีทางปล่อยให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายอยู่แล้ว แต่หากเจ้าไปคนเดียว เจ้าก็เหมือนกับม้าที่หลุดออกจากเชือกนั่นแหละ นั่นมันสนามรบเชียวนะ! หากเกิดสิ่งใดขึ้นมา…” ฮูหยินสามหลี่ซื่อสะอื้นจนกล่าวต่อไปไม่ไหว

หากไป๋จิ่นจื้อเป็นอันใดขึ้นมา นางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเช่นไรกัน

“เสี่ยวซื่อ…” ไป๋ชิงเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ เงยหน้ามองสบตาไป๋จิ่นจื้อ กล่าวอย่างจริงจัง “เมื่อไปถึงภูเขาชุนมู่จงฟังคำสั่งของแม่ทัพจางตวนรุ่ยทุกอย่าง บอกแม่ทัพจางตวนรุ่ยให้คุ้มกันเมืองอยู่อย่างนั้น อย่าได้บุกออกไปรบเด็ดขาด ขอแค่เพียงเจ้าไม่ออกไปรบ สวินเทียนจางก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้”

ฮูหยินสามรีบหันไปมองหน้าบุตรสาว “จำคำของพี่หญิงใหญ่ของเจ้าได้หรือไม่ อย่าฝืนทำเก่งเด็ดขาด! อยู่กับแม่ทัพจางตวนรุ่ยในเมือง อย่าตอบรับคำท้าของพวกนั้นเชียว!”

ไป๋จิ่นจื้อลอบบ่นอุบอิบอยู่ในใจว่าทำเช่นนี้มันขี้ขลาดเกินไป ทว่า เมื่อมองเห็นดวงตาที่แดงก่ำของมารดาจึงยอมพยักหน้ารับคำ “ข้าจะจำคำของพี่หญิงใหญ่เอาไว้เจ้าค่ะ!”

“เจ้าห้ามคิดว่าการทำเช่นนี้มันขี้ขลาด…” ไป๋ชิงเหยียนเอ่ยราวกับล่วงรู้ความคิดของไป๋จิ่นจื้อ “สวินเทียนจางชอบการทำสงคราม เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อชัยชนะ แม่ทัพจางตวนรุ่ยเป็นคนใจเย็นและเห็นคุณค่าชีวิตของทหารในกองทัพ หากเขาไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะได้ เขาไม่มีทางออกไปรบเด็ดขาด นั่นเท่ากับเป็นการพาทหารไปตายโดยเปล่าประโยชน์ แม้ผู้อื่นจะมองว่าเขาเอาแต่หดหัวอยู่แต่ในเมือง ทว่า นี่คือวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้”

ไป๋ชิงเหยียนไม่รู้สถานการณ์ที่แท้จริงของสงครามที่ภูเขาชุนมู่ ข่าวที่เสิ่นชิงจู๋ส่งกลับมาคือรายงานของหลายวันที่แล้ว สถานการณ์รบเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ไป๋ชิงเหยียนไม่อาจวางแผนการรบอย่างสุ่มๆ ให้ไป๋จิ่นจื้อและแม่ทัพจางตวนรุ่ยได้ ดังนั้นการที่แม่ทัพจางตวนรุ่ยถอยกลับไปคุ้มกันเมืองคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

“เสี่ยวซื่อทราบแล้วเจ้าค่ะ พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ เมื่อไปถึงข้าจะเชื่อฟังคำสั่งของแม่ทัพจางตวนรุ่ยอย่างเคร่งครัด ไม่วู่วามแน่นอนเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อรีบรับคำ

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า จากนั้นหันไปมองท่านอาสะใภ้สามที่กำลังกุมคอเสื้อของตัวเองแน่น กล่าวขึ้น “ท่านอาสะใภ้สามไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าส่งเสิ่นชิงจู๋เดินทางไปยังภูเขาชุนมู่ล่วงหน้าแล้ว เมื่อเสี่ยวซื่อไปถึงข้าจะให้เสิ่นชิงจู๋ดูแลนางให้ดีเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินไป๋ชิงเหยียนบอกว่าส่งเสิ่นชิงจู๋ไปยังภูเขาชุนมู่ล่วงหน้าแล้ว ฮูหยินสามจึงเบาใจลง ฮูหยินสามรู้ฝีมือของเสิ่นชิงจู๋ดี นางพยักหน้ารัว “อาเป่ามองการณ์ไกล ส่งแม่นางเสิ่นไปก่อนแล้ว มีแม่นางเสิ่นอยู่อาค่อยเบาใจหน่อย”

พระราชโองการของฮ่องเต้สั่งว่าให้ออกเดินทางทันที ฮูหยินสามไม่กล้ารอช้ารีบกลับไปช่วยไป๋จิ่นจื้อเตรียมสัมภาระที่เรือนของบุตรสาว

ไป๋จิ่นจื้อมองดูมารดาที่เตรียมยัดทุกอย่างใส่ไปในสัมภาระให้นาง สาวน้อยรีบเข้าไปกอดแขนมารดา “พอแล้วเจ้าค่ะท่านแม่ ข้าขี่ม้าไป ข้าจะแบกของมากมายเหล่านี้ไปได้อย่างไรกันเจ้าคะ!”

ฮูหยินสามหลี่ซื่อไม่อยากให้บุตรสาวเห็นน้ำตาของตน รีบชักแขนออกจากการเกาะกุมของบุตรสาว ก้มหน้ามัดสัมภาระให้แน่นหนา “เอาไปให้หมด!”

“เจ้าค่ะๆ ท่านแม่ให้เอาไปข้าก็จะเอาไปเจ้าค่ะ!” ไป๋จิ่นจื้อไม่อยากทำให้มารดาไม่พอใจในเวลาเช่นนี้จึงรีบพยักหน้ารัว

หลี่ซื่อกำสัมภาระของไป๋จิ่นจื้อแน่น น้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย สามีและบุตรชายของนางล้วนเสียชีวิตในสนามรบ เหตุใดฮ่องเต้จึงไม่ยอมปล่อยบุตรสาวของนางไป!

ยิ่งคิดยิ่งปวดใจ หลี่ซื่อเอามือปิดปากปล่อยโฮออกมาเบาๆ

“ท่านแม่…” เป็นครั้งแรกที่ไป๋จิ่นจื้อเห็นมารดาร้องไห้ออกมาเช่นนี้ ขนาดตอนที่ข่าวการเสียชีวิตของท่านปู่ ท่านพ่อและบรรดาพี่ชายน้องชายส่งกลับมา หลี่ซื่อยังไม่เคยร้องไห้อย่างหนักต่อหน้านางเช่นนี้เลย

หลี่ซื่อใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา กล่าวเสียงสะอื้น “เมื่อไปถึงภูเขาชุนมู่จงเชื่อฟังคำสั่งของแม่ทัพจางตวนรุ่ย จำคำของพี่หญิงใหญ่ของเจ้าไว้ให้ดีว่าอย่าวู่วามเด็ดขาด!”

ดวงตาแดงก่ำของหลี่ซื่อจ้องยังไป๋จิ่นจื้อนิ่ง น้ำเสียงอ่อนโยนกว่าปกติมาก “รู้เรื่องหรือไม่”

“ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ! ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ ครั้งนี้ไม่มีพี่หญิงใหญ่อยู่ด้วย ข้าจะเป็นเด็กดี เชื่อฟังคำสั่งของแม่ทัพจางตวนรุ่ย ไม่วู่วามเด็ดขาดเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวอย่างเชื่อฟัง

หลี่ซื่อจับมือของบุตรสาว ได้ยินบ่าวด้านนอกรายงานว่าเตรียมม้าเรียบร้อยแล้ว น้ำตาที่เพิ่งแห้งของหลี่ซื่อไหลพรากออกมาอีกครั้ง นางกุมมือของบุตรสาวแน่น จมูกร้อนผ่าว น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด

“ท่านแม่ ข้าจะระวังตัวเจ้าค่ะ ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะให้คนส่งจดหมายมาให้ท่านแม่ทุกๆ สามวันเลยเจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อกอดแขนของหลี่ซื่อ “หนานเจียงอันตรายกว่ามาก ข้ายังปลอดภัยกลับมาได้ ครั้งนี้ข้าแค่ไปคุ้มกันเมืองเท่านั้น ไม่มีอันตรายหรอกเจ้าค่ะ!”

“แม่ออกไปส่งเจ้า!” หลี่ซื่อหยิบสัมภาระของไป๋จิ่นจื้อ เดินกุมมือบุตรสาวออกไปด้านนอก

ต่งซื่อ ฮูหยินสี่หวังซื่อ ฮูหยินห้าฉีซื่อ ไป๋ชิงเหยียน ไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวาต่างออกมาส่งไป๋จิ่นจื้อที่หน้าประตูจวน

คงเป็นเพราะยามปกติไป๋จิ่นจื้อเป็นคนเลือดร้อนวู่วาม ครั้งนี้นางต้องเดินทางไปยังภูเขาชุนมู่ตามลำพัง ผู้ใหญ่ทุกคนจึงอดเป็นห่วงไม่ได้

ฮูหยินสี่หวังซื่อยืนกรานให้ไป๋จิ่นจื้อนำสร้อยพระห้อยติดตัวไปด้วยกล่าวว่ามันจะช่วยคุ้มครองให้ไป๋จิ่นจื้อปลอดภัย ไป๋จิ่นเจาและไป๋จิ่นหวาต่างยัดเครื่องรางนำโชคที่ได้มาจากวัดเมื่อหลายปีที่แล้วให้ไป๋จิ่นจื้อ หวังว่าพี่หญิงสี่ของพวกนางจะเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย

ไป๋จิ่นจื้อมองเห็นหลูผิงซึ่งสะพายย่ามไว้บนบ่าจูงม้าสองตัวยืนรออยู่ด้านล่างบันได ด้านหลังมีองครักษ์อีกหนึ่งกอง สาวน้อยจึงมองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างไม่เข้าใจ

“พี่หญิงใหญ่ ลุงผิงต้องฝึกซ้อมชาวบ้านวันพรุ่งนี้ไม่ใช่หรือเจ้าคะ” ไป๋จิ่นจื้อถาม

ไป๋ชิงเหยียนกล่าว “เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการฝึกซ้อมหรอก มีลุงผิงติดตามเจ้าไปด้วยพี่ถึงจะวางใจ”

“พี่หญิงใหญ่! หากข้าพาลุงผิงไปด้วยก็เท่ากับเสียเวลาการฝึกซ้อมชาวบ้านสิเจ้าคะ ไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ ข้าไปคนเดียวได้เจ้าค่ะ” ไป๋จิ่นจื้อกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น

“เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องการฝึกซ้อม ที่นี่คือซั่วหยาง มีท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอโจวคอยช่วยเหลือ พี่มีคนเรียกใช้งานมากมาย” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงแข็ง จากนั้นหันไปมองหลูผิง “ลุงผิง ฝากดูแลเสี่ยวซื่อด้วย!”

“คุณหนูใหญ่วางใจได้ขอรับ ฮูหยินทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ” หลูผิงกำหมัดคารวะเจ้านายทุกคน “หลูผิงจะพาคุณหนูสี่กลับมาอย่างปลอดภัยขอรับ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า มองไปทางไป๋จิ่นจื้อ แววตาเต็มไปด้วยความกังวล เอ่ยขึ้น “ไปเถิด…”

“ไป๋จิ่นจื้อกราบลาท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ท่านอาสะใภ้สี่ ท่านอาสะใภ้ห้า พี่หญิงใหญ่และน้องหญิงทั้งสองเจ้าค่ะ!” ดวงตาของไป๋จิ่นจื้อแดงก่ำ นอกจากความโหวงเหวงที่มีอยู่ในใจแล้ว สาวน้อยยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากกว่า “ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะกลับมาอย่างปลอดภัยเจ้าค่ะ!”