บทที่ 410 อาณาเขตเต๋ายกระดับ หม่าเชา

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 410 อาณาเขตเต๋ายกระดับ หม่าเชา

หานเจวี๋ยไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ในแดนเซียน เขากำลังตั้งใจตระหนักมรรคแห่งต้าหลัวอยู่

ชั่วพริบตาเดียวเวลาก็ผ่านไปสามสิบปีแล้ว

ในที่สุดการยกระดับระบบก็สำเร็จลุล่วง ขัดการทำสมาธิของหานเจวี๋ย

[การยกระดับระบบเสร็จสมบูรณ์]

[อาณาเขตเต๋ายกระดับ ค่ายกลยกระดับสู่ระดับครึ่งอริยะ ขอบเขตมิติภายในอาณาเขตเต๋าขยายใหญ่ขึ้น]

[ไอเซียนอาณาเขตเต๋าเพิ่มขึ้นสิบเท่า ปราณฟ้าประทานเพิ่มขึ้นห้าเท่า]

[อาณาเขตเต๋าสามารถปิดกั้นการสอดแนมจากพลังจิตระดับมรรคาสวรรค์ได้]

[ระบบเพิ่มองครักษ์ใหม่หนึ่งนาย สามารถทำการคัดลอกผู้ทรงพลังระดับต้าหลัวจากแบบจำลองการทดสอบมาเป็นองครักษ์ได้หนึ่งราย ผู้เป็นองครักษ์จะซื่อสัตย์ภักดีต่อท่าน ไม่สามารถออกจากอาณาเขตเต๋าเกินครึ่งชั่วยามได้ มิฉะนั้นจะละลายหายไปทันที]

ผ่านไปหลายสิบปีในที่สุดก็ยกระดับเสร็จ!

หานเจวี๋ยมองแวบหนึ่ง พลันรู้สึกตื่นเต้นยินดีขึ้นมา

ค่ายกลระดับครึ่งอริยะ ปัจจัยด้านความปลอดภัยของอาณาเขตเต๋าก็ยกระดับขึ้นอย่างมหาศาล ไม่ใช่แค่นั้น ยังสามารถปิดกั้นการสอดแนมทางพลังจิตของตัวตนระดับมรรคาสวรรค์ได้อีกด้วย!

หานเจวี๋ยสัมผัสถึงความรู้สึกปลอดภัยอันแน่นหนาได้

เมื่อเป็นเช่นนี้ ขอเพียงเขาไม่ออกไป ก็ไม่มีทางที่เขาจะสิ้นชีพในมหาเคราะห์!

หานเจวี๋ยเริ่มคัดเลือกแม่แบบขององครักษ์ลำดับที่สอง และในเวลานี้เอง พลังวิญญาณและปราณฟ้าประทานภายในอาณาเขตเต๋าก็เริ่มพลุ่งพล่านเอ่อล้นขึ้นมา บรรดาลูกศิษย์ต่างก็คิดว่าหานเจวี๋ยกำลังสำแดงพลังวิเศษอยู่ จึงมิได้รู้สึกตระหนกตกใจใดๆ ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกอยู่แล้ว

หลังจากลังเลอยู่นาน หานเจวี๋ยยังคงตัดสินใจเลือกจู่ถูเป็นแม่แบบตามเดิม

ถึงอย่างไรจู่ถูก็เคยเป็นอันดับหนึ่งในมหาเคราะห์ เท่ากับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในระดับต้าหลัว

‘ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป จะสร้างกองทัพจู่ถูขึ้นมาได้หรือไม่นะ’

หานเจวี๋ยคิดอย่างตลกร้าย

ถึงจู่ถูจะตาย แต่ตัวคัดลอกยังคงอยู่

การคัดเลือกองครักษ์ก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน หานเจวี๋ยจึงตระหนักมรรคผลแห่งต้าหลัวต่อ

หลังจากทะลวงระดับได้ เขายังไม่เคยเริ่มบำเพ็ญตบต่อะเลย เอาแต่ตระหนักทำความเข้าใจมรรคผลแห่งต้าหลัวมาโดยตลอด

มรรคผลแห่งต้าหลัว ลึกล้ำครอบจักรวาล สอดแทรกความหมายที่แท้จริงของฟ้าดินและกฏเกณฑ์แห่งมรรคาสวรรค์เอาไว้นับไม่ถ้วน ทำให้คนดำดิ่งตกอยู่ในภวังค์

เซียนทองต้าหลัวมิได้มีแค่พลังเวทอันกล้าแกร่งเท่านั้น ยังมีข้อได้เปรียบอันลึกซึ้งในด้านอื่นๆ อยู่อีกด้วย หากเข้าใจอย่างถ่องแท้ไปจนถึงระดับหนึ่งแล้ว จะสามารถทำทุกอย่างได้ตามประสงค์

ห้าปีผ่านไป

องครักษ์คนที่สองคัดลอกเสร็จสมบูรณ์แล้ว

หานเจวี๋ยตั้งชื่อให้ว่าหม่าเชา

หลี่ว์ปู้อยู่ในสามก๊กยุคแรก หม่าเขาอยู่ในสามก๊กยุคหลัง จินหลี่ว์ปู้ อิ๋นหม่าเชา เข้าคู่กันดี!

ยามที่หม่าเชาเดินออกมาจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน ทุกคนล้วนตกตะลึง

ในที่สุดพวกเขาก็ตระหนักได้แล้วว่าหลี่ว์ปู้มิใช่จู่ถูจริงๆ จู่ถู่มอดม้วยไปแล้ว หานเจวี๋ยเพียงใช้พลังวิเศษแสนทรงพลังบางอย่างสร้างจู่ถูคนใหม่ขึ้นมา

หม่าเชาไม่ใช่แค่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนจู่ถูทุกอย่างเท่านั้น กลิ่นอายก็ยังน่ากริ่งเกรงอย่างยิ่งเช่นกัน

เหล่าศิษย์ผู้มีพรสวรรค์อย่างฉู่ซื่อเหริน มู่หรงฉี่ ลี่เหยาและถูหลิงเอ๋อร์ล้วนตกอยู่ในภวังค์กันถ้วนหน้า

พวกเขารู้สึกว่าสำหรับหานเจวี๋ยแล้ว พวกเขาอาจจะไม่มีประโยชน์คุณค่าใดๆ เลย

หานเจวี๋ยสามารถสร้างลูกน้องที่ทรงพลังกว่าพวกเขาได้มากมาย แล้วไยจะต้องชุบเลี้ยงพวกเขาอีก

กล่าวอีกนัยคือ หานเจวี๋ยปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความจริงใจ

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ พวกเขาก็ยิ่งซาบซึ้งในตัวหานเจวี๋ยมากขึ้น

หลังจากหม่าเชาออกไปแล้ว หานเจวี๋ยก็ได้รับการแจ้งเตือนค่าความประทับใจที่เพิ่มขึ้นหลายรายการ เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกงงงวย

แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ ตระหนักรู้ในมรรคผลแห่งต้าหลัวต่อไป

….

เมื่อหานเจวี๋ยลืมตาขึ้นอีกครั้ง สิงหงเสวียนได้ใช้วิชาอัญเชิญเทพเรียกตัวเขา

เขาตรวจสอบหน้าจอสถานะเล็กน้อย พบว่าเวลาผ่านไปอีกสี่สิบสามปีแล้ว

เขาอดทอดถอนใจมิได้ ความฝันยาวนานสามพันปีในตำนานเป็นความจริงสินะ

สำหรับเซียนทองต้าหลัว ในระหว่างที่งีบหลับไปคราหนึ่งแดนมนุษย์อาจผลัดราชวงศ์ไปแล้วหลายต่อหลายรุ่น

หานเจวี๋ยกระโจนเข้าสู่คลื่นวนดำ มาถึงตำหนักบรรทมของสิงหงเสวียน

เขาพบว่าภายในตำหนักบรรทมของสิ่งหงเสวียนปรากฏปราณฟ้าประทานขึ้น แถมยังหนาแน่นอย่างยิ่ง

เมื่อเห็นหานเจวี๋ยปรากฏกายขึ้น สิงหงเสวียนรีบปรี่เข้ามาหา ยิ้มหวานพลางกล่าว “ท่านพี่ ในที่สุดท่านก็มาแล้ว!”

นางดึงหานเจวี๋ยให้นั่งลงหน้าโต๊ะ ทันทีที่นางสังเกตเห็นม่านตาสีม่วงของหานเจวี๋ย ก็ลอบตกใจกับตัวเอง

ท่านพี่ทะลวงระดับอีกแล้ว!

นางไม่ได้ซักถามถึงเรื่องนี้ แต่เริ่มบอกเล่าถึงประสบการณ์ที่ตนพานพบในช่วงที่ผ่านมานี้

หนึ่งร้อยปีก่อน เผ่ามนุษย์ได้ต้อนรับการมาเยือนของอริยบรรพชนท่านหนึ่ง ด้วยพลังวิเศษมหาศาลของอริยบรรพชนท ดวงชะตาของเผ่ามนุษย์พุ่งทะยาน ไอเซียนในภูมิภาคยิ่งเอ่อล้นเพิ่มพูน ทำให้ตบะของผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์ปะทุพวยพุ่งขึ้น

ยามนี้ เผ่ามนุษย์มีจิตใจทะเยอทะยานยิ่งนัก

เผ่ามนุษย์ต้องการล้มล้างเผ่าพันธุ์ตลอดจนสำนักนิกายต่างๆ ที่ถือครองโชควาสนา!

ต้องการครอบครองมรรคาสวรรค์เพียงหนึ่งเดียว!

หลังจากหานเจวี๋ยได้ฟังก็พูดไม่ออกแล้ว

เผ่ามนุษย์ก็กำเริบเสิบสานเช่นกันหรือ

หานเจวี๋ยนึกถึงวังปีศาจ วังสวรรค์ วังเทพและวังมังกรก่อนหน้านี้

หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มหาเคราะห์จะไม่ยืดเยื้อไปตลอดกาลหรอกหรือ

สิงหงเสวียนกล่าวขึ้นมา “ท่านพี่ ท่านคิดว่าข้ากุมอำนาจไว้ได้หรือไม่”

หานเจวี๋ยย้อนถาม “กุมอำนาจอันใด”

สิงหงเสวียนสูดหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง ก่อนกล่าวตอบ “อำนาจจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์!”

นางมองหานเจวี๋ยด้วยความประหม่ากังวล นางรู้ว่าความคิดนี้ของตนช่างขวัญกล้าเทียมฟ้านัก หากพูดออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อ โดยเฉพาะหานเจวี๋ย เขาที่กลัวความยุ่งยากวุ่นวายเป็นที่สุด จะตัดขาดกับนางด้วยเรื่องนี้หรือไม่นะ

ทว่าหานเจวี๋ยกลับไม่มีท่าทางแปลกใจใดๆ เลย ถึงขั้นสงบนิ่งเสียด้วยซ้ำ

“แล้วแต่เจ้าเถอะ”

“เอ่อ…ท่านพี่ไม่เป็นห่วงข้าเลยหรือ”

“เจ้ามีอะไรน่าห่วงกัน ต่อให้เจ้าตายอยู่ข้างนอก ข้าก็ไม่เสียใจ”

“เชอะ ท่านพี่จอมปากแข็ง”

“บอกให้เจ้ากลับมาตั้งนานแล้ว เจ้าก็ไม่ยอมกลับ ข้าเคารพในความตั้งใจของเจ้า แต่เจ้าก็อย่าได้คิดจะลากข้าไปตายด้วย”

ถึงแม้หานเจวี๋ยจะพูดจาไร้เยื่อใย แต่สิงหงเสวียนกลับไม่เสียใจเลย

นางไม่ได้โง่ หากหานเจวี๋ยไร้เยื่อใยจริงๆ นางคงเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏไปสิบกว่ารอบแล้ว

สิงหงเสวียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่วางใจได้เลย หากข้าตายไปจะไม่เกี่ยวข้องไปถึงท่านแน่นอน แต่หากข้าทำสำเร็จ ภายภาคหน้าท่านอยากได้สิ่งใด ขอเพียงข้าทำได้ จะให้ท่านได้สมประสงค์แน่นอน ถึงขั้นที่ข้าสามารถเคลื่อนพลเผ่ามนุษย์ทั่งเผ่าพันธุ์ทำงานเพื่อท่านได้เลย!”

หานเจวี๋ยแค่นเสียงเอ่ยวาจา “เจ้าระวังตัวหน่อยเถอะ การชิงตำแหน่งจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์มิได้ง่ายดายปานนั้น”

“คิกๆ ข้ามีแผนการในใจแล้ว”

หานเจวี๋ยเห็นนางยิ้มแย้มมั่นใจในตัวเองเช่นนี้ ก็อดคาดคะเนไม่ได้ หรือว่าหนี่ว์วาจะพูดอะไรกับนาง

มีความเป็นไปได้สูง!

ถึงแม้สิงหงเสวียนจะขวัญกล้าเพียงใด ก็ไม่เคยทำเรื่องที่ไม่มีความมั่นใจ

หลังจากหานเจวี๋ยคิดตกแล้ว ก็ไม่ได้เอ่ยทัดทานอีก

ขอเพียงหนี่ว์วาไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อนางและเขา น้ำใจในครานี้รับไว้จะเป็นอันใดไปเล่า

อริยะก็ต้องทำกรรมดีสั่งสมบุญเช่นกัน

หานเจวี๋ยเริ่มชี้แนะแนวทางบำเพ็ญให้สิงหงเสวียน ถ่ายทอดประสบการณ์ที่ตนประสบมากับตัว

….

หนึ่งปีผ่านไป

หานเจวี๋ยกลับสู่ถ้ำเทวาฟ้าประทาน เขาเดินออกมาจากถ้ำเทวาฟ้าประทาน เตรียมจะแสดงธรรมให้ทั้งสำนักซ่อนเร้น โดยมีดวงจิตประหลาดติดตามอยู่ด้านหลัง ดุจเงาตามตัว

เมื่อได้ยินว่าหานเจวี๋ยจะแสดงธรรม ลูกศิษย์ทั้งหมดต่างพากันมาชุมนุม ชะเง้อคอรอคอย

หานเจวี๋ยเริ่มแสดงธรรม ดึงดูดทุกคนให้เข้าสู่สภาวะตระหนักมรรค

เวลาเก้าปีผ่านไปในชั่วพริบตาเดียว

หานเจวี๋ยไม่ได้ไขข้อสงสัยแก่ลูกศิษย์ไปทีละคนๆ เช่นแต่ก่อน แต่หันหลังกลับเข้าไปในถ้ำเทวาฟ้าประทานทันที

เขาเก็บดวงจิตประหลาดไว้ในบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักร จากนั้นจึงหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมา

‘ไม่ได้ใส่ใจเจ้าเสียนาน ครั้งนี้จะใส่ใจเป็นพิเศษเลย’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ

ค่าความเกลียดชังที่จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนมีต่อเขาบรรลุถึงขั้น 6 ดาวแล้ว จำเป็นต้องสังหารเสีย มิเช่นนั้นปัญหาจะตามมาไม่รู้จบ!

ก่อนจะลงมือเขาให้ความสนใจกับจดหมายอยู่บ้าง จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนนิ่งเงียบไปหลายสิบปี ช่วงไม่กี่ปีให้หลังมานี้ถึงได้เริ่มกลับมาโลดแล่นอีกครั้งแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งโจมตีหลี่เต้าคงไป

ในอดีตหานเจวี๋ยเคยใช้ฐานะเจ้าแดนต้องห้ามอันธการกล่าวว่าเขาใส่ใจหลี่เต้าคง จะเล่นละครก็ต้องเล่นให้ถึงที่สุด อาศัยข้ออ้างนี้มาสังหารจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเสีย

ห้าวันผ่านไป

อายุขัยของหานเจวี๋ยเริ่มลดลงแล้ว

หนึ่งหมื่นล้านปี!

สองหมื่นล้านปี!

ห้าหมื่นล้านปี!

แปดหมื่นล้านปี!

หนึ่งแสนล้านปี!

ไอ้เฒ่าทารกผู้นี้ยังอยู่ดี ต้องสาปแช่งเขาต่อไป!

……………………………………………