ต่งอวี่ซานเกลียดท่าทางที่ดูเย้อหยิ่งของเฉินซินโหรว แต่ก็เฉินซินโหรวก็ไม่ได้ต่างจากเธอเท่าไหร่ที่เป็นพวกผู้หญิงประเภทที่ทำแต่เรื่องแย่ๆ
เมื่อได้ยินคำถากถางของต่งอวี่ซาน สีหน้าของเฉินซินโหรวก็เปลี่ยนไปทันที เธอจ้องมองไปยังผู้หญิงตรงหน้าเธออย่างดุเดือด
“ต่งอวี่ซาน เธอกำลังมองหาความตายอยู่หรือไง? มองดูชุดถูกๆบนตัวเธอสิ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ? “เฉินซินโหรวโกรธมากจนกำหมัดแน่น
“เฉินซินโหรว ฉันไม่ได้หน้าตาดีเท่าคุณ ชุดของฉันเป็นผลงานของดีไซเนอร์ท้องถิ่น และราคาของมันก็แค่หนึ่งในสิบของราคาชุดแบรนด์หรูๆที่ตกรุ่นแล้วของคุณ”ต่งอวี่ซานไม่ได้รู้สึกตัวเลย แต่เธอกลับยังหัวเราะเยาะกับชุดของเฉินซินโหรวที่ตกรุ่นแล้วอีกด้วย
เฉินซินโหรวโกรธมากจนเอื้อมมือไปบีบคอของต่งอวี่ซาน แต่ในขณะเดียวกันชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาพอดี เธอรีบชักมือของเธอเก็บทันทีและเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมาแทน
เรียกได้ว่าเปลี่ยนสีหน้าได้เร็วมาก
“อาจง~” เฉินซินโหรวจับชุดกระโปรงของ เธอเดินอย่างเร่งรีบและคว้าเข้าที่แขนของชายผู้นั้นทันที
คนที่มาคือเสี่ยเลี้ยงของเฉินซินโหรว เจ้าของธุรกิจถ่านหินที่ทำให้เธอได้กลายเป็นนักแสดงแถวสอง เขามีทรัพย์สินที่เยอะแยะมากมาย นอกจากหน้าตาที่ดุ ลงพุงนิดหน่อย ในบรรดาเสี่ยๆเขาก็ถือว่าโอเคในระดับหนึ่ง
อย่างน้อยเขาไม่ได้อ้วน ทั้งยังสูงระดับปานกลาง ดังนั้นเฉินซินโหรวจึงยอมประจบเขาและปรารถนาที่จะไต่เต้าขึ้นไปอยู่ด้านบน
อย่างไรก็ตามมีช่วงที่หลิวจงมักจะละเลยเธอและสนใจเธอน้อยลง เธอก็แอบไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นอย่างลับๆ
แต่ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นความผูกพันแค่ชั่วครั้งชั่วคราว สุดท้ายแล้วเธอรักเสี่ยเลี้ยงอย่างหลิวจงมากที่สุด
“เสียงดังอะไรกัน? รังแกซานซานอีกแล้วเหรอ? “หลิวจงไม่ได้ผลักเฉินซินโหรวออกไป เขาปล่อยให้เธอยังคงอยู่ข้างๆเขา แต่กลับส่งสายตาดุๆไปให้เธอแทน
ต่งอวี่ซานปล่อยวางมากกว่าเฉินซินโหรว ดังนั้นตอนนี้หลิวจงจึงโปรดปรานต่งอวี่ซานมากที่สุด
“อาจง ฉันไม่ได้รังแกเธอ คุณพูดแบบนี้กับฉันได้ยังไง? คุณไม่ได้บอกว่าคุณรักฉันแค่เพียงคนเดียวเหรอ? “เฉินซินโหรวยังคงอวดดีอยู่ในอ้อมแขนของชายวัยกลางคน
เฉินซินโหรวอยู่กับหลิวจงมาเป็นเวลาสามปี และนับได้ว่าเป็นความพยายามของเธออย่างมาก โดยธรรมชาติแล้วเธอรู้วิธีที่จะอดทนเวลาที่เขาไม่พอใจ
เมื่อตอนที่หลิวจงยังเป็นเด็ก ครอบครัวของเขายากจนและถูกรังแกมาโดยตลอด ต่อมาเขาเริ่มทุกอย่างจากศูนย์เพื่อทำให้มาถึงระดับที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เขาชอบความรู้สึกที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยสาวสวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาชอบเวลาที่เห็นผู้หญิงเหล่านี้กระดิกหางต่อหน้าเขา
นี่คือสิ่งที่เขาสนใจ
“โอเคๆ ซานซานเองก็เป็นผู้หญิงของฉัน หน้าที่ของพวกเธอคือต้องรับใช้ฉันให้ดี หากแอบไปหึงหวงและทะเลาะกัน อย่าโทษฉันที่ทำตัวหยาบคายแล้วกัน”หลิวจงทำตัวเหมือนกับตัวเองเป็นฮ่องเต้
ทั้งต่งอวี่ซานและเฉินซินโหรวก็เหมือนกับเป็นนางสนมในฮาเร็มของเขา
เฉินซินโหรวกัดฟันของเธอและทำได้เพียงแค่ยิ้ม เธอพยายามสงบสติอารมณ์: “อาจง ฉันจะทำตัวดีๆกับคุณ”
หลังจากพูดจบเธอก็แอบเหลือบมองต่งอวี่ซาน ต่งอวี่ซานยิ้มอย่างมีชัย เธอเดินไปอีกด้านหนึ่งของหลิวจงและคว้าแขนของเขา จากนั้นก็จงใจเบียดร่างของเธอเพื่อเข้าใกล้ชิดเขา
“ประธานหลิว ฉันแค่อยากจะรับใช้คุณให้ดี ฉันจะอยู่กับพี่เฉินซินโหรวอย่างสันติและไม่ทะเลาะกัน~”
เมื่อได้ยินคำพูดหวานๆของต่งอวี่ซาน หลิวจงก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที และตอนนี้เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะมีสาวสวยๆมาประกบเขาทั้งสองข้าง ไม่ต้องพูดถึงเลยว่ามันจะมีความสุขมากแค่ไหน
“ไปเถอะ ไปดื่มกับฉัน”เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มๆ
ในขณะเดียวกันเฉินซินโหรวก็คว้าแขนของหลิวจง สีหน้าของเธอจริงจังมาก: “อาจง ฉันมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากคุณ”
“โอ้? เธอชอบโปรเจ็กต์หนังเรื่องไหนอีกแล้วล่ะ? “หลิวจงเริ่มหมดความอดทน ใบหน้าของเขาเริ่มฉายแววไม่พอใจ และเสียงของเขาก็เข้มขึ้น
เมื่อเทียบกับนักแสดงตัวเล็กๆอย่างต่งอวี่ซานแล้ว เขาก็แค่ช่วยให้เธอผ่านเรื่องที่ถูกโจมตีบนโลกอินเตอร์เน็ต ไม่ต้องเสียเงินมากแถมเธอยังทำให้เขามีความสุขอีกด้วย
แต่ความทะเยอทะยานของเฉินซินโหรวนั้นเยอะเกินไป สำหรับเฉินซินโหรว เธอเป็นคนที่เขาลงทุนไปมากที่สุด เริ่มแรกเฉินซินโหรวก็ยังปล่อยวางเป็น จนกระทั่งตั้งแต่ที่เธอกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง เธอก็เริ่มที่จะถือตัว ซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่มีความสุขสักเท่าไหร่
“อาจง ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันแค่หวังว่าคุณจะตรวจสอบคนๆหนึ่งให้ฉัน”ลักษณะการพูดของเฉินซินโหรวดูจริงจังมาก เพราะเธอต้องการให้หลิวจงช่วยจริงๆ
“ตรวจสอบคนๆหนึ่ง?”หลิวจงดูประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เฉินซินโหรวไม่ได้ขอเงินและขอของแบรนด์หรูจากเขา
“ฉันจะบอกว่าฉันเคยมีน้องสาวต่างแม่ที่ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงแม่น้ำ แต่เมื่อกี้…ฉันเห็นผู้หญิงที่หน้าเหมือนเธอเป๊ะๆ! ฉันอยากรู้ตัวตนและชื่อของผู้หญิงคนนั้น! “เฉินซินโหรวดูตื่นเต้นมาก เธอจำเป็นที่จะต้องทำให้มันชัดเจน
เมื่อต่งอวี่ซานได้ยินเรื่องนี้ เธอก็รู้สึกแปลกใจและรีบพูดขึ้นว่า: “ผู้หญิงคนนั้นคือน้องสาวคุณเหรอ?”
เฉินซินโหรวแอบเหลือบมองเธอและตัดสินใจที่จะไม่สนใจเธอ เธอกำลังจะพูดต่อแต่หลิวจงก็ขัดจังหวะเธอเสียก่อน: “โหรวเอ่อร์ เธอหมายถึงน้องสาวที่เสียชีวิตของเธอปรากฏตัวอีกครั้งน่ะเหรอ? ซานซานก็เห็นด้วยเหรอ? ”
หลิวจงหันมามองต่งอวี่ซาน และต่งอวี่ซานก็พยักหน้าอย่างรวดเร็วและตอบว่า: “ฉันเห็น แต่ฉันไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้น พอมาคิดดีๆแล้วคิ้วของเธอก็ค่อนข้างคล้ายกับพี่ซินโหรวนะ”
“ในเมื่อน้องสาวเธอตายไปแล้ว ผู้หญิงคนนั้นอาจจะมีฝาแฝดอะไรทำนองนั้นหรือเปล่า?”หลิวจงเริ่มรู้สึกอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องน่าอัศจรรย์จำพวกนี้
“เป็นไปไม่ได้ น้องสาวของฉันไม่มีฝาแฝด ฉันอยากรู้ว่าเธอคือผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่า…”ดวงตาของเฉินซินโหรวเต็มไปด้วยความสงสัย
“ในเมื่อเธออยู่ที่นี่ แสดงว่าเธอก็เป็นแขกที่มาทานอาหารเย็นด้วยงั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นพาเธอมาหาฉัน เดี๋ยวฉันจะถามเป็นการส่วนตัวให้”หลิวจงรู้สึกสนใจขึ้นมา
“เธอเพิ่งออกไป ไม่รู้ว่าเธอไปไหน”เฉินซินโหรวมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของ “เฉินฮวนฮวน”
เมื่อเห็นว่าหลิวจงสนใจ ต่งอวี่ซานจึงริเริ่มเสนอเบาะแส: “คุณหลิว ฉันรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแขกรับเชิญในงานเลี้ยงอาหารค่ำและเธอก็เข้ามาด้วยบัตรเชิญ”
“โอ้ะ? งั้นเรื่องนี้ก็จัดการง่ายเลยสิ ฉันจะให้ผู้จัดงานส่งรายชื่อคนที่มางานเลี้ยงให้ฉันดูว่ามีชื่อผู้หญิงคนนั้นไหม “ขณะที่หลิวจงพูด เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา
เมื่อเห็นว่าหลิวจงเต็มใจที่จะสอบสวนเรื่องนี้ เฉินซินโหรวก็แสดงสีหน้าโล่งใจ เท่าที่เธอมองหลิวจงก็ยังคงห่วงใยเธออยู่
……
ในห้องนั่งเล่น
เป๋าฮวนขอให้พนักงานเสิร์ฟนำกล่องข้าวสไตล์จีนมาเสิร์ฟ ในขณะที่เธอกินมันอย่างเอร็ดอร่อยเธอก็ตรวจสอบเอกสารที่ส่งโดยจิงมั่วไปด้วย
เธอเห็นข้อมูลเกี่ยวกับต่งอวี่ซาน หญิงสาวผู้มีชื่อเสียงในโลกอินเทอร์เน็ตและเดบิวต์มาเป็นนักแสดง และข้อมูลของเฉินซินโหรวก็รวมอยู่ในนั้นด้วยเหมือนกัน
ในช่วงสามปีที่ผ่านมาเฉินซินโหรวได้ปรากฏตัวในละครที่มีชื่อเสียงหลายเรื่อง แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้ดังขนาดนั้น เพราะเล่นได้แค่บทนางอิจฉาหรือนางรอง
เธอได้เป็นแค่นักแสดงนำในซีรี่ย์ออนไลน์เท่านั้น มันก็เหมือนกับการไม่ได้เติบโตสักที และในทางตรงกันข้ามกันการแสดงในบทนางอิจฉาของเธอก็ค่อนข้างเข้มข้น และสามารถทำให้นักแสดงนำหญิงโดดเด่นได้
เรียกได้ว่าน่าเจ็บใจ น่าเจ็บใจที่เป็นได้เพียงแค่คนที่ได้แต่รอความหวัง
“ปังๆ….”
ในขณะเดียวกันประตูก็ถูกเคาะหลายครั้ง และมีคนถามว่า: “คุณเป๋าอยู่ข้างในหรือเปล่าครับ?”