บทที่ 301 ช่วยเหลือออกมา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 301 ช่วยเหลือออกมา

“แค่ทุกคนไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”โจวกุ้ยหลานออกความคิดเห็น

เรื่องเหล่านี้นางคิดไว้ตั้งนานแล้ว จึงได้รีบขายเป็ดไก่ที่เลี้ยงเอาไว้ทั้งหมดไปก่อน คนเมื่อหิวโหยถึงขีดสุด ไม่ว่าเรื่องอะไรก็สามารถทำได้ ก่อนหน้านี้ในบ้านของทุกคนต่างก็มีเสบียงอาหาร เหลืออยู่บ้าง เพียงแต่ถูกน้ำท่วม หรือบางบ้านก็ขึ้นไปล่าสัตว์บนภูเขา ก็พอจะประทังชีวิตไปได้บ้าง ยังมีผักป่าอีก

แต่ถ้าหากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป รอให้อาหารบนภูเขาหมดเกลี้ยงแล้ว เช่นนั้นวันเวลาต่อจากนั้นจะอันตรายยิ่งกว่า

คิดถึงตรงนี้ โจวกุ้ยหลานหันไปมองโจวต้าไห่ “ท่านพี่ ท่านถูกจับเพราะไปขอเข้าพบนายอำเภอหรือ ในคุกยังมีคนของหมู่บ้านอื่นอีกหรือไม่”

“พอพวกเราได้พบกับนายอำเภอ และเพิ่งจะรายงานไปว่าเราประสบภัยพิบัติก็ถูกจับตัว ในคุกนั้นยังมีคนที่เจอเหมือนกับพวกเราไม่น้อย บอกว่าพอเจอนายอำเภอก็ถูกจับตัวเข้าคุก ตอนนี้ก็มีแค่ข้ากับฟู่กุ้ยที่ออกมาได้เท่านั้น”โจวต้าไห่พูด

เป็นอย่างที่คิด……

โจวกุ้ยหลานขมวดคิ้ว “เห็นทีคลังเสบียงอาหาร ในอำเภอคงจะไม่มีเสบียงอาหาร แล้ว”

“จะเป็นไปได้อย่างไร”

“เพราะอะไร”

ทุกคนต่างก็รู้สึกตกใจมาก

โจวกุ้ยหลานใช้มือเท้าคางเอาไว้ พูดสิ่งที่ตนเองคิดออกมา “ถ้าหากที่ทำการปกครองอำเภอไม่มีเสบียงอาหาร แล้ว พวกท่านยังไปรายงานเรื่องภัยพิบัติอีก เช่นนั้นนายอำเภอก็คงต้องเปิดคลังเพื่อแจกจ่ายเสบียงอาหาร อย่างเหมาะสม แต่เขาไม่ได้ทำ ไม่เพียงแต่ไม่ทำ ยังขังพวกท่านไว้อีกด้วย ก็เพื่อที่จะให้คนในหมู่บ้านมีความหวัง และไม่รู้ว่าพวกท่านไปถึงไหนกันแน่”

“แล้วถ้าหากมีคนไปหาอีกเล่า”เหล่าไท่ไท่ถาม

โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “ลูกชายของนายอำเภอตกม้าขาหักมิใช่หรือ ใครไปหา คนในหมู่บ้านเหล่านั้นก็จะถูกกล่าวหาว่าคนที่ไปขอความช่วยเหลือทำให้ลูกชายเขาขาหัก เมื่อเป็นเช่นนี้ ใครยังจะกล้าสืบสาวเอาเรื่องได้ คนมีเงินก็ไปไถ่ออกมา คนไม่มีเงินก็คงได้แต่วิ่งหนี เพราะเกรงจะซวยไปด้วย”

เรื่องนี้ก่อนหน้านี้นางยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ แต่ตอนนี้เมื่อเอามาปะติดปะต่อกันแล้ว ก็นับว่าเข้าใจแล้ว

“แต่ขังเอาไว้เช่นนั้นก็ไม่มีประโยชน์ ปล่อยให้คนหิวโหย อย่างไรก็ต้องก่อความวุ่นวายขึ้นมา”โจวคายจืออดไม่ได้ที่พูดออกมา

โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า “สามารถถ่วงเวลาได้แค่ไหนก็แค่นั้น คิดว่านายอำเภอคงจะรายงานเรื่องภัยพิบัติไปตั้งนานแล้ว แค่ยื้อเวลาให้ทางราชสำนักส่งเสบียงอาหารมาให้ เช่นนั้นทุกอย่างก็ง่ายขึ้น ส่วนตอนนี้ คนบ้านนอกยังสามารถหากินตามป่าตามแม่น้ำได้ ส่วนคนในตำบล ก็ยังพอหาซื้อเสบียงอาหาร ได้จากร้านค้าที่ขายอาหารอยู่บ้าง คงยังไม่มีใครอดตาย”

“แล้วเสบียงอาหาร เล่า ทุกปีพวกเราต้องส่งเสบียงอาหาร ให้ไม่น้อยแล้วมันหายไปไหนหมด”ต้าไห่อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

โจวกุ้ยหลานส่ายหน้า จากนั้นก็หันไปมองเขา “ท่านคิดว่าไงเล่า”

แค่คำพูดเดียว ทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นต่างนิ่งเงียบกันไปหมด

“ผักและผลไม้ป่าของพวกเราตอนนี้ก็ถูกเก็บไปจนเกลี้ยงแล้ว คงทนต่อไปได้อีกไม่นาน ถ้าขืนยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เช่นนั้นก็คงต้องเข้าไปในป่าลึกแล้ว ”โจวต้าซานพูด ใช้ปล้องยาสูบเคาะที่โต๊ะอยู่หลายที เคาะเอาเศษขี้เถ้าในปล้องออกมา

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ บรรยากาศก็เริ่มหนักอึ้งอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้นอกหมู่บ้านมีผู้ลี้ภัยอยู่ไม่น้อย พวกเขาไม่ให้เข้ามาในหมู่บ้าน บางส่วนได้จากไปแล้ว แต่มีบางส่วนอยากจะเข้าไปหากินในป่าลึก แต่แทบจะไม่มีใครกลับออกมาเลย ในป่าลึกมีอะไรอยู่ เกรงว่าคงมีแต่สวีฉางหลินเท่านั้นที่รู้

“ทุกคนอย่าเศร้าไปเลย นายอำเภอคงจะรายงานราชสำนักตั้งนานแล้ว ราชสำนักต้องส่งเสบียงอาหาร มาให้ในไม่ช้าแน่ ถึงตอนนั้นทุกคนจะได้รับความช่วยเหลือ”โจวกุ้ยหลานพยายามฉีกยิ้ม ปลอบใจทุกคน

ทุกคนพยายามทำตัวให้สดชื่น แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร

“เฮ้อ กุ้ยหลาน เสบียงอาหาร ของพวกเราก็ไม่มีแล้ว ต่อจากนี้จะทำอย่างไรดี”โจวคายจือนึกถึงเสบียงอาหาร หลายถุงในห้องครัวที่ถูกปล้นไป ในใจก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมา

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของคนอื่นๆก็ดูไม่ดีนัก

เห็นได้ชัดว่า โจวต้าซานที่คิดถึงครอบครัวใหญ่ของตนเองขึ้นมาแล้ว ก็รู้สึกกังวล

โจวกุ้ยหลานยิ้มพลางส่ายหน้า “พวกเจ้าวางใจเถอะ ข้ายังมีเสบียงอาหาร แต่ว่าตอนนี้ยังเอาออกมาไม่ได้ ไม่เช่นนั้นคงถูกปล้นไปหมด”

“ว่าไงนะ เจ้ายังมีเสบียงอาหาร หรือ อยู่ที่ไหน”เหล่าไท่ไท่ร้องขึ้นมาอย่างตกตะลึง

นางอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว รู้ทุกซอกทุกมุมของบ้านนี้ ไหนเลยยังจะมีเสบียงอาหาร เหลืออยู่

โจวกุ้ยหลานกวาดสายตามองไปที่ทุกคน พบว่าทุกคนต่างก็จ้องมองนางเขม็ง นางยิ้มมุมปาก “อยู่ที่ไหนไม่สามารถบอกพวกท่านได้ แต่ไม่มีทางให้พวกท่านต้องอดตายแน่นอน”

ว่าแล้ว นางก็หันหน้าไป มองไปทางโจวต้าซาน “ท่านลุงใหญ่ พรุ่งนี้ท่านให้พี่เอ้อร์เฉียงมาช่วยข้าหน่อย ช่วยพี่ใหญ่ข้าทำประตูขึ้นมาใหม่”

“ได้”โจวต้าซานตอบรับทันที

พูดคุยกันเสร็จแล้ว โจวกุ้ยหลานก็ลุกขึ้น “เอาล่ะ ทุกคนรีบพักผ่อนเถอะ พวกข้าห่อกับข้าวในตำบลที่กินไม่หมดกลับมาด้วย ที่ใหญ่ท่านช่วยไปอุ่นหน่อย ทุกคนมานั่งกินด้วยกันสักมื้อ”

ได้ยินว่ามีของกิน โจวคายจือก็นับว่าโล่งใจได้บ้างแล้ว รีบลุกขึ้นยืน เดินไปยังห้องครัว

โจวต้าซานก็ลุกขึ้นเช่นกัน บอกว่าจะกลับไปกินที่บ้านตนเอง จึงลงจากเขาไป

รู้ว่าเขาไม่อยากจะกินอาหารเล็กน้อยพวกนี้ โจวกุ้ยหลานก็ไม่ได้ขัดเขา เพราะไม่ว่าอย่างไรที่เขากลับไปกินก็เป็นเสบียงอาหาร ที่นางส่งไปให้

เมื่อโจวต้าซานไปแล้ว โจวต้าไห่ก็กลับไปในห้องพร้อมกับภรรยาตนเองเพื่อพูดคุยกัน โจวกุ้ยหลานจูงมือของรุ่ยอาน อีกมือก็จูงรุ่ยหนิง เรียกเหล่าไท่ไท่ไปที่ห้องของนางพร้อมกัน แม่ลูกสองคนเพิ่งจะมีเวลาว่างได้คุยกัน

“ท่านแม่ หลายวันมานี้พวกท่านไม่มีเสบียงอาหาร แล้วอยู่กันอย่างไร ”โจวกุ้ยหลานลูบใบหน้าที่ผอมลงของรุ่ยหนิง ถามอย่างรู้สึกสงสาร

เหล่าไท่ไท่ถอนหายใจ “จะทำอย่างไรได้ ก็ไปเก็บผักในป่ามาต้มกิน นี่ก็กินมาได้สองวันแล้ว ถ้าหากเจ้าไม่กลับมา พวกเราคงต้องเข้าป่าลึกขึ้นอีกแน่ๆ”

บรรพบุรุษต่างก็เคยเตือนเอาไว้ ว่าอย่าเข้าไปในป่าลึก ถ้าพวกเขาไม่อับจนหนทางจนไม่มีทางเลือก คงไม่มีทางเข้าไปแน่นอน เข้าไปกันสิบคน สามารถกลับออกมาได้สองคนก็นับว่าไม่เลวแล้ว

โจวกุ้ยหลานรู้สึกปวดใจมาก

ลูกน้อยของนางทั้งสอง ผิวพรรณขาวสะอาด รูปร่างอวบอ้วนตลอดมา เพียงแค่นางจากไปไม่กี่วัน ก็ดูผอมลงไปมากแล้ว

“เป็นใครที่มาปล้นเสบียงอาหาร ในบ้านพวกเรา”โจวกุ้ยหลานกัดฟันถามเหล่าไท่ไท่

กล้ามาแย่งอาหารจากปากของลูกชายนาง นางจะเล่นงานพวกเขาให้ตาย

เมื่อคิดถึงคนเหล่านั้น เหล่าไท่ไท่ก็โมโหมาก

“ยังจะมีใครอีก ก็พวกผู้ชายต่ำช้าที่วันๆเอาแต่ขลุกอยู่กับจางเสี่ยวจุ๋ยเหล่านั้นไงเล่า”

พูดถึงจางเสี่ยวจุ๋ย เหล่าไท่ไท่ก็ยิ่งรู้สึกโมโหมากขึ้น

นางดูแลจางเสี่ยวจุ๋ยมาเป็นเวลาสิบกว่าปี หลายปีมานี้ แม้ตัวนางจะกินไม่อิ่มก็พยายามประหยัดเพื่อที่จะเอาอาหารไปให้จางเสี่ยวจุ๋ย เกรงว่านางจะหิว แต่นางกลับคบชู้สู่ชายลับหลัง ยิ่งไปกว่านั้นคือ ยังคบชู้กับซุนโก่วต้านด้วย

“ถุย หญิงร่านไร้น้ำใจ”เหล่าไท่ไท่พูดอย่างกราดเกรี้ยว

โจวกุ้ยหลานหรี่ตาลง “ตอนนี้จางเสี่ยวจุ๋ยเป็นอย่างไรบ้าง”

“ยังจะเป็นอย่างไรได้ เมื่อก่อนตอนที่พวกเราไม่รู้นางยังแสร้งเล่นละครได้ แต่ตอนนี้ วันๆแทบจะใส่แค่ชุดชั้นในสีแดงเดินร่อนไปทั่วหมู่บ้าน ยั่วยวนผู้ชาย ตอนนี้ทุกคนต่างก็เป็นกังวลเรื่องเสบียงอาหาร อาหาร ไม่มีเวลาไปทะเลาะกับนาง ก็มีแต่สะใภ้สองคนในหมู่บ้านที่ใครๆต่างก็ไม่อยากจะยุ่งด้วยคอยต่อกรอยู่กับนาง ยิ่งด่า นางก็ยิ่งยั่วยวนสามีของสองคนนั้น ช่างไร้ยางอายจริงๆ ”

เหล่าไท่ไท่พูด พลางทุบไปที่เตียงเตาอย่างแรง