บทที่383 ในชีวิตนี้ข้าและเจ้าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ตลอดไป

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่383 ในชีวิตนี้ข้าและเจ้าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ตลอดไป

“พ่อของหม่อมฉันเป็นเฉิงเซี่ยงฝ่ายซ้าย พี่ชายเป็นแม่ทัพ หากบุตรสาวของตระกูลหยุนเข้าวังอีก เช่นนั้นคงถูกผู้ที่มีใจคิดร้ายกล่าวขานว่าอำนาจสูงกลบนายอย่างแน่นอน ฝ่าบาททรงมีปรีชาญาณและทรงพลัง แน่นอนว่าก็รู้ถึงความรักภักดีที่ตระกูลหยุนมีต่อฝ่าบาทอยู่แล้ว

ตระกูลหยุนมีวันนี้ได้ล้วนต้องเป็นเพราะพระคุณของฝ่าบาท แต่คนคิดร้ายนั้นกันยาก หากถูกคนอื่นคิดแผนใส่ร้าย ผู้ที่โชคร้ายก็เป็นตระกูลหยุน ถึงตอนนั้นต่อให้ฝ่าบาทเชื่อก็ตาม แต่ก็จำเป็นต้องให้คำอธิบายแก่ใต้หล้านี้

ลูกสาวของตระกูลหยุนจะไม่เข้าวัง พ่อของหม่อมฉันก็อายุมากแล้ว และอีกสองสามปีก็จะลาออกจากการเป็นข้าราชการและไปอยู่บ้านพักผ่อนในยามแก่ยามเฒ่า เหลือเพียงพี่ชายของหม่อมฉันเพียงคนเดียว

ไม่โอ้อวด แถมยังสามารถรับใช้ฝ่าบาทได้อีก เช่นนี้ก็พอแล้ว หม่อมฉันเพียงต้องการให้ตระกูลหยุนปลอดภัยเป็นสุข ส่วนอย่างอื่นล้วนเป็นสิ่งของภายนอกที่ไม่สำคัญ ” หยุนถิงกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง

ระหว่างคิ้วของฝ่าบาทนั้นมีความซาบซึ้งมากขึ้นเล็กน้อย “สมกับเป็นหยุนถิงเลยจริงๆ คนอื่น ๆล้วนคิดหาวิธีและพยายามใช้ทุกวิธีการเพื่อส่งคนของตัวเองเข้ามาในวังหลังของข้า แต่เจ้ากลับไม่อยากให้ลูกสาวของตระกูลหยุนเข้าวัง หยุนเฉิงเซี่ยงมีลูกสาวที่ดีเยี่ยงนี้เป็นบุญของเขายิ่งนัก ในเมื่อเช่นนี้ ข้าก็จะสมหวังเจ้าซะ”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” หยุนถิงกล่าวด้วยความซาบซึ้ง

“ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงทำให้สมหวัง!” จวินหย่วนโยวก็กล่าวตาม

“ถอยออกไปเถอะ!”

เมื่อมองดูหยุนถิงและจวินหย่วนโยวถอยออกไป ดวงตาของฝ่าบาทก็มืดมนและลึกล้ำ

“ซูกงกงไปร่างราชโองการเถอะ เจ้าประกาศแจ้งไปที่ตระกูลหยุนด้วยตนเอง!”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!” ซูกงกงทำตามทันที และในใจก็อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้กับคุณหนูหยุน

สำนึกเยี่ยงนี้ได้ และไม่โลภในอำนาจและฐานะ เกรงว่าคงมีเพียงนางผู้เดียวแล้ว

ตระกูลหยุน เป็นพรยิ่งนักที่มีหยุนถิง

ในวันนั้นซูกงกงก็ไปที่ตระกูลหยุนเลย และทันทีที่อ่านราชโองการจบ ทั้งตระกูลหยุนก็ตกตะลึงกันไปหมด

เดิมทีปีนี้หยุนซูและหยุนหลิงล้วนต้องเข้าวัง หยุนซูและซูอี๋เหนียงต่างก็กระวนกระวายมาก หยุนซูไม่อยากเข้าวัง ซูอี๋เหนียงเองก็ยิ่งไม่อยากให้หยุนซูเข้าวัง นั่นเป็นสถานที่ที่สภาพตกนรกทั้งเป็น นางไม่อยากให้ลูกสาวต้องไปประสบหายนะ

เพียงแต่ว่างานเลือกนางสนมนี้ไม่เหมือนกับอย่างอื่น ไม่สามารถปฏิเสธได้ ช่วงนี้หยุนซูตกอยู่ในภาวะวิตกกังวล เดิมทีวันนี้ยังคิดว่าจะไปปรึกษากับพี่ใหญ่ว่าสามารถไม่เข้าวังได้หรือไม่ แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆฝ่าบาทก็ทรงออกราชโองการมาเลย

สำหรับนางแล้ว นี่เป็นของพระราชทานที่ยิ่งใหญ่มาก ดีมากเลย

ส่วนหยุนหลิงและนางจ้าวที่อยู่ด้านข้างต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด เหนือการคาดหมาย ท้อใจ ผิดหวังเป็นอย่างมาก

เดิมทีหยุนหลิงยังคิดว่าจะสามารถเปลี่ยนฐานะจากการเข้าวังในครั้งนี้ได้ และไม่ต้องถูกหยุนถิงกดขี่อีกต่อไป แต่คิดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะทรงออกราชโองการเช่นนี้ ซึ่งทำเอาความหวังสุดท้ายในใจของหยุนหลิงพังไปหมดเลย

“เป็นเยี่ยงนี้ได้อย่างไรกัน ทำอะไรผิดพลาดไปหรือ?” หยุนหลิงถามด้วยความไม่น่าเชื่อ

“หุบปาก พูดเหลวไหลเช่นนี้ได้อย่างไร ทำให้ซูกงกงหัวเราะเยาะแล้ว!” หยุนเฉิงเซี่ยงตะคอกอย่างเย็นชา

“หยุนเฉิงเซี่ยงเกรงใจเกินไปแล้ว ในเมื่อข้าได้ส่งราชโองการมาถึงแล้ว เช่นนั้นก็ขออำลาแล้ว” ซูกงกงหันกลับและเดินออกไป

หยุนเฉิงเซี่ยงรีบตามไปทันที ถึงที่ทางเข้าจวนตระกูลหยุน หยุนเฉิงเซี่ยงก็พูดทันทีว่า “กงกงได้โปรดบอกให้ทราบหน่อยได้หรือไม่ เหตุใดฝ่าบาทถึงได้ทรงออกราชโองการเช่นนี้?”

“นี่คือสิ่งที่คุณหนูหยุนขอกับฝ่าบาทเอง” ซูกงกงพูดเรื่องทั้งหมดออกมาอย่างคร่าวๆ

หยุนเฉิงเซี่ยงจึงค่อยรู้ และรู้สึกซาบซึ้งหยุนถิงมากยิ่งขึ้น นางแต่งออกไปแล้วยังคิดเพื่อตระกูลหยุนมากเช่นนี้ ลูกสาวคนนี้ผ่านเรื่องยากลำบากด้วยการทำด้วยใจแล้วจริงๆ

และทั้งหมดนี้ก็ล้วนถูกหยุนหลิงที่ไล่ตามออกมาได้ยินไปหมด ในขณะนี้หยุนหลิงเกลียดหยุนถิงยิ่งนัก

นางก็แต่งออกไปแล้ว ยังเห็นตัวเองดีไม่ได้อีก ขัดขวางไม่ให้ตัวเองเข้าวัง น่ารังเกียจจริงๆ

นางไม่ได้คิดว่าหยุนถิงคิดดีต่อตัวเอง เมื่อก่อนคือนางเอาชนะหยุนถิงไม่ได้ ดังนั้นช่วงนี้หยุนหลิงจึงปฏิบัติตนสงบเสงี่ยมเจียมตัวยิ่งนัก และเตรียมตัวเพื่อที่จะเข้าวัง พอเพียงนางเข้าวัง ด้วยวิธีการของนางแล้วนางไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถเอาชนะหยุนถิงได้

แต่คิดไม่ถึงว่า หยุนถิงกลับปิดกั้นทางสุดท้ายของนางไป โดยบอกว่าเพื่อตระกูลหยุนดี ไม่ใช่เป็นเพราะว่ากลัวตัวเองจะเก่งกว่าหล่อยไม่ใช่หรือ ให้ตายเถอะ

หยุนถิง ทั้งชีวิตนี้ข้าจะไม่มีวันประนีประนอมกับเจ้าได้อย่างแน่นอน ถ้ามีโอกาสในอนาคต ข้าจะสับนางให้เป็นชิ้นๆ หยุนหลิงสาบานอย่างโหดเหี้ยมในใจ

ทางนี้ หยุนถิงที่เพิ่งกลับมาถึงจวนซื่อจื่อจู่ๆก็จาม จวินหย่วนโยวรีบไปเอาเสื้อคลุมในห้องแล้วคลุมให้นาง

“เป็นหวัดหรือเปล่า?”

“ไม่น่าใช่ คงเป็นเพราะมีคนด่าว่าข้า ลูกสาวของตระกูลหยุนห้ามเข้าวัง คงเป็นเพราะพวกที่อยู่ไม่สงบเสงี่ยมไม่พอใจสินะ” หยุนถิงแบะปาก

จวินหย่วนโยวคิดแล้วก็รู้สึกว่าจริง “เจ้าคิดเพื่อพวกเขา เพื่อตระกูลหยุน”

“ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะเข้าใจหรือไม่ สามารถรักษาตระกูลหยุนไว้ก็ได้แล้ว แม้ว่าตอนนี้ฝ่าบาทไม่ทรงทำอะไรกับตระกูลหยุน แต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าในวันข้างหน้าจะมีคนวางแผนคิดร้ายตระกูลหยุนหรือไม่ ข้าคิดวางแผนไว้ล่วงหน้าดีกว่า” หยุนถิงอธิบาย

จวินหย่วนโยวยื่นมือออกและดึงนางเข้ามาในอ้อมแขน “มีข้าอยู่วันหนึ่ง ก็จะไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องตระกูลหยุนเด็ดขาด!”

“อืม ข้าเชื่อซื่อจื่อ”

“ซื่อจื่อ ท่านลั่วไปแล้ว พอดีเลยข้าไปตัดขาดจากโลกภายนอกที่หลังลานสักสองสามวัน และศึกษาสมุนไพรสักหน่อย”

“ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า”

…………….

แคว้นเป่ยลี่

โม่เหลิ่งเหยียนพาคนและม้าห้าหมื่นเดินทางในชั่วข้ามคืน และในที่สุดก็มาถึงชายแดนของแคว้นเป่ยลี่ จากนั้นก็ให้ทหารทั้งหมดตั้งค่าย

“ท่านอ๋อง พรุ่งนี้พวกข้าจะไปเยี่ยมเยียนฝ่าบาทแห่งแคว้นเป่ยลี่หรือไม่?” รองแม่ทัพถาม

“ไม่จำเป็น ทุกคนพักที่นี่เป็นเวลาสามวัน” โม่เหลิ่งเหยียนออกคำสั่ง

“ขอรับ!”

ทุกคนก็พักผ่อนทันที และในคืนนั้นก็มีคนของกองทัพขนหงส์สองสามคนมาเยี่ยมเยียน และยังนำอาหารและอาวุธมาให้

“คำนับซวนอ๋อง พวกข้าเป็นกองทัพขนหงส์ ได้รับคำสั่งจากคุณหนูใหญ่ ให้พวกข้าร่วมมืออย่างเต็มที่กับซวนอ๋อง ดังนั้นพวกข้าจึงตัดสินใจนำอาหารและอาวุธมาให้กับทุกคนเอง คุณหนูใหญ่ให้พวกข้าร่วมมืออย่างเต็มที่ หากต้องการสิ่งใดซวนอ๋องโปรดสั่งการมา” ผู้นำคืออู๋เอ้อนี

ดวงตาของโม่เหลิ่งเหยียนฉาบแววแห่งความสุข ตอนเขาไปไม่ได้พบกับหยุนถิง ฝากคำพูดไว้ให้นางเท่านั้น นากกลับช่วยตัวเองถึงเช่นนี้

ไม่แปลกใจเลยที่ก่อนหน้านี้กองทัพขนหงส์หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ที่แท้กระจัดกระจายไปทั่วสี่แคว้นนั่นเอง หยุนถิงฉลาดจริงๆเลย

“เช่นนั้นก็รบกวนทุกท่านจัดหาอาหารมาให้พวกข้าแล้ว ระยะทางระหว่างแคว้นต้าเยียนและแคว้นเป่ยลี่ห่างกันเป็นหลายหมื่นไมล์ เหล่าทหารเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อยทั้งทางอาหารที่พบพามาก็เหลือไม่มากแล้ว เดิมทีคิดว่าจะไปจัดซื้อที่ในเมือง แต่ตอนนี้ก็ต้องลำบากทุกท่านแล้ว” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวอย่างเกรงใจ

“นี่ไม่ใช่เรื่องอะไร ซวนอ๋องต้องการก็สั่งการมาได้เลย” อู๋เอ้อนีกล่าว

ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า กองทัพของซวนอ๋องก็ได้พักอยู่นอกเมืองตลอด โดยไม่ได้โจมตี หรือถอยกลับ ทำให้คนคาดเดาไม่ออก แต่ก็ทำให้ผู้คนตื่นตระหนกเช่นกัน

จักรพรรดิแห่งแคว้นเป่ยลี่และเสนาบดีได้ทราบข่าวแล้วต่างก็ตื่นตระหนกกันหมด ซวนอ๋องได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่กล้าหาญและเก่งในด้านการต่อสู้ โจมตีแล้วไม่มีที่ใดที่ไม่สามารถยืดเอามาได้ จู่ๆก็นำพากองทัพมายังชายแดงของแคว้นเป่ยลี่ ไม่ใช่ข่าวดีอะไรอย่างแน่นอน

ข้าราชการที่อยู่ในราชสำนักต่างก็ตกอยู่ในความกระวนกระวาย ไท่จื่อแห่งเป่ยหมิงก็ลุกขึ้น “เสด็จพ่อ ลูกคิดว่า ซวนอ๋องมาที่ชายแดนของแคว้นเป่ยลี่อย่างเงียบๆเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้โจมตี คงไม่ได้ต้องการจะทำสงครามกับแคว้นเป่ยลี่จริง บางทีเขาอาจมาเพื่อจับผู้หลบหนีก็ได้”

“ผู้หลบหนี?” เป่ยจิ่วฉิงขมวดคิ้ว

“แน่นอนว่าก็คือซ่างกวนเจิ้นและซ่างกวนหรู ข้าคิดว่าทุกคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งที่พ่อลูกสองคนนี้ทำในแคว้นต้าเยียนแล้วสินะ คิดว่าหนีมาที่แคว้นเป่ยลี่ มารับตำแหน่งเป็นเฉิงเซี่ยงและนางสนมก็จะไม่เป็นไรแล้ว คงคิดเพ้อเจ้อไปหน่อยแล้ว” เป่ยหมิงกล่าวอย่างดูถูกเหยียดหยาม