บทที่ 413 สู้กับต้าจิ่วเทียน สิ่งชั่วร้ายเข้ารุกราน

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 413 สู้กับต้าจิ่วเทียน สิ่งชั่วร้ายเข้ารุกราน

วาจาของฟางเหลียงทำให้ยอดแม่ทัพเทพจมอยู่ในภวังค์ความคิด

ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดฟางเหลียงถึงคืนชีพให้เขา นี่สินะเหตุผลที่แท้จริง

แต่พอนึกถึงจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน เพลิงโทสะของยอดแม่ทัพเทพก็พลันลุกโชน

แค้นนี้ต้องชำระให้ได้!

“พ่ะย่ะค่ะ ข้ายินดี!” ยอดแม่ทัพเทพตอบตกลงเสียงขรึม

ฟางเหลียงเผยรอยยิ้มอันซีดเซียว เอ่ยว่า “วางใจเถอะ เราไม่ทำร้ายเจ้าแน่ เดิมทีต้าหลัวก็เป็นระดับที่สรรพสิ่งยากจะบรรลุได้ในชั่วชีวิตหนึ่งอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามกระบวนการนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน ต้องใช้เวลาหนึ่งพันปี”

ยอดแม่ทัพเทพพยักหน้า เขารู้ว่าวาจานี้เป็นความจริง

แม้เขาจะเป็นถึงแม่ทัพสวรรค์ผู้เป็นเลิศด้านการศึกของวังสวรรค์ แต่เขาก็รู้ดีว่าตัวเองอยู่ห่างไกลจากระดับต้าหลัวเหลือเกิน ลำพังตัวเขาเองยังไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุต้าหลัวได้เลย

ดูเอาเถอะ ในวังสวรรค์มีต้าหลัวทั้งหมดกี่คนกันเล่า

….

ยี่สิบปีผ่านไป

ภายในถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยหยุดบำเพ็ญ หยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน

ตราบใดที่จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนยังไม่ตาย เขาก็ไม่อาจสบายใจได้

จนถึงวันนี้ หานเจวี๋ยสาปแช่งเพียงจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนคนเดียวเท่านั้น

ศัตรูลดน้อยลงเรื่อยๆ แล้ว เขาต้องทะนุถนอมไว้

แต่แน่นอนว่าการไม่มีศัตรูเลยจะดีที่สุด

ห้าวันผ่านไป ขณะที่หานเจวี๋ยกำลังจะบำเพ็ญต่อ ดวงจิตประหลาดก็ลอยมาหยุดตรงหน้าเขา โยกไปโยกมาไม่หยุด คล้ายอยากจะพาหานเจวี๋ยไปที่ไหนสักแห่ง

หานเจวี๋ยลังเล เขาสามารถรับรู้อารมณ์ของดวงจิตประหลาดได้ เจ้าสิ่งนี้อยากพาเขาออกจากเกาะสำนักซ่อนเร้น

ล้อเล่นอะไรอยู่!

ด้านนอกอันตรายถึงเพียงนั้น จะออกไปได้อย่างไร

หานเจวี๋ยจับดวงจิตประหลาดไว้ สื่อว่าไม่ให้มันออกไป

ดวงจิตประหลาดเริ่มดื้อดึง หานเจวี๋ยรู้สึกหงุดหงิด จึงจับมันขังไว้ในบัวดำล้างโลกสามหกวัฏจักร

หานเจวี๋ยคิดๆ ดูแล้ว ยังคงใช้แบบจำลองการทดสอบตรวจสอบหาศัตรูทรงพลังรอบๆ อาณาเขตเต๋า

ถึงขนาดที่สามารถทำให้ดวงจิตประหลาดกระสับกระส่ายได้ขนาดนี้ ต้องมีอะไรแน่นอน

อย่าเป็นสิ่งมีชีวิตเลยจะดีที่สุด!

[ต้าจิ่วเทียน: ไม่ทราบตบะ ลูกศิษย์อริยะ ผู้ทรงเกียรติแห่งนิกายฉ่าน]

หืม?

ไม่ทราบตบะหรือ

เช่นนั้นก็เป็นครึ่งอริยะน่ะสิ!

ซ้ำยังเป็นลูกศิษย์อริยะด้วย

นิกายฉ่านช่างเลิศล้ำเสียจริง

หานเจวี๋ยคิดมาโดยตลอดว่านิกายฉ่านลึกล้ำยากจะคาดเดา ในอดีตเคยเชื้อเชิญบุตรสวรรค์ทั้งหมดในแดนเซียนมารวมตัวกัน รากฐานแข็งแกร่ง แม้แต่จักรพรรดิสวรรค์ก็ยังไปเยี่ยมเยือนด้วยตัวเองอยู่บ่อยครั้ง

หานเจวี๋ยรอคอยด้วยความอดทน

หลังจากตรวจไม่พบต้าจิ่วเทียนแล้ว หานเจวี๋ยจึงเริ่มเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบ

เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น คิ้วขมวดแน่น

คนผู้นี้มีของอยู่บ้างนี่

หานเจวี๋ยงัดออกมาทุกกระบวนท่า ยังทำได้แค่เสมอกันไปอย่างถูไถเท่านั้น

คนผู้นี้ไม่เพียงแต่มีพลังวิเศษมหาศาล สมบัติวิเศษก็แกร่งกล้ายิ่ง โชคดีที่หานเจวี๋ยมีบัวดำล้างโลกสามสิบวัฏจักรอยู่

หานเจวี๋ยตัดสินใจแล้ว ต่อไปจะนำต้าจิ่วเทียนมาเป็นเป้าหมาย

ถึงแม้ต้าจิ่วเทียนนั้นแข็งแกร่ง แต่หากคิดจะฆ่าหานเจวี๋ยในเสี้ยววินาทีก็ยังยากมากอยู่ดี

เป้าหมายของหานเจวี๋ยคือสังหารอีกฝ่ายภายในเสี้ยววินาที!

หลังจากต้าจิ่วเทียนไปแล้ว ดวงจิตประหลาดก็สงบลง หานเจวี๋ยจึงปล่อยมันออกมา

หานเจวี๋ยเอ่ยถามข้อสงสัยอยู่ในใจ ‘เมื่อครู่นี้เป็นสิ่งใดที่ทำให้ดวงจิตประหลาดกระสับกระส่ายเช่นนี้’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

ราคาอายุขัยสูงขนาดนี้ ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่!

[ดวงจิตประหลาดชั้นรอง: ไม่ทราบตัวตน สืบทอดโชควาสนาของเทพมารฟ้าบุพกาลตนหนึ่ง ได้รับการฟูมฟักมาหลายยุคหลายสมัย และจะก่อวิญญาณสำเร็จในไม่ช้า]

หือ?

ดวงจิตประหลาดอีกดวงงั้นหรือ

แต่เป็นชั้นรอง

หานเจวี๋ยนึกถึงเรื่องที่สงสัยอีกครั้ง ‘ดวงจิตประหลาดทั้งสองแตกต่างกันตรงที่ใด’

[ดวงจิตประหลาดของท่านสืบทอดโชควาสนาจากเทพมารฟ้าบุพกาลทั้งหมด ดวงจิตประหลาดชั้นรองสืบทอดโชควาสนาจากเทพมารฟ้าบุพกาลเพียงตนเดียว]

โอ้ เช่นนั้นก็ห่างชั้นกันมากสินะ

หานเจวี๋ยรู้สึกสบายใจแล้ว ขอเพียงของที่ดีที่สุดอยู่ในมือเขา แค่นั้นก็พอแล้ว

หลังจากนั้น หานเจวี๋ยไม่คิดมากอีก ดูดซับแรงกรรมจากบัวดำล้างโลกสามสิบหกวัฏจักรต่อไป

….

ณ ห้วงจักรวาลอันมืดมิด เหนือมวลเมฆา ใต้พฤกษาเก่าแก่

เงาร่างเปี่ยมด้วยแสงแห่งเทพหยุดลงตรงหน้าจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยน เขาก็คือต้าจิ่วเทียน

ต้าจิ่วเทียนเอ่ยถาม “ถูกสาปแช่งอีกแล้วหรือ”

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนลืมตาขึ้น พยักหน้ารับด้วยสีหน้าที่ไม่น่ามองนัก

เจ้าแดนต้องห้ามอันธการประหนึ่งฝันร้าย ทุกๆ สิบปีจะทำการสาปแช่งหนึ่งครั้ง พอรู้กำหนดเวลา ก็ยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัดกว่าเดิม

ถึงจะรู้ไปก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ความรู้สึกนี้ช่างน่าคับข้องหมองใจจริงๆ

ช่วงที่ผ่านมานี้ จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนทำนายดวงชะตาอยู่ตลอด ต้องการตามหาตัวเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ แต่จนปัญญาที่ไม่เป็นผลเลย

ต้าจิ่วเทียนชูมือขวาขึ้นมา เอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามองเห็นสิ่งที่อยู่ในมือข้าหรือไม่“”

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนกล่าวด้วยความมึนงง “ไม่มีอะไรเลย เจ้าพูดถึงอะไรอยู่”

ต้าจิ่วเทียนเอ่ยว่า “นี่คือสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ได้รับการฟูมฟักอยู่ในแดนต้องห้ามอันธการ แฝงพลังแห่งเทพมารฟ้าบุพกาลในตำนานไว้ หากชุบเลี้ยงไว้ จะสามารถโค่นล้มมหาเคราะห์ได้แน่ ถึงขั้นที่มีสิทธิ์ชี้ขาดในมหาเคราะห์มรรคายิ่งใหญ่ด้วย”

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนขมวดคิ้ว

“เจ้าไม่เชื่อหรือ เช่นนั้นเจ้าก็ลองสัมผัสดูเถิด” ต้าจิ่วเทียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

เขาโบกมือขวาคราหนึ่ง หลังจากนั้น จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนก็สัมผัสได้ถึงไอหยินชั่วร้ายสายหนึ่งที่เข้ามาใกล้ตน ทำให้เขาขนลุกชัน สะดุ้งโหยงทันที

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนสังเกตดูอย่างละเอียด ไม่มีอะไรเลยจริงๆ เขามองต้าจิ่วเทียนด้วยความประหลาดใจ

ต้าจิ่วเทียนกล่าวว่า “นี่เป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษ ต่อให้เป็นครึ่งอริยะอย่างเจ้าก็ไม่สามารถสัมผัสถึงการมีอยู่ของมันได้ หากมันต้องการสังหารเจ้า เจ้าจะป้องกันได้อย่างไร”

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนขทวดคิ้วแน่น เอ่ยถาม “แล้วเจ้ามองเห็นได้อย่างไร”

ต้าจิ่วเทียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ตาคู่นี้ของข้าได้รับการเบิกเนตรจากเจ้านิกายแล้ว”

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเงียบไป

“ต่อไปนี้ พวกเราต้องหาวิธีทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น เจ้าห้ามไปหาเรื่องหลี่เต้าคงอีก เขามีอริยะหนุนหลังอยู่ ข้าลงมือสังหารเขาด้วยตัวเองไม่ได้” ต้าจิ่วเทียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนเอ่ยเสียงขรึม “ไม่ใช่ข้าที่ไปหาเรื่องเขา เป็นเขาที่ไม่สนใจความเป็นความตาย มาหาเรื่องข้าอยู่ตลอด!”

เมื่อเอ่ยถึงหลี่เต้าคง เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมา

เจ้าคนผู้นี้สู้พวกเขาสองคนไม่ได้ชัดๆ ก็ยังมารนหาที่ตายอยู่ตลอด

แต่พอนึกถึงอริยะแห่งนิกายเหริน ในใจของจักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนก็พลันอ่อนแรงลงอย่างมาก

ตัวเขาในตอนนี้ยังห่างไกลและไร้คุณสมบัติจะไปท้าทายอริยะ

“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลบเลี่ยงเขาซะ” ต้าจิ่วเทียนกล่าวอย่างหนักแน่นจริงจัง

จักรพรรดิหยกโจวเหยี่ยนถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง

….

แปดปีผ่านไป

[ตรวจสอบพบว่ามีผู้ทรงพลังลึกลับควบคุมสิ่งชั่วร้ายที่ถูกมรรคาสวรรค์ขับไล่เข้ากวาดล้างสรวงสวรรค์ ท่านมีตัวเลือกดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ออกจากการเก็บตัวทันที สังหารสิ่งชั่วร้าย จะได้รับมหากุศลมรรคาสวรรค์ ชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น ได้รับสืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

[สอง ปิดด่านต่อไป เก็บตัวบำเพ็ญ จะได้รับชิ้นส่วนมหามรรคหนึ่งชิ้น]

หานเจวี๋ยไม่ลังเลเลย เลือกข้อที่สองทันที

เขาสะสมชิ้นส่วนมหามรรคได้ห้าชิ้น เข้าใกล้การรวบรวมให้ครบเก้าชิ้นขึ้นไปเรื่อยๆ แล้ว

‘สิ่งชั่วร้ายนี้น่าจะเป็นดวงจิตประหลาดชั้นรองกระมัง’

หานเจวี๋ยคิดเงียบๆ ดวงจิตประหลาดยังไม่เจริญเติบโตเลย คาดว่าชั้นรองเองก็คงต้องใช้เวลาเช่นกัน

ฉะนั้นคุกคามหานเจวี๋ยไม่ได้อยู่แล้ว!

หานเจวี๋ยไม่คิดให้มากความอีก บำเพ็ญตบะต่อไป

ครึ่งปีผ่านไป

มู่หรงฉี่เข้าสู่ขอบเขตจักรพรรดิแล้ว

จนถึงตอนนี้ ในบรรดาลูกศิษย์ของสำนักซ่อนเร้นมีลี่เหยา ถูหลิงเอ๋อร์ ฟางเหลียง มู่หรงฉี่ หลงเฮ่าและซูฉีที่บรรลุระดับจักรพรรดิแล้ว

นี่คือมหาเคราะห์ ระดับความเร็วในการบำเพ็ญของผู้ที่อยู่ในการดูแลของมรรคาสวรรค์ล้วนรวดเร็วขึ้นยิ่งนัก

สิ่งที่หานเจวี๋ยต้องทำคือกำกับมรรคจิตของพวกเขาให้เสถียรมั่นคง คอยห้ามปรามไม่ให้พวกเขายื่นหัวไปส่งให้คนอื่น

หานเจวี๋ยเรียกมู่หรงฉี่เข้ามาในถ้ำ ถ่ายทอดพลังวิเศษอย่างหนึ่งให้

ถึงแม้จุดสูงสุดในชีวิตชาติที่แล้วของมู่หรงฉี่จะห่างชั้นจนไม่อาจนำมาเทียบกับหานเจวี๋ยในตอนนี้ได้ แต่คำชี้แนะของหานเจวี๋ยก็เพียงพอจะทำให้เขาได้รับประโยชน์แล้ว

เวลาผ่านประมาณสามปี

ฉู่ซื่อเหรินมาคารวะหานเจวี๋ย

สำหรับบรรพชนพุทธภควัตท่านนี้ หานเจวี๋ยปฏิบัติต่ออีกฝ่ายด้วยฐานะที่เท่าเทียมกัน ถึงขั้นที่เหนือกว่าแล้วด้วยซ้ำ

เขาเคยต่อสู้กับบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ในแบบจำลองการทดสอบแล้ว สามารถปลิดชีพอีกฝ่ายได้

บรรพชนพุทธภควัตผู้นี้ดูเหมือนจะด้อยกว่าบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เสียอีก

………………………………………………………………