ตอนที่ 819 ไม่รนหาที่ตาย ไม่ตาย (2) / ตอนที่ 820 ไม่รนหาที่ตาย ไม่ตาย (3)
ตอนที่ 819 ไม่รนหาที่ตาย ไม่ตาย (2)
“เจ้าจะจัดการเองหรือ แต่…เจ้าคิดจะจัดการมันอย่างไร” เหลยเชินมองจวินอู๋เสียอย่างไม่แน่ใจเล็กน้อย เขาสืบเรื่องของจวินอู๋เสียมาก่อน ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณที่ทำให้ผู้คนสนใจได้มาก แต่นั่นก็ยังไม่อาจเปลี่ยนความจริงที่ว่า ‘เขา’ ยังเป็นแค่เด็กหนุ่มอายุน้อย
ตอนนี้เรื่องมันบานปลายใหญ่โตจนแม้แต่เขาก็ยังเห็นว่าเกินที่จะจัดการได้แล้ว แล้วจวินอู๋เสียจะมีวิธีแก้ปัญหานี้อย่างไร
จวินอู๋เสียตอบเสียงเรียบว่า “พวกเขาแค่ต้องการสร้างความวุ่นวายอย่างต่อเนื่องแค่นั้น และการจบความวุ่นวายนี้ก็ง่ายมาก”
เหลยเชินอึ้งไปเล็กน้อย ข่าวลือในเมืองหลวงทั้งหมดมาจากการที่คู่ต่อสู้ของจวินอู๋เสียได้สละสิทธิ์การประลองไปทีละคน และเหตุผลที่เรื่องบานปลายไปใหญ่โตเช่นนี้ ก็เพราะหนึ่งในคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายไม่เพียงแต่ละทิ้งการประลองเท่านั้นแต่ถึงกับเสียชีวิตเลยทีเดียว ประเด็นหลักก็คือ ถ้าพวกเขาอยากให้ข่าวลือจางหายไป พวกเขาก็ต้องให้จวินอู๋เสียต่อสู้กับคู่ต่อสู้ของเขาในการประลองรอบถัดไป
แต่…
“ในเมื่อคนผู้นั้นกำลังใช้ความสัมพันธ์ระหว่างสำนักศึกษาเฟิงหัวกับข้าสร้างปัญหาขึ้นมา พระองค์ย่อมส่งคนไปจัดการกับคู่ต่อสู้ของเจ้าในรอบถัดไป ถึงข้าจะมีคนอยู่ใต้บังคับบัญชาของข้า แต่พวกเขาไม่อาจสู้คนของบุรุษผู้นั้นได้หรอก…” เหลยเชินพูด เขาอยากจะหยุดปัญหาที่คนผู้นั้นก่อขึ้นจริงๆ แต่คนผู้นั้นคือคนที่นั่งอยู่บนจุดสูงสุดเหนือทุกคนในรัฐเหยียน และนั่นไม่ใช่อำนาจที่เขาซึ่งเป็นเพียงองค์รัชทายาทจะสามารถต่อต้านได้
“ข้าไม่ต้องใช้ท่าน” จวินอู๋เสียพูด
เหลยเชินมองจวินอู๋เสียอย่างนึกสงสัย อยากรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้คิดจะแก้ปัญหาอย่างไร ถ้าเรื่องยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป เขารู้ว่าชื่อเสียงของเขาจะถูกทำลายลงอย่างย่อยยับแน่นอน ขณะที่สำนักศึกษาเฟิงหัวจะถูกประณามสาปแช่งและดูถูกเหยียดหยาม และตัวจวินอู๋เสียเองที่เป็นเหยื่อในแผนการชั่วร้ายนี้ก็จะตกอยู่ในสภาพอันเลวร้ายเช่นเดียวกับเขา
เหลยเชินอยากจะถามเพิ่มอีกสักสองสามคำถาม แต่จวินอู๋เสียไม่สนใจที่จะคุยต่อและไล่เหลยเชินออกไปจากโรงเตี๊ยมตำหนักเซียน
หลังจากเหลยเชินจากไป จวินอู๋เสียก็เรียกเฟยเยียนให้มาหาทันที และถามว่าใครคือคู่ต่อสู้ในรอบถัดไปของนาง
“จ้าวซวินจากสำนักศึกษาสุรบุปผา ทำไมถามถึงเขาเล่า” ในฐานะแหล่งข้อมูลของพรรคพวก บอกได้เลยว่าเฟยเยียนมีรายชื่อส่วนใหญ่ของผู้เข้าแข่งขันศึกประลองภูติวิญญาณ การที่จวินอู๋เสียตามหาเขาเพื่อถามเรื่องคู่ต่อสู้ในรอบต่อไปของนางทำให้เฟยเยียนรู้สึกว่ามันแปลกๆ เล็กน้อย
จากการแข่งขันรอบที่ผ่านๆ มาของจวินอู๋เสีย คู่ต่อสู้ของนางถ้าไม่กลัวจนไม่กล้าเข้าแข่ง ก็เสียชีวิตลงอย่างลึกลับ และดูจากสิ่งที่เกิดขึ้น จวินอู๋เสียน่าจะไม่ต้องสู้กับคู่ต่อสู้ในรอบถัดไปของนางเช่นกัน
“ช่วยข้าหาทีว่าช่วงนี้เขาไปที่ไหนบ่อยๆ” จวินอู๋เสียสั่งง่ายๆ
เฟยเยียนยักไหล่และออกไปสืบทันที
พลังวิญญาณของจ้าวซวินไม่เลวนัก แต่เนื่องจากเขาศึกษาอยู่ในสำนักศึกษาสุรบุปผาที่ไม่มีชื่อเสียง จึงมีคนไม่มากที่เคยได้ยินชื่อของเขา และในศึกประลองภูติวิญญาณปีนี้ เขาแสดงความสามารถได้ค่อนข้างดีในการประลองซึ่งไปเตะตาแมวมองอยู่สองสามคน ยิ่งกว่านั้น…คู่ต่อสู้ในรอบต่อไปของเขาก็คือจวินอู๋เสีย คนที่เป็นศูนย์กลางข่าวลือทั้งหมด ตอนที่การจับสลากจบลง ชื่อของจ้าวซวินก็กระจายไปทั่วเขตประลองที่หนึ่งทันที
ที่ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในเมืองหลวง จ้าวซวินพร้อมด้วยผู้เยาว์อีกสองสามคนล้อมวงกันอยู่รอบโต๊ะบนชั้นสอง
“ข้าว่านะศิษย์พี่จ้าว ท่านจะสู้กับจวินเสียพรุ่งนี้อยู่แล้ว ท่านน่าจะระมัดระวังตัวมากกว่านี้นะ คนที่หนุนหลังเจ้าเด็กนั่นคือองค์รัชทายาทเชียว คนอื่นๆ ที่จับคู่ประลองกับหมอนั่นถูกจัดการไปหมดแล้ว คู่ต่อสู้ของเขาในรอบที่แล้วก็…ท่านก็รู้” ผู้เยาว์คนหนึ่งพูดขึ้นพลางมองจ้าวซวินอย่างเป็นห่วง ชื่อของ ‘จวินเสีย’ ในศึกประลองภูติวิญญาณปีนี้พูดได้ว่าดังที่สุดหรืออื้อฉาวที่สุด จนถึงขั้นสะเทือนการแข่งขันทั้งหมดเลยทีเดียว
ตอนที่ 820 ไม่รนหาที่ตาย ไม่ตาย (3)
การได้รับ ‘บัตรผ่านตลอด’ ในศึกประลองภูติวิญญาณแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
จ้าวซวินไม่กังวล เขาจิบสุราและพูดอย่างไม่แยแสว่า “เจ้าคิดว่าการสละสิทธิ์การแข่งขันจะทำให้เจ้าเคราะห์ร้ายอย่างนั้นหรือ คำสัญญาคำเดียวจากองค์รัชทายาท จะให้ผลประโยชน์มากกว่าที่พวกเราทุกคนทำได้ในการแข่งขันเสียอีก อย่างไรเสียพวกเราทุกคนที่นี่ที่เข้าร่วมการแข่งขันก็ไม่สามารถไปถึงสิบอันดับแรกได้อยู่แล้ว แต่ที่เราทุกคนยังอยู่ที่นี่ก็เพราะหวังว่าจะทำให้เรามีอนาคตที่ดีขึ้น ถ้าเราได้รับคำสัญญาในเรื่องนั้นแล้ว ต่อให้ต้องสละสิทธิ์แล้วจะอย่างไรเล่า”
พวกผู้เยาว์ต่างมองหน้ากัน จากคำพูดของจ้าวซวินพวกเขาจับได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
แต่จ้าวซวินทำท่าราวกับว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีอะไรผิดปกติกับสิ่งที่เขาพูดออกมา และยังพูดต่อไปว่า “พวกเจ้ายังจำตอนที่พวกเราอยู่ในงานเลี้ยงก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้นได้หรือไม่ว่ามันยิ่งใหญ่และหรูหรามากขนาดไหน นั่นคือสถานที่ที่ปกติแล้วพวกเราจะไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวเท้าเข้าไปตลอดชีวิต และข้าจะไม่ปล่อยให้โอกาสเช่นนี้หลุดไปหรอก แค่สละสิทธิ์การแข่งขันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย…”
หลังจากพูดจบ เขาก็ฉีกยิ้มกว้างและดื่มสุราเข้าไปอีกหลายจอกอย่างสำราญใจ
ผู้เยาว์หลายคนที่นั่งร่วมโต๊ะกับจ้าวซวินกำลังคิดกันว่าคำพูดของจ้าวซวินฟังดูแปลกๆ และต่างลอบสบตากัน แต่พวกเขาไม่อยากพูดอะไรมากต่อหน้าจ้าวซวิน
“เอาล่ะ! ข้าต้องกลับไปแล้ว! เอิ๊ก…การแข่งขันวันพรุ่งนี้ทำให้ดีเล่า! ข้าจะไม่ไปร่วมสนุกด้วยหรอกนะ” จ้าวซวินที่เมาเล็กน้อยยืนโงนเงนและโบกมือให้ขณะก้าวออกจากร้านอาหารไป ทันทีที่เขาก้าวเท้าออกไป พวกผู้เยาว์ที่โต๊ะก็ล้อมวงกระซิบกระซาบกันทันที
“คำพูดของจ้าวซวินหมายความว่าองค์รัชทายาทได้ไปหาเขาแล้วใช่หรือเปล่า”
“ก็สงสัยอยู่ว่าทำไมเขาถึงปล่อยตัวขนาดนี้ก่อนการประลอง ดูเหมือนข่าวลือจะเป็นความจริงนะ! องค์รัชทายาทใช้ทุกวิธีเพื่อดันเจ้าเด็กที่ชื่อจวินเสียให้ขึ้นไปถึงสิบอันดับแรกจริงๆ!”
“ข้าเห็นเจ้าเด็กจวินเสียนั่นแล้ว ตัวเล็กนิดเดียวแล้วก็ผอมมาก องค์รัชทายาทเห็นอะไรในตัวเขากันแน่!”
“เฮ้อ ศึกประลองภูติวิญญาณที่มีเกียรติเช่นนี้กลายเป็นงานปาหี่น่ารังเกียจไปแล้ว มันช่าง…”
ความอิจฉา เสียใจ และการคาดเดาไม่รู้จบ แค่คำพูดไม่กี่ประโยคของจ้าวซวิน ก็ทำให้เกิดการถกเถียงกันในหมู่ผู้เยาว์ที่โต๊ะนั้น
จ้าวซวินเดินออกจากร้านอาหารไปด้วยฝีเท้าที่ไม่มั่นคงนัก เขาไม่ได้กลับไปที่โรงเตี๊ยมที่พักของสำนักศึกษาสุรบุปผาในทันที แต่เดินโซเซเข้าไปในตรอกเล็กๆ ไร้ผู้คนแห่งหนึ่ง พอเดินเข้าไปในตรอกเล็กๆ นั่น อาการเมามายของจ้าวซวินก็หายไปทันที ในตรอกนั้นมีบุรุษในชุดคลุมสีดำสนิทคนหนึ่งยืนอยู่ ดูเหมือนเขากำลังรอให้จ้าวซวินปรากฏตัว
“นายท่าน!” พอเห็นบุรุษชุดดำคนนั้น จ้าวซวินก็โค้งตัวต่ำในทันที
บุรุษชุดดำมองจ้าวซวินที่ทั้งร่างมีแต่กลิ่นสุราแล้วถามด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่”
จ้าวซวินสลัดท่าทีไม่แยแสสนใจอะไรที่เขาแสดงออกตอนอยู่ที่ร้านอาหารเมื่อครู่ทิ้งไป ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมจริงจังขณะตอบว่า “ข้าน้อยปล่อยข่าวลือเรียบร้อยแล้วขอรับ เชื่อว่าภายในคืนนี้ ไม่ต้องรอถึงการประลองพรุ่งนี้หรอก ทุกสำนักศึกษาจะรู้ว่าข้าได้ยอมรับสินบนขององค์รัชทายาทแล้ว และตัดสินใจสละสิทธิ์การแข่งขัน”
บุรุษชุดดำพยักหน้าอย่างพอใจ “เจ้าทำได้ดี วางใจเถอะ ตราบใดที่เจ้าทำงานได้ดี เจ้าก็จะมีอนาคตที่ดียิ่งกว่าที่ศึกประลองภูติวิญญาณจะให้เจ้าได้”
“ขอบคุณนายท่านที่เชื่อใจข้า สามารถช่วยนายท่านได้เช่นนี้เป็นความโชคดีของข้าน้อยยิ่งนัก” จ้าวซวินพูดขณะที่ดวงตาฉายแววยินดี ตอนที่บุรุษชุดดำเข้ามาหาเขาตอนแรก เขากลัวมาก ไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นของขวัญที่หล่นจากสวรรค์ลงสู่มือของเขาเช่นนี้
“คนที่รู้จักเอนไปตามสถานการณ์จะเป็นผู้ประสบความสำเร็จ ตราบเท่าที่เจ้าปฏิบัติภารกิจได้ดี ผลประโยชน์ย่อมมาหาเจ้า แต่ถ้าทำไม่ดีละก็…ชะตากรรมของคนที่ตายก่อนหน้านี้ก็จะเป็นของเจ้าด้วยเช่นกัน” เสียงของบุรุษชุดดำพลันเย็นยะเยือกขึ้นทันที
จ้าวซวินตัวสั่น ความเย็นแล่นผ่านไปทั่วร่าง เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่และรีบพยักหน้ารัวๆ