บทที่ 415 สมุนตระกูลว่าน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 415 สมุนตระกูลว่าน

บทที่ 415 สมุนตระกูลว่าน

ตำรวจมองพวกอันธพาลด้วยท่าทางรังเกียจอย่างปิดไม่มิด และทุกคนในพื้นที่ก็ไม่คิดว่าตำรวจจะพูดแบบนั้นเช่นนั้น

ผู้คนรอบด้านได้แต่อ้าปากค้างตกตะลึง คนบ้านซูก็รู้สึกมึนงงเช่นกัน

พวกอันธพาลไม่คิดว่าตำรวจจะไม่ยืนหยัดเพื่อเหยื่อ แต่กลับปกป้องคนร้ายแทน

“คุณเป็นตำรวจ!”

“ฉันเป็นตำรวจน่ะสิ เลยอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกแก!” ตำรวจสูงวัยพูดเสียงดังฟังชัด!

“คุณชื่ออะไร ผมจะต้องฟ้องคุณให้ได้เลย!” อันธพาลไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังปากแข็งแบบนี้

“เฉียวเจิ้งฉี!” เห็นได้ชัดว่าตำรวจคนนั้นไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย

เฉียวเจิ้งฉี?

คนในพื้นที่พูดทวนชื่อ แต่แล้วก็มีคนคิดได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

นี่คือผู้บัญชาการตํารวจที่ได้รับการแต่งตั้งมาใหม่ไม่ใช่หรือ?

ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมาที่นี่ด้วยตัวเอง

แล้วทางที่มาร้านอาหารหออีหมิงมันเป็นทางอย่างไร ผู้บัญชาการถึงมาได้ด้วยตัวเองน่ะ

คนรอบข้างเดากันว่า จะไปรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะมา อาจจะแค่ไม่ได้ตั้งใจก็ได้

มันก็แค่บังเอิญเท่านั้นแหละ

ทว่าอันธพาลกลับจำไม่ได้ว่าเจิ้งฉีคือใคร

พวกเขายังตะโกนเสียงดัง

“สหาย คุณอย่าฟังความข้างเดียวสิ ยัยเด็กนั่นมันโกหก ทุกคนต่างเป็นพยานได้ทั้งนั้น คุณถามพวกเขาก็รู้แล้ว พี่น้องของเราโดนยัยเด็กนี่ทำร้ายจริง ๆ”

คนรอบ ๆ เห็นกับตาจริง ๆ นั่นแหละว่าใครจัดการอันธพาลพวกนั้น

ทว่าพวกเขาเป็นแค่คนธรรมดา โดนรังแกจากพวกกากเดนสังคมไม่น้อยเลย

พอเห็นอันธพาลโดนทำร้ายก็รู้สึกดีไม่น้อย และแน่นอนว่าจะไม่ยอมเป็นพยานให้

ถึงบางคนจะคิดว่าตำรวจด่วนตัดสินใจไปหน่อย แต่ก็ทำแค่คิดในใจเท่านั้น

เพราะคิดว่าถ้าพวกมันโดนจับ จากนี้ไปก็จะได้อยู่อย่างสงบเสียที

ทำไมจะต้องเรียกร้องความยุติธรรมให้กับคนพวกนี้ที่ชอบทำร้ายชาวบ้านด้วยล่ะ?

แม้เฉียวเจิ้งฉีจะไม่เชื่อว่าสาวน้อยทำจริง ๆ แต่เพราะอีกฝ่ายบอกให้ถามหาพยาน เขาจึงถามเรื่องสถานการณ์จากฝูงชนรอบด้าน

“ใครที่เห็นเหตุการณ์เมื่อกี้บอกฉันที สาวน้อยคนนี้ทำร้ายคนพวกนี้หรือเปล่า?

เฉียวเจิ้งฉี่ชี้ไปยังอันธพาลพวกนั้น

ทว่าฝูงชนกลับส่ายหัวทันทีว่าไม่เห็น

ตัวเองเห็น แต่บอกว่าไม่เห็นเนี่ย ตอนนั้นตาบอดอยู่หรือไง?

พวกอันธพาลเริ่มกังวล และเอ่ยปากด่าคนรอบข้างทันที

“พวกแกพูดอะไรกันอยู่? ตัวเองก็เห็นกันทั้งนั้น ฉันเตือนพวกแกเลยนะ ถ้าวันนี้ไม่เป็นพยานให้ ระวังผิวหนังตัวเองไว้เลย!”

เด็กบ้านซูรู้วิธีต่อสู้ แต่คนธรรดาพวกนี้ไม่รู้

เมื่อได้ยินเช่นนั้น บางคนก็เกิดอาการหวาดกลัวไปครู่หนึ่ง

แต่ก็มีบางคนที่ชะงักไปพร้อมก้าวถอยหลัง ไม่กล้าออกมาเป็นพยาน

“ฉันบอกพวกแกแล้วนะ ถ้าวันนี้ไม่ออกมาเป็นพยานให้ กลับไปจะไปเผาบ้านแกให้หมดเลย”

เสี่ยวเถียนก้มหน้าหงุด เธอหัวเราะอย่างหนักจนเกือบจะทนไม่ไหว

ไม่กลัวคู่แข่งเป็นเทพหรอกนะ แต่กลัวเพื่อนร่วมทีมเป็นตัวถ่วงจริง ๆ

และอันธพาลคนอื่น ๆ กลัวว่าตัวเองจะตายเพราะเจ้าโง่ในกลุ่มคนนี้ด้วย

มาขู่ชาวบ้านต่อหน้าตำรวจ ไม่รู้จะเขียนคำลาตายอย่างไรดี

เสี่ยวเถียนพูดเสียงเบา “ลุงตำรวจ หนูกลัว พวกเขาน่ากลัวมาก!”

ครั้นเห็นท่าทางของเธอ เฉียวเจิ้งฉีพูดทันทีว่า “หุบปากซะ พวกแกกล้าเหิมเกริมต่อหน้าตำรวจ กดขี่ข่มเหงรังแกผู้อื่นมาไม่น้อยเลยนะ”

ยิ่งเฉียวเจิ้งฉีพูดมากเท่าไร ใบหน้าของเขาก็ยิ่งน่าเกลียดมากขึ้นเท่านั้น ในพื้นที่ที่เขาดูแลกลับมาคนกล้าก่อเหตุขึ้นได้

เขานึกอะไรขึ้นได้จึงหันไปถาม “พวกเธอรู้ไหมว่าคนพวกนี้มาจากไหน?”

ตำรวจชั้นผู้น้อยข้าง ๆ รู้ที่มาของพวกอันธพาล

“ผมรู้ครับผู้บัญชาการ!” ตำรวจชั้นผู้น้อยตอบเสียงสั่น

เดิมทีเฉียวเจิ้งฉีก็เป็นคนจริงจังอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้เขาพูดด้วยใบหน้าเย็นชา ทำให้ยิ่งน่ากลัวกว่าเดิมอีก

“พูดมา!”

เขาเดินเข้าไปหาแล้วกระซิบเสียงเบา

“แล้วทำไมไม่รีบจัดการคนพวกนี้ล่ะ ปล่อยให้มันเป็นภัยสังคมทำไม?”

“ผู้บัญชาการเฉียวครับ คนที่หนุนหลังพวกเขาคือตระกูลว่าน…” ตำรวจชั้นผู้น้อยเสียใจมากที่พูดเช่นนี้

เฉียวเจิ้งฉี่เองก็เข้าใจ เพราะไอ้หนุ่มคนนี้ก็เป็นคนตระกูลว่านใช่ไหมล่ะ?

ไม่แปลกใจที่ไอ้พวกนี้ยังทำเรื่องเลวร้ายอยู่

เสี่ยวเถียนหูดีกว่าคนอื่น ๆ เธอได้ยินประโยคนั้นเต็ม ๆ

ที่แท้ก็เป็นพวกตระกูลว่าน!

คนตระกูลนี้ยังไม่โดนจัดการอีกหรือ?

หรือไอ้พวกอันธพาลยังนึกถึงมิตรภาพเก่า ๆ เลยออกมาแก้แค้นให้?

เสี่ยวเถียนกำลังคิด และอดบ่นไม่ได้ พวกตระกูลว่านนี่เหลือเกินเลยนะ ไม่ได้ชิงชังขนาดนั้น ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย?

อยู่กันดี ๆ ไม่ได้หรือไง?

“จับพวกมันแล้วพากลับไปสอบสวนที่สถานีซะ อย่าลืมพาคนรอบ ๆ ไปสอบสวนและรวบรวมหลักฐานด้วยล่ะ!” เฉียวเจิ้งฉี่พูดเสียงเย็น

ตระกูลว่านสินะ?

ได้ยินว่าเสือที่สูญเสียกรงเล็บไปแล้วจะแสดงศักดิ์ศรีไม่ได้

แต่ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะกล้าทำเรื่องชั่วช้า

เพราะแบบนี้สินะ พวกลูกสมุนถึงได้ออกมาด้วย!

แต่มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ตระกูลว่านจะกลับมาได้อีกครั้งน่ะ

ตระกูลว่านโชคร้ายจริง ๆ แต่ก็สมควรแล้ว

ไม่รู้ว่าหลายปีมานี้มีกี่คนที่ได้รับอันตรายเพราะพวกมัน และในที่สุดก็ล่วงเกินคนที่ไม่สมควรล่วงเกินจนได้

“ลุงตำรวจ พวกคุณใจดีมากเลยค่ะ!” เสี่ยวเถียนปรบมือทันที

ยามที่เฉียวเจิ้งฉี่มองเด็กสาว ร่องรอยความอ่อนโยนปรากฏในดวงตาของเขาโดยไม่รู้ตัว

สาวน้อยคนนี้ฉลาดจังนะ

เฉียวเจิ้งฉี่พาพวกอันธพาลออกไปโดยไม่พูดอะไรมาก

คนบ้านซูแปลกใจ

แค่เรื่องการจัดการก็น่าแปลกใจแล้ว แถมยังเป็นการสู้กันระหว่างคนสองกลุ่ม ทำไมพาไปคนฝ่ายเดียวล่ะ?

แล้วทำไมถึงไปโดยไม่ถามอะไรพวกเขาด้วย?

“เสี่ยวเถียน เธอรู้จักเขาหรือ?”

ฉืออี้หย่วนถามด้วยน้ำเสียงทุ่มต่ำ

แต่เสี่ยวเถียนส่ายหัว เธอจะไปรู้จักได้อย่างไร?

“แล้วทำไมเขาไม่ถามเราเลยว่าได้ทำร้ายใครหรือเปล่าน่ะ?”

เสี่ยวเถียนคิด “น่าจะมาจับคนพวกนี้หรือเปล่าคะ เพราะเขาทำเรื่องแย่ ๆ เยอะเกินไป!”

เธอคิดว่ามันสมเหตุสมผล

อันธพาลพวกนี้ไม่ใช่คนดี อาจจะเกียวกับคนที่อยู่ใกล้ชิดก็ได้

ฉืออี้หย่วนลูบหัว “เธอพูดถูก!”

เมื่อเห็นคนทั้งสองสนิทสนมกัน ซื่อเลี่ยงก็อารมณ์ไม่ดี เขาวิ่งเข้าไปคั่นกลางทันที

“เสี่ยวเถียน บ้าบิ่นเกินไปแล้ว!” ชายหนุ่มมองน้องสาวด้วยสีหน้าเรียบเฉย

คราวนี้คนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ช่วยเสี่ยวเถียนเหมือนกัน

เด็กคนนี้ควรได้รับบทเรียน!

เสี่ยวเถียนเห็นพี่รองไม่คิดจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ จึงมองไปที่ปู่กับยาด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ