บทที่ 556 วิญญาณวิวัฒนาการ

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 556 วิญญาณวิวัฒนาการ

บทที่ 556 วิญญาณวิวัฒนาการ

เมื่อคิดถึงตรงนี้ เหงื่อเย็น ๆ ก็พลันไหลทั่วร่างของท่านปู่ฮวาอย่างอดไม่อยู่ ! เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าคนแบบไหนกันที่ลงมือ ทำไมมันถึงได้โหดเหี้ยมขนาดนี้ ? ครุ่นคิดเกือบครึ่งวันก็ยังคิดไม่ออก จึงทำได้เพียงปัดความคิดทิ้งไป

หลังจากนั้นเขาก็เรียนเชิญผู้อาวุโสมาอีก 2-3 คนด้วยตัวเอง ท่ามกลางการร่วมมือ ในที่สุดอาการของศิษย์พี่ 3 ก็คงที่แล้ว ! แต่ว่าคิดอยากจะให้ฟื้นคืนสติจริง ๆ ละก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะสารปนเปื้อนในร่างกายพี่ 3 ถ้าไม่เอาสิ่งปนเปื้อนนี้ออกไป จะทำอะไรไปก็ไร้ประโยชน์

ฉู่เหินได้คิดในใจเงียบ ๆ ว่า ถ้าตัวเองใช้พลังดวงดาว ไม่รู้ว่าจะสามารถทำให้สิ่งปนปื้อนในร่างของพี่ 3 ออกมาได้ไหม ? และตอนที่เขาพูดความคิดของตัวเองออกมา พร้อมกับแสดงพลังดวงดาวต่อหน้าทุกคนรอบหนึ่ง มันก็ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นพลังดวงดาวต่างก็พากันอ้าปากค้างอย่างตะลึง !

พอทุกคนได้ศึกษาสักพัก ก็คิดเห็นว่าพลังดวงดาวสามารถดึงเอาสิ่งปนเปื้อนนี้ออกมาทั้งหมดได้ ! หากแต่มันก็ย่อมมีอันตรายอย่างแน่นอน โดยสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดก็คือสิ่งปนเปื้อนพวกนี้จะย้อนเข้าร่างของฉู่เหินแทน ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ละก็ มันก็คงได้ไม่คุ้มเสียแล้ว

เมื่อชายหนุ่มได้ยินว่าน่าจะทำได้ เขาก็เตรียมที่จะลองทำดูด้วยตัวเอง คิดหรือว่าเขาจะกลัวสิ่งปนเปื้อนพวกนี้ ? ไม่ต้องพูดถึงร่างกายของเขาที่มีสิ่งแปลก ๆ ที่รับมาจากหลายสถานที่อยู่ในตัว แค่เพียงอัคคีวัฏสงสารนั่น จะสิ่งปนเปื้อนกี่สิบชนิดก็ทำอะไรตัวเขาเองไม่ได้แล้ว !

มองความมุ่งมั่นของฉู่เหิน ทุกคนก็ทำได้เพียงคอยคุ้มกันอยู่ข้าง ๆ เขา และแม้ว่าศิษย์พี่และอาจารย์จะไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่ หากแต่พวกเขานั้นก็แอบหวังให้เจ้า 3 ฟื้นขึ้นมาเร็ว ๆ เช่นกัน ทว่าจะให้คนหนึ่งฟื้นแล้วคนหนึ่งต้องรับเคราะห์ไปแทนงั้นหรือ ?

แน่นอนว่านี้ยังมีอีกความเป็นไปได้ ก็คือทั้งสองคนอาจจะไม่ฟื้นเลยก็ได้

ทางด้านจูเก๋อโยวหมิงนั้น ในตอนนี้ความคิดของชายชราตีกันวุ่นวายไปหมดแล้ว เขาทั้งโกรธทั้งรู้สึกซาบซึ้งใจ โดยความโกรธที่ว่า มันก็มีที่มาจากการที่มีคนทำร้ายลูกศิษย์คนที่ 3 ของตัวเอง อาศัยเพียงสิ่งนี้สิ่งเดียว ก็ถือว่าเป็นการหยามหน้าเขาแล้ว !

ถ้าเขาได้พบมันคนนั้นล่ะก็ เขาไม่มีวันอภัยให้มันแน่ ทว่าเรื่องนี้ก็จำแต่ต้องรอให้เจ้าสามฟื้นขึ้นมาเสียก่อนถึงจะรู้

ด้วยพลังวรยุทธของตัวเอง แม้ว่าจะอยู่ที่ศูนย์กลางเขาก็ถือว่าเป็นยอดฝีมืออันหาได้ยากคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่ได้กลัวอะไร !!!

ในระหว่างที่จูเก๋อโยวหมิงเริ่มคิดวางแผน ฉู่เหินก็ลงมือแล้ว เขานั่งขัดสมาดตรงหน้าของพี่ 3 ในพลัน ก่อนจะท่องคาถาพร้อมโคจรพลังดวงดาวไปด้วย ! หลังจากที่โคจรพลังดวงดาวแล้ว เวลาไม่นานเขาก็สัมผัสได้ถึงสิ่งปนเปื้อนภายในร่างกายของพี่ 3 ทว่าเจ้าสิ่งปนเปื้อนนี้มันราวกับมีชีวิตยังไงอย่างงั้นแหละ

ตอนที่พวกมันรู้ว่าฉู่เหินต้องการที่จะเอาพวกมันออกไป ก็พากันหลบการกระทำนี้ ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ ตรงเข้าไปสัมผัสพวกมันอย่างช้า ๆ และจากคนที่มีอารมณ์สงบนิ่งอย่างฉู่เหิน จู่ ๆ ดวงตาคู่ของเขาก็พลันแผ่รังสีสังหารออกมา !

เพราะเขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า คนที่ทำร้ายพี่ 3 ของตนนั้นโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ! เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหาวิญญาณมาจากไหน ทั้งยังสามารถควบคุมให้กลายเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่ง และใช้จังหวะที่สู้กับพี่สาม แอบเอาวิญญาณนี่เข้าไปในร่างกายของพี่ 3 อย่างไร้สุ้มเสียง !

เมื่อเป็นแบบนี้ดวงวิญญาณของพี่ 3 จึงถูกควบคุมด้วยดวงวิญญาณตัวนี้ เป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ 3 ไม่ได้สติอย่างที่เห็น

ฉู่เหินคนนี้เป็นใครกัน ก่อนหน้านี้เขาคือปรมาจารย์เรื่องหุ่นเชิดเชียวนะ ! ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า

ต้องเข้าใจว่าสิ่งที่เขาฝึกฝนอย่างแรกสุดก็คือการเชิดหุ่น เพียงแต่เมื่อเวลาผ่านไป เรื่องพวกนี้เขาก็ไม่ได้ทำการฝึกฝนแล้ว แต่ถึงแม้อย่างนั้น มันก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะลืมพวกวิชาหุ่นเชิดไปเสียทั้งหมด เขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่า วิญญาณหุ่นเชิดภายในร่างกายของพี่ 3 เริ่มจะมีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตัวเองขึ้นมาแล้ว เพียงแต่ว่ามันตั้งใจจะหลบและปกปิดตัวตนทำไมกัน ?

เจ้าหุ่นตัวนี้จะต้องฉลาดมากแน่ ถ้าทำให้คนอื่นรู้ถึงตัวตนมันล่ะก็ โดยเฉพาะกับคนที่ฝึกฝนด้านนี้ เกรงว่าตัวมันที่เพิ่งจะมีจิตสำนึกเป็นของตัวเองต้องถูกกำจัดอย่างแน่นอน ! เพราะแบบนี้มันถึงต้องซ่อน

แต่ถ้าปล่อยไว้ มันก็จะเหมือนกับตอนที่ฉู่เหินสร้างหุ่นฉู่เฟิงนั่น ที่ชายหนุ่มเลือกที่จะเก็บฉู่เฟิงเอาไว้โดยไม่ลังเล และตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เขาก็ถือว่าฉู่เฟิงนั้นเป็นน้องชายตัวเองคนหนึ่ง โดยเฉพาะตอนที่ฉู่เฟิงเปลี่ยนท่าทางของตัวเองได้แล้ว แค่คิดมุมปากของฉู่เหินก็อดที่จะยกโค้งยิ้มอย่างยินดีไม่ได้ !

“นายไม่ต้องกลัว ฉันรู้ว่านายเป็นหุ่นที่วิวัฒนาการแล้ว ฉันมีทั้งวิธีที่จะกำจัดวิญญาณของนาย และก็มีวิธีทำให้นายมีชีวิตรอดต่อไปได้ นายไม่ต้องสงสัยวิธีการพูดของฉัน การฆ่านายมันง่ายมาก แต่การเก็บนายเอาไว้กลับยุ่งยากมากกว่า ดังนั้นตอนนี้ฉันเพียงอยากถามนายว่าอยากตายหรือว่าอยากมีชีวิตรอด ?”

เมื่อพูดประโยคนี้จบ ฉู่เหินก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เอาแต่มองสำรวจสิ่งปนเปื้อนนี้อย่างละเอียด พอเวลาผ่านไปนาน ๆ เข้า เจ้าสิ่งปนเปื้อนนี้ก็อดไม่ไหว เริ่มขับเคลื่อนพลังอย่างช้า ๆ พอเห็นฉากนี้ใบหน้าของฉู่เหินก็เผยรอยยิ้มออกมา !

เขารู้ว่าการคาดคะเนของตัวเองไม่ผิด ยังไม่ต้องพูดถึงเจ้าดวงวิญญาณวิวัฒนาการนั้น อาศัยเพียงประสบการณ์ของตัวเองก็พอจะคาดเดาได้แล้ว ! อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขามองสำรวจเขาก็พบแล้วว่าเจ้าดวงวิญญาณนั่นอยู่ตรงไหน

มองฉู่เหินยกยิ้มให้กับตัวเอง ในที่สุดสิ่งปนเปื้อนก็ทนไม่ไหวแล้ว ต่อมาเสียงที่อ่อนแอก็ดังขึ้นที่หูของชายหนุ่ม ทำให้เขารู้ว่าตัวเองทำสำเร็จไปได้ก้าวหนึ่งแล้ว “ฉันฉู่เหินพูดแล้วไม่เคยกลับคำ วางใจเถอะ เมื่อฉันรับปากว่าจะทำให้นายรอด นายก็ต้องรอด”

ตอนที่พูดประโยคนี้ ฉู่เหินก็ดูเหมือนเจ้านายแห่งโลกใบนี้อย่างชัดเจน ระหว่างนั้นมือข้างหนึ่งก็ยื่นออกไปข้างหน้า ท่าทางดูราวกับเทพแห่งสงครามอย่างไรอย่างงั้น ดวงวิญญาณตัวนี้ ไม่รู้ว่าตัวเองถูกรูปลักษณ์ภายนอกของชายหนุ่มโกหกอยู่หรือไม่ หรือว่าฉู่เหินเป็นคนดีอยู่แล้ว พอได้ยินที่เขาพูดจบ สักพักมันก็ไม่ลังเลอีก เลือกที่จะเผยตัวออกมาในทันที

เวลาไม่นานฉู่เหินก็มองเห็นเงาร่างของสิ่งมีชีวิตหนึ่ง ! เพียงแต่พอชายหนุ่มมองเห็นเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวนี้ ดวงตาก็แสดงออกซึ่งความสงสัย

เพราะเจ้าของร่างนี้เป็นแมวใหญ่ตัวหนึ่ง ! ที่มีรูปร่างเหมือนกับแมวนพเก้าของเขา ทว่ามีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เหมือนก็คือ มันไม่มีหางที่เยอะขนาดนั้น แต่แม้จะเป็นอย่างนั้น ก็ทำให้ฉู่เหินรู้สึกสงสัยไม่น้อย

ที่จริงตอนนี้ฉู่เหินรู้สึกเสียใจภายหลังมาก ที่ไม่เอาสัตว์เหล่านั้นติดมาด้วย อย่างน้อยมีกระต่ายต้องสาปมาด้วยก็คงดี เพราะถ้าเจ้ากระต่ายต้องสาปอยู่ข้างตัวเองล่ะก็ ตอนนี้มันคงจะกระโดดมาสาปแช่งคนพวกนั้นที่มาหาเรื่องไปแล้ว !

คิดถึงกระต่ายต้องสาปเขาก็ยกยิ้ม แม้ว่าตอนนี้ฉู่เหินจะรู้สึกสนใจ แมวตัวใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า แต่เมื่อลองคิด ๆ ดู ชายหนุ่มก็ถามต่อว่า “ร่างกายวิญญาณในตอนนี้เป็นเพราะกายเนื้อก่อนหน้านี้ของนายงั้นเหรอ ?”

ประโยคนี้เป็นเพียงประโยคคำถามธรรมดา แต่วิญญาณดวงนี้ฟังเข้าใจดี เมื่อคิดสักพักมันก็พยักหน้า “ร่างกายวิญญาณของฉัน เหมือนจะรวบรวมวิญญาณเมื่อหลายร้อยหลายพันปีก่อน ทำให้ร่างกายของฉันมีทั้งดวงวิญญาณของมนุษย์และปีศาจผสานเข้าด้วยกัน แต่ว่าสุดท้ายกลับกลายสภาพเป็นแบบนี้ ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกัน”

ฉู่เหินพยักหน้าเพราะเขารู้สึกว่าแมวตัวนี้ไม่ธรรมดาเลย กระทั่งลมปราณยังสุดยอดกว่าแมวนพเก้าตัวเองเสียอีก

“ปลดปล่อยวิญญาณของนายมา ฉันจะช่วยตรวจสอบให้ ถ้าในร่างกายของนายมีของต้องห้ามละก็ ถึงตอนนั้นบางทีฉันอาจจะช่วยนายได้ แต่ถ้าในร่างกายนายมีของต้องห้ามร้ายกาจจริง ๆ งั้นก็ยุ่งยากแล้ว”

จากความพยายามของชายหนุ่ม ในที่สุดวิญญาณหุ่นเชิดก็กลายเป็นอิสระ อีกทั้งยังออกมาจากร่างกายของศิษย์พี่ 3…