บทที่ 455 การขอบคุณอย่างสุดซึ้งของคุณชายเหลียงเฉิน

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 455 การขอบคุณอย่างสุดซึ้งของคุณชายเหลียงเฉิน

ผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับไม่ใช่ว่าล้วนไปหมดแล้วหรือ?

หลังจากที่น้ำเสียงที่เย็นชาและกระหายเลือดดังขึ้น ศีรษะของเขาก็หันไปทางที่รู้สึกว่ามีคน ทั้งคนราวกับว่าเป็นปีศาจจากนรก ทั่วร่างแผ่กระจายไปด้วยกลิ่นอายความชั่วร้าย

“เป็นข้า!”

น้ำเสียงที่น่าฟังของหญิงสาวดังขึ้น

เย่แจ๋หยิ่งตะลึงงันเล็กน้อย

มองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยเดินออกมาจากหัวโค้งอย่างช้าๆ ร่างกายสวมชุดสีแดง คลุมเสื้อคลุมสีดำ มองสีหน้าไม่ชัด แต่รัศมีเพียงพอ

ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ในรถม้าผู้นั้นเห็นดังนั้น สีหน้าเย็นชา

มาหาเรื่อง?

“เป็นภรรยา!”

ภรรยา?

คือพระชายาเย่?

หรือว่าตัวเองถูกขังไว้นานเกินไปแล้ว เพราะว่าไม่รู้เลยสักนิดว่าเขาได้แต่งงานเมื่อใด

แต่ว่า ในเมื่ออ๋องเย่พูดว่าเป็นพระชายาเย่ เช่นนั้นก็เป็นคนกันเอง ชายวัยกลางคนจึงได้วางใจ

แต่ทว่า ก็อดไม่ได้ที่จะรีบสังเกตผู้หญิงที่เดินเข้ามาอย่างช้าๆอย่างละเอียด ท่าทางงดงามน่าทึ่ง รัศมีก็คาดว่ามีเพียงอ๋องเย่เท่านั้นที่พอจะสามารถต้านทานได้

“เจ้ามาได้อย่างไร?”

แววตาของเย่แจ๋หยิ่งเผยถึงความอ่อนโยน น้ำเสียงนุ่มนวลอบอุ่น

“เรื่องที่เกิดขึ้นที่สวนว่างฮัววันนี้ท่านก็คงจะรู้แล้ว ข้าคิดไตร่ตรองไปมายังไงก็รู้สึกว่าต้องบอกท่านสักคำ ก่อนหน้านี้ไปถึงจวนอ๋องเย่ ปรากฏว่าท่านไม่อยู่ ได้รู้จากปากขององครักษ์ลับว่าท่านมาที่จวนราชครู ดังนั้นจึงรอท่านอยู่ด้านนอกจวนราชครู เห็นท่านไม่เป็นไรข้าก็วางใจแล้ว”

หลานเยาเยากล่าวอย่างสบายมาก แต่มองเห็นสีหน้าที่ซีดขาวของเขา ใจกลับเป็นห่วงอย่างหนัก

นางรู้ เขาถูกบังคับไปมอบเลือดอีกแล้ว

“ไปเถอะ! พวกเรากลับไปพร้อมกัน ถึงจวนค่อยพูด”

เขายื่นมือไปทางนาง หลานเยาเยาส่ายหัว “ไม่แล้ว เห็นท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ยังไงท่านรู้เรื่องแล้วก็ดีแล้ว ก็ไม่มีอะไรให้พูด ยังไงท่านก็กลับไปพักผ่อนให้ดีๆเถอะ! อันนี้ให้ท่าน” จุดประสงค์ของนางก็คือเห็นเขาสักแวบหนึ่ง เห็นแล้วก็ดีแล้ว

พูดพลาง หลานเยาเยาก็เอื้อมมือไปหยิบยาลูกกลอนขวดหนึ่งให้เขา

เป็นบำรุงเลือด บำรุงรักษาร่างกาย

แน่นอน ยาที่ให้เย่แจ๋หยิ่ง ล้านเป็นของดีขั้นสูงที่สุดของในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ

“ดี!”

เย่แจ๋หยิ่งรู้สภาพร่างกายของตัวเอง เขาไม่อยากให้หลานเยาเยามองออก จึงได้กลืนยาลูกกลอนลงไปต่อหน้าของนาง

จากนั้น เขาก็เสนอว่าจะส่งนางระยะทางหนึ่ง หลานเยาเยายังคงส่ายหัว

นางรู้เย่แจ๋หยิ่งยังมีเรื่องอื่น มองไม่เห็นว่าที่หน้าต่างบนรถม้ามาดวงตาคู่หนึ่งกำลังมองดูนางตาปริบๆอยู่หรือ?

มองส่งรถม้าสีดำค่อยๆหายลับไปต่อหน้าตัวเอง จากนั้นก็ดำเนินเข้าสู่ความมืดมิด แววตาที่เปล่งประกายก็ค่อยๆเศร้าสลด ถอนหายใจเบาๆเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็หายตัววับไปในค่ำคืน

จวนอ๋องเย่

รถม้าสีดำค่อยๆหยุดลงหน้าประตูใหญ่จวนอ๋องเย่ องครักษ์ที่ยืนเฝ้าประตูรีบก้าวเข้ามาทันที พยุงชายวัยกลางคนที่ได้รับบาดเจ็บ เข้าไปในวังอย่างรวดเร็ว

ให้องครักษ์ที่เป็นวิชาการรักษาตรวจแล้ว หลังจากที่ยืนยันว่าชีวิตไม่น่าเป็นห่วงแล้ว เขาจึงได้กลับไปที่ห้องบรรทมของตัวเอง รองเท้าบูตยาวสีดำเพิ่งเหยียบเข้าประตู

“ซ่าซ่าซ่า……”

เสียงลมพัดใบไม้ที่แปลกประหลาดดังขึ้น เย่แจ๋หยิ่งวางเท้าลง เอียงตัวมองไป ที่สะท้อนในม่านตาก็คือผู้ชายที่สง่างามผู้หนึ่ง

เขาก็อยู่เงียบๆอยู่ที่นั่น ไม่ได้หัวเราะยิ้มแย้มเหมือนปกติ และไร้ความบุ่มบ่ามไม่มีวินัยเช่นก่อนหน้านี้ ดวงตาแดงก่ำเล็กน้อย น้ำตาคลอเบ้า มีความทุกข์ที่บรรยายไม่ได้ ในมือของเขาถือพัดพับไว้ ไม่ได้เหมือนปกติที่เปิดขึ้นในทันที

“ผึบ” เสียงหนึ่ง! เขาคุกเข่าลง

“ขอบคุณท่าน เย่แจ๋หยิ่ง!” น้ำเสียงสะอึกสะอื้นเล็กน้อย

โม่เหลียงเฉินรู้ อยากจะช่วยท่านพ่อของตัวเองกลับมามีความยากลำบากเป็นอย่างมาก เกือบห้าปีแล้ว ในที่สุดท่านพ่อก็ถูกช่วยกลับมาแล้ว

“เหอะ!”

เย่แจ๋หยิ่งแสดงน้ำเสียงเหอะเยาะเย้ยเสียงหนึ่ง ราวกับว่าไม่พอใจ “โม่เหลียงเฉินที่ไม่กลัวฟ้ากลัวดิน คิดไม่ถึงว่าจะพูดจาเช่นนี้ได้? ไม่อยากเป็นพี่น้องกันแล้ว?”

เห็นดังนั้น!

โม่เหลียงเฉินหยุดร้องไห้แล้วหัวเราะขึ้นมาทันที ลุกขึ้นยืนอย่างกระดากใจ แล้วก็กลับคืนสู่ลักษณะท่าทางเดิมแบบในที่ผ่านมา

“เห้ย ข้าก็แค่ทำเป็นพิธี คุกเข่าก็คุกแล้ว ขอบคุณก็ขอบคุณแล้ว เรื่องนี้ก็ผ่านไปแล้ว ห้ามคิดบัญชีเก่า”

“พึบ” เสียงหนึ่ง โม่เหลียงเฉินเปิดพัดพับในมือทันที จากนั้นก็หัวเราะเสียงต่ำ ราวกับว่าเหตุการณ์ที่ซาบซึ้งเมื่อครู่นี้ไม่เคยมีอยู่แม้สักนิด เขาก็เพิ่มไปอีกหนึ่งประโยค “ก็รู้ว่าท่านไม่หลงกล” แต่ว่า ไม่ว่าฐานะของนายทหารผู้ช่วยในกองบัญชาการหรือว่าเพื่อนที่โตมาด้วยกัน คำขอบคุณที่มาจากใจจริงประโยคหนึ่ง ท่านก็รับได้”

พูดพลาง โม่เหลียงเฉินก็ทำสีหน้าจริงจังอย่างฉับพลัน : “ขอบคุณที่ท่านช่วยท่านพ่อของข้า”

“ไปดูเขาเถอะ! เขารอเจ้าอยู่”

โม่เหลียงเฉินพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็เหาะออกทางห้องโถงใหญ่ของจวนอ๋องเย่ไปอย่างรีบร้อน

ในห้องบรรทม!

เมื่อเย่แจ๋หยิ่งเหยียบเข้าไป ก็พบกับสถานที่แปลกประหลาด องครักษ์ลับที่แต่งตัวเหมือนเขาเป๊ะๆ ไม่ได้อยู่ในห้อง แต่ยืนอยู่ข้างเก้าอี้ตัวหนึ่งอย่างเรียบร้อย

มองเห็นเย่

อ๋องเย่มาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย แล้วก็กลืนน้ำลายอีก

เมื่อนึกถึงภาพที่เทพธิดาพุ่งเข้ามาทางเขาก่อนหน้านี้ หากว่าเป็นภรรยาของเขาเขาจะต้องดีใจสุดๆเป็นแน่ แต่นี่เป็นภรรยาของเจ้านาย!

ต่อให้งามเลิศล้ำก็ไม่สามารถคิดได้ ดังนั้นเขารู้สึกว่าหนังของตัวเองจะต้องหลุดแล้ว

เย่แจ๋หยิ่งเห็นท่าทีที่ไม่เหมือนปกติของเขา แววตาฉาบผ่านด้วยความสงสัย ทั้งเห็นแววตาที่ละอายใจของเขาเล็กน้อยอีก ความสงสัยก็ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

เสียงเขาไม่ดัง แต่กลับเย็นชามาก ราวกับว่านอกจากหลานเยาเยาแล้ว เขาก็ไม่เคยไว้หน้าใครมาก่อน

“ก่อนหน้านี้ เทพธิดามาแล้วขอรับ……”

องครักษ์ลับพูดจาตะกุกตะกัก เขารู้สึกว่าคำที่จะพูดออกไปค่อนข้างยากลำบาก แต่ไม่พูดก็ไม่ได้

ได้ยินดังนั้น!

เย่แจ๋หยิ่งเลิกคิ้วเล็กน้อย เยาเยามาจวนอ๋องเย่เขารู้แล้ว นี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก ทำไมรู้สึกว่าองครักษ์ลับผู้นี้มีความลำบากเล็กน้อยที่จะเอ่ยออกมา?

หรือว่าในนี้ยังมีเรื่องที่เขาไม่รู้อีก?

หลังจากรอจนองครักษ์ลับเอ่ยออกมาอย่างลำบากว่าหลานเยาเยาพุ่งเข้ามาคิดว่าเขาเป็นเจ้านายแล้ว เย่แจ๋หยิ่งทั้งคนก็ตะลึงงันไปตรงนั้น

จากนั้นเมื่อคิดถึงคนที่หลานเยาเยาพุ่งเข้าหาไม่ใช่เขา แต่เป็นองครักษ์ลับที่ปลอมตัวเป็นเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าหน้าเขาดำขึ้น

เห็นเจ้านายหน้าดำ องครักษ์รู้ว่าจบแล้ว จะต้องถูกเจ้านายขังไว้ในห้องมืดเป็นแน่แล้ว

“เจ้าสัมผัสโดนนางแล้ว”

น้ำเสียงที่ดึงดูดเย็นยะเยือกราวกับหิมะก่อนฤดูหนาว ปราศจากซึ่งความอบอุ่น

“ไม่มีไม่มีขอรับ ไม่มีเด็ดขาด ยังกั้นจาก……” เขาอยากบอกว่ายังมีผ้าห่มกั้นไว้ แต่สัญชาตญาณของเขารู้สึกว่าผ้าห่มคำนี้ค่อนข้างมีความละเอียดอ่อน จึงได้ปิดปาก

“หึ! เช่นนี้ดีที่สุด หากว่าข้ารู้ว่าเจ้าแตะต้องเพียงเส้นผมเส้นหนึ่งของนาง……” คำพูดด้านหลังก็ไม่ต้องพูดแล้ว องครักษ์ลับก็เข้าใจดีว่าจะลงโทษอะไร

องครักษ์ลับยืนอย่างเชื่อฟังไม่พูดจา

ในห้องบรรทมเงียบกริบทันใด ภายในเวลาอันสั้นก็เงียบสงบจนสามารถได้ยินเสียงใจเต้นของตัวเอง

ชั่วครู่หนึ่ง

เย่แจ๋หยิ่งกำหมัดแน่น กล่าวด้วยเสียงต่ำ :

“สองวันนี้ เจ้าอย่าปรากฏตัวต่อหน้าข้า” เขากลัวว่าจะอดไม่ได้ที่จะต่อยคน

“ขอรับ ข้าน้อยรับคำสั่ง!”

เมื่อเห็นเจ้านายของตัวเองโบกมือแล้ว องครักษ์ลับวิ่งจากไปอย่างรวดเร็วดั่งได้รับการอภัยโทษ ราวกับว่าได้เก็บชีวิตคืนกลับมาได้ในที่สุด

ในห้องบรรทมมีเสียงหัวเราะต่ำๆของเย่แจ๋หยิ่งดังมา องครักษ์ลับผู้นั้นที่วิ่งออกมาด้านนอกเมื่อครู่ ยังไม่ทันจะได้หอบ ก็รู้สึกถึงข้างกายมีแรงลมพัดผ่าน

องครักษ์ลับเกาหัว : หืม? เมื่อครู่ออกไปคือเจ้านาย?