บทที่386 ข้าอุ้มเจ้าไป

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่386 ข้าอุ้มเจ้าไป

เมื่อพูดถึงหยุนถิง สีหน้าของซ่างกวนหรูก็มืดครึ้มและโหดเหี้ยมในทันที มือที่อยู่ข้างๆก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น กระดูกส่งเสียงดังกึกๆ

สำหรับซ่างกวนหรูแล้ว หยุนถิงเป็นคนที่นางเกลียดที่สุดในชีวิตนี้

หยุนถิงแย้งจวินซื่อจื่อไป แถมยังกลายเป็นซื่อจื่อเฟย หากไม่ใช่เป็นเพราะนาง ตัวเองก็คงไม่กลายเป็นสภาพในตอนนี้แน่นอน

“ในชีวิตนี้ข้ากับหยุนถิงไม่อายอยู่ร่วมใต้หล้าเดียวกันได้ สักวันหนึ่งข้าจะเหยียบนางให้อยู่ใต้เท้าของข้า ให้นางคุกเข่าขอร้องข้า!” ซ่างกวนหรูพูดอย่างโหดเหี้ยม เอื้อมมือไปรับขวดนั้นมา

มีร่องรอยของความพึงพอใจฉายผ่านดวงตาของซ่างกวนเจิ้น และกำชับสั่งเสียอีกสองสามคำ จากนั้นค่อยจากไป

ซ่างกวนหรูรีบสั่งให้นางกำนัลคนสนิทไปสั่งให้หลังครัวทำซุปที่ฝ่าบาทชอบที่สุด นางมองดูหนอนกู่สีขาวตัวนั้น แม้ว่ามันจะน่าขยะแขยง แต่ก็หลับตา และกลืนมันลงไป

หลังจากนั้นไม่นาน นางกำนัลก็ยกซุปมาให้ ซ่างกวนหรูก็ยกซุปไปหาเป่ยจิ่วฉิงด้วยตัวเอง

เป่ยจิ่วฉิงซึ่งอยู่ในห้องโถงด้านข้าง เดิมทีก็กำลังหงุดหงิดเกี่ยวกับซ่างกวนเจิ้นสองพ่อลูกแล้วนั้น แต่ก็ได้ยินขันทีคนสนิทมารายงานว่า หรูเฟยขอเข้าพบ

นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่างกวนหรูเป็นคนริเริ่มมาหาตัวเอง แม้ว่าก่อนหน้านี้เป่ยจิ่วฉิงจะอยู่แต่ในลานซ่างกวนหรูก็ตาม แต่เขาก็รู้แก่ใจว่าซ่างกวนหรูอยู่กับตัวเองนั้นอึดอัดคับค้องใจจริงๆ

เพราะอายุของซ่างกวนหรู ก็เป็นลูกสาวของเขาได้แล้ว

แม้ว่าเป่ยจิ่วฉิงจะหงุดหงิด แต่ก็ให้นางเข้ามา

ทันทีที่ซ่างกวนหรูเข้าประตูมา ก็คุกเข่าลง โดยไม่พูดอะไรสักคำ “ฝ่าบาท โปรดท่านทรงมอบตัวของหม่อมฉันและท่านพ่อให้กับซวนอ๋องเถอะเพคะ หม่อมฉันไม่อยากให้ท่านลำบากใจ และยิ่งไม่อยากให้ท่านล่วงเกินซวนอ๋องเพราะหม่อมฉันพ่อลูกทั้งสอง และนำพาความหายนะมาให้แก่แคว้นเป่ยลี่!”

เมื่อครู่เป่ยจิ่วฉิงยังคิดอยู่ว่าหากหรูเฟยขอความเมตตากับตัวเอง เขาควรรับมืออย่างไร

แต่นึกไม่ถึงว่า ซ่างกวนหรูจะเอาใจใส่และเข้าใจผู้อื่นมากเช่นนี้

เมื่อเห็นว่าแม้ว่าสีหน้าของนางจะตื่นเต้นและหวาดกลัว แต่ก็ยังทำท่าทีแบบทุ่มสุดตัว คิดเพื่อตัวเองมากเช่นนี้ เป่ยจิ่วฉิงจะยอมต่อว่าสักที่ไหนกันอีกละ

รีบวิ่งมาพยุงซ่างกวนหรูขึ้นมา

“เหตุใดเจ้าถึงพูดเช่นนั้น ข้าจะจำใจมอบเจ้าออกไปได้อย่างไรกัน!”

ซ่างกวนหรูลูกขึ้นยืนตาม “ฝ่าบาท หม่อมฉันไม่อยากทำให้ท่านต้องลำบากใจ”

“เรื่องนี้มันลำบากจริงๆ แต่ข้าในฐานะจักรพรรดิแห่งแว่นแคว้นหนึ่ง ข้าจะจัดการมันอย่างเหมาะสมแน่นอน” เป่ยจิ่วฉิงพูดปลอบโยน

ขอบตาของซ่างกวนหรูแดง อยากร้องไห้แต่ก็กั้นเอาไว้ไม่ให้ตัวเองร้องออกมา “ฝ่าบาท ท่านดีกับหม่อมฉันมากนัก หม่อมฉันไม่มีสิ่งใดที่จะตอบแทน ไม่เช่นนั้นท่านนำหม่อมฉันมอบให้แก่ซวนอ๋อง ก็ถือเป็นการตอบแทนน้ำใจที่ฝ่าบาทมีต่อหม่อมฉันแล้วเพคะ แต่สิ่งเดียวที่หม่อมฉันทิ้งไม่ลงคือฝ่าบาท

ในอดีตตอนหม่อมฉันอยู่ในแคว้นต้าเยียนได้ชื่อว่าเป็นหญิงงานอันดับหนึ่ง หลายคนประจบประแจง มีหน้ามีตายิ่งนัก แต่ตั้งแต่ที่ตระกูลซ่างกวนเกิดเรื่องขึ้น กำแพงจะถล่ม ผู้คนช่วยกันผลัก ผู้คนต่างก็ได้ทีขี่แพะไล่

มีเพียงฝ่าบาทเท่านั้นที่ทรงรักและโปรดปรานหม่อมฉัน มอบรางวัลแด่หม่อมฉัน และยังทรงห่วงใยสุขภาพของหม่อมฉัน และยังให้คนจัดเตรียมอาหารตามรสนิยมของหม่อมฉัน สิ่งเหล่านี้หม่อมฉันล้วนจดจำไว้ในใจอยู่เสมอ

ในชีวิตนี้ สามารถได้เป็นผู้หญิงของฝ่าบาท เป็นโชคของหม่อมฉัน หากเป็นไปได้ หม่อมฉันหวังว่าจะได้รับใช้ฝ่าบาทไปตลอดชีวิต โดยเฉพาะเรื่องการบ้าคลั่งบนเตียงกับฝ่าบาท”

เดิมทีใบหน้าที่น้ำตาคลอนั้น ตอนพูดหน้าก็แดงและเขินอาย มีเสน่ห์และเย้ายวนมากยิ่งขึ้น

ทำเอาร่างกายของเป่ยจิ่วฉิงมีปฏิกิริยาทันที เขากอดซ่างกวนหรูเข้าในอ้อมแขน ก้มหัวลงและจะจูบนาง

“ฝ่าบาท หม่อมฉันได้ต้มซุปที่ท่านโปรดปรานที่สุดมาให้ ทานซุปก่อนเพคะ” ซ่างกวนหรูกล่าวขณะที่ออกมาจากอ้อมกอดของฝ่าบาท

แม้ว่าเป่ยจิ่วฉิงจะใจร้อน แต่ก็ตอบตกลง หายากที่คนสวยจะห่วงใยเขา

หลังจากทานซุปไปถึงจะสามารถต่อสู้อย่างดุเดือดได้

ดังนั้นเป่ยจิ่วฉิงจึงปล่อยให้ซ่างกวนหรูป้อนชามซุปนั้นให้เขา จากนั้นก็อุ้มซ่างกวนหรูในแนวนอน และเดินไปที่เตียงซึ่งวางอยู่ในห้องโถงด้านข้าง

หลังจากนั้นไม่นาน เสียงกรีดร้องของซ่างกวนหรูก็ดังทั่วห้อง และเสียงการหายใจอันหนักหน่วงของฝ่าบาท ดันนานและไม่ขัดหาย

…………….

ทางนี่ ในโรงเตี๊ยม

หยุนถิงและจวินหย่วนโยวต่อสู้กันเป็นเวลานาน และในที่สุดจวินหย่วนโยวก็ปลดปล่อยทั้งหมดในเสียงอันครวญคราง มีความพึงพอใจปรากฏขึ้นบนมุมปาก

หยุนถิงนอนตัวอ่อนอยู่ในถัง หมดเรี่ยวแรงไปนานแล้ว สุดท้ายก็ยังเป็นจวินหย่วนโยวที่เช็ดตัวให้นาง และอุ้มนางกลับไปที่เตียง เพื่อใส่เสื้อผ้า

หยุนถิงผู้อ่อนแอมองดูสีหน้าที่ปกติของจวินหย่วนโยว หน้าไม่หน้าแดงและไม่หอบ ก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย

“ซื่อจื่อท่านโหดเหี้ยมยิ่งกว่าสัตว์อีก เวลานี้ยังบ้าคลั่งเช่นนี้” หยุนถิงอดไม่สามารถที่จะบ่น

“สาวงามแสนดี เป็นที่หมายปองของชายหนุ่ม” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“คำหลอกลวงที่หวานไพเราะ”

“ข้าพูดคำหลอกลวงที่หวานไพเราะกับเจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น พักผ่อนเถอะ ข้าให้คนเอาอาหารมา” จวินหย่วนโยวจูบที่หน้าผากนางเบาๆ จากนั้นก็เช็ดตัวให้แห้งและสวมเสื้อผ้า

หลิงเฟิงที่อยู่ประตูได้ยินคำสั่งของซื่อจื่ ก็ให้ผู้จัดการร้านส่งกับข้าวมาในทันที

มื้อนี้ จวินหย่วนโยวเป็นคนป้อนหยุนถิงกินจนหมดเอง

หลังจากกินและดื่มจนอิ่มแล้ว หยุนถิงก็ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย และกำลังคิดว่าจะทำไงดี ก็เห็นนอกหน้าต่างมีดอกไม้ไฟพอดี

“ซื่อจื่อ ที่นี่มีดอกไม้ไฟด้วย?” หยุนถิงกล่าวด้วยความสงสัย

“อยากดูหรือข้าอุ้มเจ้าออกไป” จวินหย่วนโยวอุ้มนางขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่าง

เมื่อมองดูเช่นนี้ ก็เห็นผู้คนข้างนอกเดินไปมายังไม่ขาดสาย บนถนนยังมีร้านค้ามากมายที่กำลังขายของอยู่ โคมไฟสีแดงก็ยิ่งถูกแขวนเต็มไปทั่วถนน คดเคี้ยวไปไกล มีชีวิตชีวามากและสนุกสนานยิ่งนัก

“คิดไม่ถึงว่าตรงนี้ยังมีตลาดกลางคืน ซื่อจื่อวพวกข้าออกไปเดินเล่นกันเถอะ” หยุนถิงเสนอแนะ

“ไม่เหนื่อยแล้วหรือ?” จวินหย่วนโยวถาม

แก้มของหยุนถิงแดงในทันที และพูดด้วยความโกรธ “โทษท่านนั่นแหละ คราวหน้าเบาหน่อย ทำเอาขาทั้งสองข้างของข้าปวดเมื่อยไปหมด”

“อืม คราวนั้นข้าจะระวัง”

หยุนถิงยิ่งเขินอายไปใหญ่ กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็ถูกจวินหย่วนโยวอุ้มขึ้น “ไปเถอะ เจ้าอยากไปข้าอุ้มเจ้าไปเดินเล่น”

“ไม่ต้องแล้วซื่อจื่อ ข้าเดินเองได้”

“ผู้หญิงของข้า ไม่ต้องเดินเอง” จวินหย่วนโยวพูดอย่างตามใจ แล้วอุ้มนางออกจากประตูไป

ผู้จัดการร้านเห็นเช่นนี้ ก็อิจฉายิ่งนัก หนุ่มสาวคู่นี้รักกันมากจริงๆ

บนถนน มีผู้คนมากมายที่เดินไปมา เห็นจวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงไว้ ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเบา อิจฉาอย่างยิ่ง

ทำเอาหยุนถิงรู้สึกอายมาก และรีบให้จวินหย่วนโยวปล่อยตัวเองลงมา หลังจากการร้องขอครั้งแล้วครั้งเล่าของนาง จวินหย่วนโยวจึงค่อยยอมปล่อยนางลง

ทั้งสองจับมือกันเช่นนี้ เหมือนสามีภรรยาทั่วไป เดินไปดูไป

ที่นี่อยู่ใกล้กับแคว้นเป่ยลี่ และผู้ขายทั้งสองฝั่งบนถนนขายล้วนขายของว่างที่มีลักษณะเฉพาะของแคว้นเป่ยลี่ หยุนถิงไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อมองดูสิ่งนี้ และจับสิ่งนั้นดู รู้สึกแปลกใหม่ยิ่งนัก

ในทางกลับกันจวินหย่วนโยวซื้อของทั้งหมดที่นางเคยมอง ทำเอาผู้หญิงทุกคนที่ผ่านไปมาอิจฉากันไปหมด

เมื่อเห็นเกาลัดทอดน้ำตาลที่อยู่ไม่ไกลนั้น จวินหย่วนโยวยกเท้าขึ้นและกำลังจะเดินไป ด้านข้างผู้หญิงคนหนึ่งหันมาพอดี และชนกับจวินหย่วนโยวพอดีเลย

“ให้ตายเถอะ ใครที่ไหนกันกล้ามาชน——”

ผู้หญิงคนนั้นสาปแช่งด้วยความโกรธ ยังไม่ทันพูดจบและเมื่อเห็นใบหน้าของจวินหย่วนโยวอย่างชัดเจน คนทั้งคนก็ดีใจยิ่งนัก จากนั้นก็มองดูจวินหย่วนโยวด้วยความหลงใหล “คุณชายผู้นี้หน้าตาดียิ่งนัก ข้าตกหลุมรักเจ้า เลือกเจ้าเป็นแต่งเขยเข้าบ้านของข้า!