บทที่ 423 ขอให้หลี่ฝานช่วย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 423 ขอให้หลี่ฝานช่วย

บทที่ 423 ขอให้หลี่ฝานช่วย

หลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเช้าแล้ว พวกเขาก็ลงเรือเพื่อเดินทางกลับไปยังเมืองหลิวเจีย

ฉินเย่จือกล่าวว่าเขาจะเดินกลับบ้านก่อน กู้เสี่ยวหวานจึงไม่ได้ขัดขวาง แต่เกวียนของครอบครัวยังคงอยู่กับพี่ฝู และฉินเย่จือก็ต้องขับเกวียนกลับ นางจึงเตือนขา แต่นั่นก็ทำให้ฉินเย่จือนึกขึ้นได้และรู้สึกน่าอายเล็กน้อย

ตนเองแก่กว่านางเช่นนี้ แต่ยังต้องให้เด็กมาเตือน แต่ครั้นคิดไปคิดมา ในใจก็รู้สึกมีความสุข

เขาขับเกวียนกลับบ้าน กู้เสี่ยวหวานก็พาครอบครัวกุ้ยไปที่ร้านจิ่นฝู

กู้เสี่ยวหวานเล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับกุ้ยชุนเจียวให้หลี่ฝานฟัง หลังจากฟังแล้วหลี่ฟานก็ตกใจ และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดขึ้นว่า “หญิงคนนี้ นางช่างกล้าหาญจริง ๆ หนีไปกับผู้ชายอย่างนั้นหรือ…”

โชคดีที่กุ้ยชุนเจียวและคนอื่น ๆ อยู่ในห้องถัดไปและไม่ได้ยินคำพูดของหลี่ฝาน เกรงว่าถ้าพวกเขาได้ยินก็จะทำให้กุ้ยชุนเจียวร้องไห้อีกครั้ง

“เถ้าแก่หลี่ นางไม่กลับมาเกือบสองวันสองคืนแล้ว เกรงว่าเมื่อถึงเวลาที่คนในหมู่บ้านถามก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เถ้าแก่ลองดูว่าสามารถช่วยได้หรือไม่ ช่วยเหลือแม่นางผู้นี้! ท้ายที่สุดแล้ว นางยังคงบริสุทธิ์”

หลี่ฟานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบตกลง “ตกลง เสี่ยวหวานเอ่ยปากมาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตามข้าจะช่วยให้ได้ เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปจัดการให้ พวกเราจะไปโดยเร็วที่สุด”

เมื่อเห็นว่าหลี่ฝานตกลง กู้เสี่ยวหวานก็ขอบคุณเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็รออยู่ที่ห้อง

เมื่อเสี่ยวเซิ่งจื่อเห็นว่าหลี่ฝานออกไปก็วิ่งเข้ามา ครั้นเห็นกู้เสี่ยวหวาน ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

ทั้งสองพูดคุยกันเล็กน้อยและก็กล่าวถึงหอหนังสืออวี้ โดยไม่รู้ว่าเหตุใดถึงต้องเป็นหัวข้อนี้

“แม่นางเสี่ยวหวาน ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับกู้จือเหวิน กู้จือเหวินนั่นเป็นแค่วายร้าย!” ใบหน้าของเสี่ยวเซิ่งจื่อเต็มไปด้วยความโกรธ ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนในวันปีใหม่ที่ผ่านมา

“ตนเองเป็นลูกของครอบครัวธรรมดา ๆ แต่นี่มันเย่อหยิ่งเกินไปและยังดูถูกชาวนา หึ ๆ ถ้าไม่มีชาวนาเหล่านั้น เขาจะกินอะไร!” เสี่ยวเซิ่งจื่อด่ากู้จือเหวิน ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “เมื่อวานนี้ข้าถามลุงของข้าว่า นักเรียนอย่างกู้จือเหวิน เหตุใดถึงอนุญาตให้เขากลับไปเรียนที่หอหนังสืออวี้อยู่อีก เจ้าเดาสิ่งที่ลูกพี่ลูกน้องของข้าพูดสิ?”

“พูดว่าอย่างไร?” กู้เสี่ยวหวานไม่ได้สนใจมาก แต่นางก็ยังต้องการได้ยินว่า ทำไมสวีเฉิงเจ๋อถึงเปลี่ยนใจหลังจากที่เขาไล่กู้จือเหวินออกจากหอหนังสืออวี้

“เฮ้ ลูกพี่ลูกน้องของข้าบอกว่า กู้จือเหวินผู้นี้เป็นแค่เด็ก และเขาต้องการแสวงหาชื่อเสียง หากเขาตัดเส้นทางของเขา เขาอาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตที่เหลือ ลูกพี่ลูกน้องของข้าเป็นคนใจอ่อน และเขาไม่สามารถทำเช่นนี้เพื่อทำลายอนาคตของผู้คนได้ เฮ้อ …” เสี่ยวเซิ่งจื่อถอนหายใจเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้

แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะรู้ความจริงข้อนี้ แต่นางมักจะรู้สึกว่า ถ้าวันหนึ่งกู้จือเหวินมีชื่อเสียงขึ้นมาจริง ๆ เกรงว่าผู้คนจำนวนมากจะถูกทำลายโดยเงื้อมมือของเขา

เมื่อทั้งสองคุยกัน พวกเขาก็เห็นหลี่ฝานวิ่งเข้ามา จากนั้นเขาก็สั่งให้ลูกน้องมอบของที่ซื้อให้กับกู้เสี่ยวหวาน “นำสิ่งนี้ไปให้แม่นางผู้นั้นเปลี่ยนเถอะ!” กู้เสี่ยวหวานเปิดห่อและเห็นชุดเสื้อผ้าสีเขียวแวววาวอยู่ข้างใน เกรงว่าราคาไม่ถูกเลย นอกจากเสื้อผ้าแล้วยังมีปิ่นปักผมอีกด้วย

กู้เสี่ยวหวานมองดูอย่างสงสัย จากนั้นหลี่ฝานจึงกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าต้องการให้ทุกคนเชื่อ เจ้าก็ต้องทำให้มันสมจริงมากขึ้น สิ่งนี้ข้าส่งคนไปซื้อมา แม่นางผู้นั้นไม่ได้กลับไปสองวันแล้ว ดังนั้นนางควรเปลี่ยนมัน สวมเสื้อผ้าที่สะอาด เพื่อที่นางจะได้มีความมั่นใจมากขึ้น”

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกซาบซึ้งและกล่าวขอบคุณอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณเถ้าแก่หลี่ ข้าจะจ่ายเงินคืนให้ท่าน เถ้าแก่หักมันออกจากเงินเดือนของข้าในเดือนนี้ได้เลย!”

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานทำตัวห่างเหินกับตนเองเช่นนี้ เถ้าแก่หลี่ก็โบกมือและกล่าวอย่างใจกว้าง “อะไรกัน แม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องของเจ้าเอง แต่ในที่สุดเจ้าก็ขอสิ่งหนึ่งจากข้า และข้าก็ควรทำอย่างดีที่สุด”

กู้เสี่ยวหวานรู้สึกขอบคุณมากและรีบเดินไปหาพวกเขาพร้อมสิ่งของ ครอบครัวกุ้ยกำลังรออยู่ที่นั่นอย่างใจจดใจจ่อ และเมื่อพวกเขาเห็นกู้เสี่ยวหวานเข้ามา พวกเขาทั้งหมดก็มีความสุข “เสี่ยวหวาน เถ้าแก่หลี่จะตกลงที่จะช่วยหรือไม่?”

กู้เสี่ยวหวานยัดสิ่งของให้กุ้ยซื่อและกล่าวว่า “ท่านป้าให้ชุนเจียวรีบสวมเสื้อผ้าใหม่นี้เถอะ ในนั้นยังมีปิ่นปักผมอยู่ด้วย อย่าลืมใส่มันเสียล่ะ เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ”

“นี่ ชุดนี้คืออะไร?” กุ้ยซื่อรู้สึกสับสนเล็กน้อย

“เถ้าแก่หลี่ตกลงจะช่วยแล้ว แต่เพราะกุ้ยชุนเจียวออกไปข้างนอกนานเกินไป นี่เป็นวิธีเดียวที่จะแก้ปัญหานี้ได้ โดยเราจะบอกกับทุกคนว่า ชุนเจียวช่วยลูกชายคนเล็กของครอบครัวเถ้าแก่หลี่ในคืนเทศกาลโคมไฟ แต่นางประสบอุบัติเหตุจากหัวกระแทกอย่างรุนแรง ทำให้นางหมดสติไปเป็นเวลานาน หลังจากผ่านไปหนึ่งวันและหนึ่งคืน ในที่สุดนางก็ฟื้นขึ้นเมื่อบ่ายวานนี้ เถ้าแก่หลี่จึงส่งคนไปตามพวกท่านมาที่นี่ แล้วให้พวกท่านอยู่ต่ออีกหนึ่งคืน จากนั้นจึงส่งพวกท่านกลับบ้าน!” กู้เสี่ยวหวานอธิบายแผนของหลี่ฝาน

เมื่อกุ้ยซื่อได้ยินสิ่งนี้ นางก็ยิ้มออกมาทันที “ดี ๆ แผนนี้ดี!”

กุ้ยสวิ้นเหอก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ดี ๆ เสี่ยวหวาน ขอบคุณเจ้าและเถ้าแก่หลี่ผู้นั้นมาก”

ทันทีที่กุ้ยซื่อเปิดห่อผ้า นางก็พบชุดผ้าทอใหม่เอี่ยมและปิ่นปักผมสีเขียวอยู่ข้างใน กุ้ยซื่อและกุ้ยชุนเจียวจ้องเขม็งอย่างว่างเปล่า นางโตมาถึงขนาดนี้ นางยังไม่เคยสวมใส่ชุดผ้าทอเลย และยังมีปิ่นปักผมที่เป็นสีเขียวตลอดทั้งอัน เพียงแค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นของคุณภาพสูง นี่…นี่จะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากแน่!

โดยไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ กุ้ยซื่อกำลังจะใส่มันให้กับกุ้ยชุนเจียว แต่กุ้ยสวิ้นเหอที่อยู่ข้าง ๆ จับมือของกุ้ยซื่อไว้ทันทีและกล่าวด้วยสีหน้าเกรงใจ “สาวน้อยเสี่ยวหวาน ข้าเกรงว่าเสื้อผ้านี่กับปิ่นปักผมคงจะแพงมากใช่หรือไม่!”

กู้เสี่ยวหวานตอบรับหนึ่งคำและบอกว่าเถ้าแก่หลี่เตรียมมันมา แต่ไม่ได้บอกว่าราคาเท่าไร แค่เตือนให้พวกเขารีบไปเปลี่ยนชุดเท่านั้น

จากนั้นนางก็หันหลังเดินออกไป

และมีเสียงของกุ้ยสวิ้นเหอตามหลังมาว่า “สาวน้อยเสี่ยวหวาน ข้าจะคืนเงินให้เถ้าแก่หลี่แน่นอน!”

เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ทุกคนก็ออกจากร้านจิ่นฝู

มีรถม้าสองคันจอดอยู่หน้าประตู ม้าสองตัวด้านหน้ารถเป็นม้าที่มีรูปร่างสูงใหญ่ รถด้านหน้ากว้างขวาง และอีกคันด้านหลังมีขนาดเล็กกว่าเล็กน้อย ภายนอกรถทั้งสองก็หรูหราเช่นเดียวกัน

หลี่ฝานบอกให้ทุกคนขึ้นรถม้าข้างหน้า

ม้าตัวนั้นขาวราวกับหิมะและมีรูปร่างสูงใหญ่ เมื่อพวกเขาขึ้นรถ ม้าก็ส่งเสียงขู่กุ้ยชุนเจียว ทำให้นางกลัวจนไม่สามารถขึ้นรถได้ โชคดีที่กุ้ยซื่อที่อยู่ข้างหลังรีบพยุงนางไว้