บทที่389 ข้าทำได้จริงหรือ

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่389 ข้าทำได้จริงหรือ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และในพริบตาก็ถึงวันงานเลือกนางกำนัลกับนางสนมที่ต้องเข้าวังของแคว้นต้าเยียนแล้ว

บ้านตระกูลซูไม่ได้รับราชโองการให้เข้าวัง ซูชิงโยวแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางรู้ว่าเป็นเพราะหยุนถิงช่วยนางร้องขอความเมตตา จึงรู้สึกซาบซึ้งใจยิงนัก

ซูโหวเย่กลับกำลังรออยู่ที่หน้าประตู รอไปรอมาก็ไม่เห็นกงกงมาท่ายทอดราชโองการ จึงรีบร้อนยิ่งนัก

“ท่านพ่อ คนของพระราชวังจะไม่มาแล้ว” ซูชิงโยวกล่าว

“เพราะเหตุใด?” ซูโหวเย่ไม่เข้าใจ

“ข้าเป็นคนขอให้คุณหนูหยุนช่วยข้าตัดสิทธิ์ในการเข้าวังของข้าเอง” ซูชิงโยวพูดเรื่องทั้งหมดออกมาอย่างคร่าวๆ

ทำเอาซูโหวเย่รู้สึกยินดีและตื่นเต้นมาก “เป็นเรื่องดีที่ลูกคิดเช่นนี้ วังหลังนั้นเป็นสถานที่อันตรายและน่ากลัวยิ่งนัก พ่อไม่อยากให้เจ้าเข้าวังจริง เพียงแต่ว่างานเลือกนางสนมนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องมีในทุกปี พ่อเองก็ปฏิเสธไม่ได้ โชคดีเจ้าได้ขอร้องกับหยุนถิง”

“ใช่ แน่นอนว่าความสุขชั่วชีวิตของลูกจะไม่ถูกทำลายและพังลงเช่นนี้ไปอย่างง่ายดายอยู่แล้ว” ซูชิงโยวกล่าว

“เดี๋ยวว่างๆพ่อจะไปขอบคุณหยุนถิงกับเจ้าเอง”

เมื่อซูซินโหรวที่กำลังจะเข้าไปในลานซึ่งอยู่ไม่ไกลนั้นได้ยินเช่นนี้ ดวงตาแสนสวยนั้นก็ฉายความเหยียดดูถูก

ซูชิงโยวนี้งี่เง่ายิ่งนัก ทิ้งโอกาสเข้าวังที่ดีเยี่ยงนี้ไป สมองไม่ดีหรือเปล่าถึงได้โง่เช่นนี้?

ปีหน้านางก็ถึงอายุที่จะเข้าวังแล้ว ถึงต้องนั้นจะคว้าโอกาสนี้ไว้อย่างดีแน่นอน ขอเพียงตัวเองสามารถยกตำแหน่งที่สูงขึ้นในทันทีทันใด ก็สามารถเหยียบซูชิงโยวไว้ใต้ฝ่าเท้าไปตลอดชีวิต เมื่อซูชิงโยวนึกถึงสิ่งนี้ ดวงตาแสนสวยนั้นก็ฉายความเหี้ยมโหดและได้ใจ หันหลังและจากไป

ส่วนที่ตระกูลฉินก็เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด

ฉินจิ้งอี๋ไม่อยากเข้าวัง แต่ฉินซ่างซูกลับไม่เห็นด้วย ฉินจิ้งอี๋ยอมทะเลาะกับพ่อ และใช้วิธีอดอาหารมาบังคับ แต่เสียดายที่พ่อยังไงก็ไม่ยอมตกลง ดังนั้นสองพ่อลูกจึงทะเลาะกันอย่างแรง ฉินซ่างซูโกรธจนป่วย

ลูกสาวคนนี้ดูอ่อนแอ แต่แท้จริงแล้วกลับดื้อรั้นมีความคิดของตัวเองยิ่งนัก หากนางไม่อยากเข้าวัง เช่นนั้นตระกูลฉินจะอธิบายต่อฝ่าบาทอย่างไร

ช่วงนี้จ้าวเคอไม่เห็นคุณหนูฉินออกไปข้างนอกเลย และรู้สึกกังวลเล็กน้อย แม่ของจ้าวเคอก็เร่งให้จ้าวเคอไปขอบคุณคุณหนูฉิน พิธีเข้าบ้านใหม่ในวันนั้นต้องขอบคุณคุณหนูฉินเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยจัดการต้อนรับขับสู้

ดังนั้นวันนี้จ้าวเคอถึงมาเยี่ยมเยือนจวนตระกูลฉินพร้อมของขวัญเล็กน้อย แต่กลับถูกพ่อบ้านของจวนตระกูลฉินขวางไว้นอกประตู

“นายสนองจ้าว ช่วงนี้นายท่านของข้าถูกคุณหนูทำให้โกรธจนป่วย ร่างกายไม่ค่อยสบาย และไม่สะดวกที่จะพบแขก โปรดนายสนองจ้าวอย่าได้ถือสาเลย”

จ้าวเคอแข็งทื่อ และมองดูพ่อบ้านอย่างสงสัย

คุณหนูฉินเป็นผู้ที่มีความรู้ มีมารยาท อ่อนโยนและใจกว้าง สวยและเฉลียวฉลาดมาโดยตลอด จะทำให้พ่อตัวเองโกรธจนป่วยได้อย่างไรกัน

“เจ้าเป็นพ่อบ้านของตระกูลฉินจริงๆหรือ?”

“นายสนองจ้าวพูดอะไรกัน ข้าเป็นพ่อบ้านของตระกูลฉินมามากว่าสิบปีแล้ว ก็ต้องเป็นของจริงอยู่แล้ว” พ่อบ้านพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“เป็นข้าที่ละเมิดล่วงเกินแล้ว ข้าขอโทษ ข้าเพียงแค่รู้สึกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณหนูฉินจะทำออกมาได้” จ้าวเคออธิบาย

“อย่าพูดถึงเลย คุณหนูของข้ากำลังทะเลาะกับนายท่านเอาเป็นเอาตายไม่ยอมเข้าวัง ปีนี้คุณหนูอยู่ในรายชื่อของงานเลือกนางสนม หากไม่เข้าวังก็จะถือเป็นโทษหนักในการขัดขืนราชโองการ ทั้งตระกูลฉินต้องเดือดร้อนทนตามไปด้วย” พ่อบ้านบ่น

จ้าวเคอตกตะลึงอย่างกะทันหัน คุณหนูฉินอยู่ในรายชื่อของงานเลือกนางสนมด้วย หากนางเข้าวังไป——เมื่อนึกถึงตรงนี้ หน้าอกของจ้าวเคอก็หงุดหงิดหายใจไม่ออก และตึงเครียดเล็กน้อย

จ้าวเคอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองออกจากจวนตระกูลฉินไปอย่างไร และกลับไปที่บ้านอย่างไม่รู้สึกรู้สา

เมื่อแม่ของจ้าวเคอเห็นลูกชายกลับมาพร้อมกับของขวัญต่อ ก็รู้สึกตะลึงงัน “ทำไมเจ้าถึงนำของขวัญกลับมาอีกละ เป็นเพราะคุณหนูฉินรังเกียจหรือ?”

“ข้าไม่เห็นคุณหนูฉิน เห็นแต่พ่อบ้านของตระกูลฉิน เขาบอกว่าคุณหนูฉินอยู่ในรายชื่อของงานเลือกนางสนมในปีนี้ แต่นางไม่ยอมเข้าวัง กำลังทะเลาะกับฉินซ่างซู จึงไม่มีเวลามาต้อนรับข้า”

แม่ของจ้าวเคอตกตะลึงในทันที “งานเลือกนางสนม นั่นไม่ใช่ต้องเข้าวังไปเป็นเฟยไม่ใช่หรือ ถ้าอย่างนั้นเจ้ากับคุณหนูฉินก็เป็นไปไม่ได้แล้ว”

เมื่อคิดดูแล้วก็จริง คุณหนูฉินเป็นกุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่มีฐาน และพ่อก็เป็นซ่างซูคนปัจจุบัน ดังนั้นการเข้าวังก็เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรน่าตำหนิ แต่แม่ของจ้าวเคอรู้สึกเสียดายมาก นางถูกใจคุณหนูฉินจะให้นางมาเป็นลูกสะใภ้ของตัวเอง

“ท่านแม่ อย่าพูดเหลวไหล” จ้าวเคอโต้กลับ

“แม่พูดเหลวไหลที่ไหนกัน สายตาที่เจ้ามองคุณหนูฉินนั้นยังแตกต่างเลย เจ้าเป็นลูกของข้า เจ้าคิดอะไรอยู่ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร แม่ก็รู้สึกว่าคุณหนูฉินไม่เลวนัก หากนางก็ชอบเจ้า นั้นคงเป็นบุญใหญ่ของตระกูลจ้าวพวกข้า

เมื่อครู่เจ้าบอกว่านางไม่อยากเข้าวังไม่ใช่หรือ มีวิธีใดที่สามารถทำให้คุณหนูฉินไม่ต้องเข้าวังหรือไม่ บางทีนางก็อาจจะชอบเจ้าเหมือนกันก็ได้ ไม่อย่างนั้นตอนพวกข้าเข้าบ้านใหม่ นางจะช่วยงานอย่างรอบคอบและดีเยี่ยงนี้ได้อย่างไร

ใช่แล้ว เจ้าไปขอคุณหนูหยุน นางมีความสามารถ แถมยังเป็นองค์หญิงอีก นางต้องมีวิธีแน่นอน ลูกเอ๋ย เจ้าอย่ายอมแพ้ในเวลาอันวิกฤตนี้นะ ความสุขของตัวเองต้องไปไขว่คว้าเอง” แม่ของจ้าวเคอพูดเป็นกำลังใจ

เดิมทีจ้าวเคอยังไม่ค่อยแน่ใจจิตใจของตัวเอง แต่หลังจากสิ่งที่แม่พูดเช่นนี้แล้ว และนึกถึงว่าฉินจิ้งอี๋จะเข้าวังไปเป็นนางสนมแล้ว หัวใจทั้งดวงของเขาก็ตึงแน่น และหยุดหายใจ หน้าอกเจ็บปวดอย่างรุนแรง ราวกับว่าสิ่งมีค่าที่สุดของตัวเองกำลังจะสูญหายไป

“ท่านแม่ ข้าทำได้จริงหรือ?”จ้าวเคอถามอย่างไม่แน่ใจ

เขายากจนมามากว่ายี่สิบปี ชีวิตช่างน่าสังเวชยิ่งนัก แม้ว่าตอนนี้จะสอบได้จอหงวน แต่ในใจของจ้าวเคอก็ยังมีความด้อยกว่า

“ลูกโง่เอ๋ยเจ้าทำได้อยู่แล้ว เมื่อก่อนหากเจ้าคิดเช่นนี้ก็คือดอกฟ้ากับหมาวัด ตอนนี้เจ้าเป็นถึงจอหงวน รองเสนาบดี นั่นก็คือขุนนางชั้นสูง รีบไปเถอะ อย่าเสียใจภายหลังละ” แม่ของจ้าวเคอดึงลูกชายตัวเองแล้วไป

“อืม งั้นข้าไปขอคุณหนูหยุน” จ้าวเคอวิ่งออกจากบ้านด้วยความตื่นตระหนก และตรงไปที่จวนซื่อจื่อ

เมื่อผู้คนบนถนนเห็นเขาเช่นนี้ ก็นึกว่าเขาบ้า บางคนที่อยากรู้อยากเห็นก็ตามเขาไป แต่กลับเห็นเขาเข้าไปที่จวนซื่อจื่อ

ทันทีที่จ้าวเคอเห็น “หยุนถิง” ก็คุกเข่าลงทันที “คุณหนูหยุน โปรดช่วยข้าด้วย อย่าปล่อยให้คุณหนูฉิน้ต้องเข้างานเลือกนางสนมเลย”

“หยุนถิง” ที่กำลังดื่มชาอยู่ในลาน เหลือบมองใบหน้าที่จริงจังของเขาแล้วพูดว่า “เจ้าไว้ใจเถอะ เรื่องนี้ข้าได้บอกกับฝ่าบาทแล้ว ฉินจิ้งอี๋จะไม่เข้าวัง”

“จริงหรือ ดีมากเลย ขอบคุณคุณหนูหยุน สำหรับบุญคุณยิ่งใหญ่ของคุณหนูหยุน ชาติหน้าข้าจ้าวเคอจะยอมเป็นวัวเป็นควายมาตอบแทนท่าน” จ้าวเคอคุกเข่าและกราบในทันที

“เอาล่ะ ลุกขึ้นเถอะ ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเจ้าต้องให้คุณหนูฉินรู้ถึงใจที่เจ้ามีต่อนางก่อน” หยุนถิงกล่าว

“อืม ข้าจะบอกนาง” จ้าวเคอวิ่งหนีไปด้วยความดีใจ

เมื่อเห็นเขาจากไป หยุนถิงในลานก็ยิ้มอย่างรู้เท่าทัน ซื่อจื่อเฟยมีญาณรู้ถึงเหตุการณ์ล่วงหน้ามากจริงๆเลย รู้ว่าจ้าวเคอจะมาหานาง และได้กำชับเรื่องนี้ไว้ด้วยเฉพาะ

ไม่รู้ว่าตอนนี้ซื่อจื่อกับซื่อจื่อเฟยเป็นยังไงบ้างแล้ว?

ด้านนี่ เมื่อคืนนี้หยุนถิงและจวินหย่วนโยวดื่มมากเกินไป จากนั้นหยุนถิงก็เมาเหล้าและดันจวินหย่วนโยวล และยังบอกว่าจะอยู่ด้านบน ซึ่งทำให้จวินหย่วนโยวเอาอีกครั้งอย่างดุเดือด ดังนั้นวันรุ่งขึ้นตอนเช้า หยุนถิงก็เหนื่อยล้าจนผล็อยหลับไป

จวินหย่วนโยวเป็นคนอุ้มนางขึ้นรถม้าด้วยตัวเอง และเดินทางต่อไป เดินทางไปวันแล้ววันเล่า จนกระทั่งค่ำ จวินหย่วนโยวและพรรคพวกจึงค่อยมาถึงชายแดนแห่งแคว้นต้าเยียน

เมื่อคนของจวินหย่วนโยวในแคว้นเป่ยลี่รู้ว่าซื่อจื่อมาถึงแล้ว ก็ออกมาต้อนรับทันที ดังนั้นจวินหย่วนโยวจึงไม่ได้ไปหาโม่เหลิ่งเหยียน แต่ตรงเข้าไปที่เมืองหลวงของแคว้นเป่ยลี่ และถูกจัดให้อยู่ในลานหลังหนึ่ง