บทที่ 426 ท่านพ่อกับท่านแม่รักแค่พี่

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 426 ท่านพ่อกับท่านแม่รักแค่พี่

บทที่ 426 ท่านพ่อกับท่านแม่รักแค่พี่

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานได้ยินก็พลันถอนหายใจอย่างเย็นชา อ่อนต่อโลกเสียจริง

เด็กสาวเหล่านี้ไม่รู้ว่าฟ้าสูงแค่ไหนและพื้นดินหนาเท่าไร มองเห็นแต่ด้านสว่างของคนอื่น แต่มองไม่เห็นด้านมืดได้อย่างไร!

ในครอบครัวของเด็กผู้หญิงมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น เรื่องแรกทำให้พ่อแม่ของนางกังวลแทบตาย สองคือนางหมดสติอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย หากได้พบกับคนดีก็ดีไป แต่หากเจอคนไม่ดีล่ะ? เกรงว่าอาจจะต้องเสียใจไปจนตาย

เมื่ออาจารย์ถานเห็นผู้คนรอบตัว พวกเขาเลิกพูดถึงชื่อเสียงของกุ้ยชุนเจียวอีกต่อไป และสุดท้ายก็กล่าวว่า “ท่านทั้งหลาย วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อบอกกับทุกท่านว่า ลูกสาวคนโตของตระกูลกุ้ย กุ้ยชุนเจียวเป็นเด็กดี พวกท่านอย่ารังแกนาง นี่ถือเป็นความชอบธรรมสำหรับครอบครัวของเด็กสาวที่สามารถเสียสละชีวิตตนเองเพื่อช่วยชีวิตผู้อื่นได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเด็กสาวจากตระกูลกุ้ยมาช่วยไว้ เกรงว่าเถ้าแก่หลี่คงจะต้องโทษตนเองไปตลอดชีวิต!”

อาจารย์ถานกล่าวพลางมองไปที่หลี่ฝาน และหลังจากที่หลี่ฝานได้ยิน เขาก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว

อาจารย์ถานไม่ทราบสถานการณ์จริง หลี่ฝานก็บอกเขาไปแค่ว่าลูกชายของตนเองได้รับการช่วยเหลือ และอยากจะขอเชิญอาจารย์ถานไปเป็นพยานเพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของเด็กสาวเสียหาย

อาจารย์ถานจึงตามมาทันที เพราะนี่เป็นเรื่องที่ดี

หลังจากอาจารย์ถานกล่าวจบ หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็กล่าวอีกว่า “นี่คืออาจารย์ที่สอนข้าให้รู้แจ้ง และสิ่งที่เขาพูดจึงเป็นความจริงโดยธรรมชาติ ในเมื่ออาจารย์ถานเต็มใจเป็นพยานให้กับลูกสาวของตระกูลกุ้ย ดังนั้นทุกคนควรหยุดพูดถึงเรื่องของนางลับหลังเสียที”

เมื่อได้ยินสิ่งที่หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงกล่าว อาจารย์ถานก็เข้าใจสิ่งที่เขาพบเช่นกัน และรู้ว่าเขามาทันเวลา

“หัวหน้าหมู่บ้านเหลียง เด็กสาวผู้นี้ทำความดีแล้ว ดังนั้นจะรังแกนางเช่นนี้ไม่ได้!” อาจารย์ถานกล่าวอย่างจริงจัง

หลังจากหัวหน้าหมู่บ้านเหลียงฟังคำสอนของอาจารย์แล้ว หัวหน้าหมู่บ้านเหลียงก็พยักหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “แน่นอน แน่นอน ท่านโปรดวางใจ ข้าจะไม่ปล่อยให้ลูกสาวของตระกูลกุ้ยต้องทนทุกข์!”

อาจารย์ถานอายุมากแล้วจึงรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เขาจึงกล่าวอีกสองสามคำกับหัวหน้าหมู่บ้านเหลียง แล้วกลับไปที่รถม้า

หลี่ฝานสั่งเสี่ยวเซิ่งจื่อสองสามคำ และเห็นเสี่ยวเซิ่งจื่อหยิบของบางอย่างออกจากท้ายรถ ทั้งผ้าและขนม หลี่ฝานรับมันมาแล้วยื่นให้กุ้ยชุนเจียวที่กำลังตกตะลึง “แม่นางกุ้ย ขอบคุณแม่นางมาก”

กู้เสี่ยวหวานก็ประหลาดใจเล็กน้อย สิ่งที่หลี่ฝานทำนั้นน่าเชื่อถือเกินไป

กุ้ยชุนเจียวราวกับหุ่นเชิด นางรับของที่หลี่ฝานมอบให้ตามคำแนะนำของกุ้ยซื่อด้วยความวิตกกังวล

เมื่อเห็นว่าหลี่ฟานได้นำสิ่งของมากมายมาให้กุ้ยชุนเจียว ผู้คนรอบ ๆ ต่างก็อิจฉาและกล่าวว่า “ว้าว ดูสิ ผ้าพวกนี้เป็นผ้าฝ้ายมัสลินทั้งหมด!” หนึ่งในนั้นกล่าวชมเชย

“ดูสิ มันคือขนมของร้านขนมอวี๋จี้ ซึ่งมีเฉพาะในเมืองรุ่ยเสียนเท่านั้น!”

“หึ ๆ พวกเจ้ารีบดูเร็ว ยังมีอีก ยังมีอีก!”

“โอ้สวรรค์ กุ้ยชุนเจียวผู้นี้โชคดีเกินไปแล้ว นางไปช่วยลูกชายของเถ้าแก่หลี่ได้อย่างไรกัน!”

“ใช่แล้ว ใช่แล้ว เฮ้อ ทำไมข้าถึงไม่มีโชคดีเช่นนี้บ้างกันนะ!”

ทุกคนมีความคิดเห็นต่างกัน ทุกคนยืดคอเพื่อดูของขวัญในมือของกุ้ยชุนเจียว เมื่อเห็นว่ากุ้ยชุนเจียวถือไม่ไหว จึงหันไปเรียกกุ้ยซื่อ กุ้ยสวิ้นเหอ และกุ้ยตงเหมย ทุกคนก็อุทานออกมา

“ขอบคุณแม่นางกุ้ยสำหรับความช่วยเหลือในเทศกาลหยวนเซียว ข้าขอตัว!” หลังจากหลี่ฝานกล่าวจบ เขาก็ส่งสายตาให้กู้เสี่ยวหวานและกำลังจะจากไป

กู้เสี่ยวหวานพยักหน้าให้หลี่ฝานอย่างขอบคุณ หลี่ฝานขึ้นรถและทุกคนก็เปิดทางให้รถม้าหรูหราทั้งสองคันขับออกไปไกลจากในสายตาที่อิจฉาของทุกคน

เมื่อเห็นว่ารถม้าไปไกลแล้ว ทุกคนก็รุมถามครอบครัวกุ้ย

“ชุนเจียว เจ้าช่วยลูกชายของเถ้าแก่หลี่ที่ไหนกัน!”

“ใช่แล้ว ทำไมเจ้าถึงโชคดีเช่นนี้! เจ้าช่วยลูกชายของเถ้าแก่ร้านจิ่นฝูไว้ได้ เจ้าโชคดีมากจริง ๆ”

“เจ้าดูของที่มากมายนี้สิ เกรงว่าหนึ่งร้อยตำลึงเงินก็คงจะซื้อไม่ได้! เหอะ ๆ เป็นเรื่องใหญ่อะไรเช่นนี้!”

“แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ ชุนเจียวของข้าช่วยลูกชายของเถ้าแก่หลี่ไว้ได้” กุ้ยซื่อกล่าวอย่างพึงพอใจ โดยลืมไปเลยว่าไม่เคยมีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นเลย

หลังจากที่ทุกคนที่มีสีหน้าอิจฉากลับไป ครอบครัวกุ้ยก็เข้าไปในลานบ้าน

“พวกเจ้าเห็นสาวน้อยเสี่ยวหวานบ้างหรือไม่?” กุ้ยสวิ้นเหอมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นร่างของกู้เสี่ยวหวาน ครั้งนี้ที่กุ้ยชุนเจียว ‘กลับมาอย่างมีเกียรติ’ เรื่องนี้เป็นเพราะกู้เสี่ยวหวาน!

แต่ไม่ได้พูดขอบคุณแม้แต่คำเดียวเลย!

“ท่านพ่อ ท่านแม่ รีบเอาของพวกนี้ไปเร็วเข้า! ข้าไม่เคยเห็นอะไรดี ๆ มาก่อนเลยในชีวิต!” กุ้ยตงเหมยดีใจ

“ตงเหมย ห้ามขยับสิ่งเหล่านี้! เราต้องคืนพวกมันไป!” เมื่อกุ้ยสวิ้นเหอเห็นว่ากุ้ยตงเหมยต้องการเอาของพวกนี้มาเป็นของนางเอง เขาจึงรีบตำหนิ

เมื่อเห็นว่าพ่อบอกว่าต้องคืนของเหล่านี้ กุ้ยตงเหมยก็เริ่มวิตกกังวลและสีหน้ากลายเป็นมืดมนทันที “เถ้าแก่หลี่มอบสิ่งเหล่านี้ให้พี่สาวแล้ว ทำไมถึงต้องคืนด้วยล่ะ!”

“นี่…” กุ้ยสวิ้นเหอกล่าวไม่ออก เมื่อเห็นว่าพ่อของนางไม่กล่าวอะไร กุ้ยตงเหมยจึงกล่าวต่อ “พี่สาวช่วยลูกชายของเถ้าแก่หลี่ไว้ เขาต้องการแสดงน้ำใจโดยการมอบสิ่งเหล่านี้ให้พี่ แล้วทำไมพี่ถึงคืนมันไปด้วย?”

“ตงเหมย เจ้าแตะต้องสิ่งเหล่านี้ไม่ได้จริง ๆ!” กุ้ยชุนเจียวกัดริมฝีปากของนาง สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงของของประกอบฉาก และไม่สามารถไปยุ่งกับมันได้จริง ๆ

หลังจากได้ยินสิ่งที่พี่สาวของนางกล่าว กุ้ยตงเหมยกล่าวอย่างไม่พอใจทันที “กุ้ยชุนเจียว ท่านหมายถึงอะไรกัน? ท่านคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของท่าน ดังนั้นจึงไม่ให้ข้าแตะต้องพวกมันใช่หรือไม่!”

“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น!” เมื่อเห็นว่ากุ้ยตงเหมยไม่พอใจ กุ้ยชุนเจียวก็รีบอธิบายอย่างรวดเร็ว แต่นางไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน ทำได้เพียงอ้าปาก แต่ไม่รู้จะพูดต่ออย่างไร

เมื่อเห็นว่าพี่สาวทำหน้าตาน่าเกลียด กุ้ยตงเหมยก็คิดว่าตนเองเดาจิตใจของกุ้ยชุนเจียวออก และร้องไห้ออกมาทันที “ท่านแม่ ดูท่านพ่อและท่านพี่สิ พวกเขาไม่ให้อะไรข้าเลย! พวกเขายังโกหกข้าว่าต้องคืนของพวกนี้ไปอีก! ของมากมายเช่นนี้ เขาจะให้เรามาอย่างเปล่าประโยชน์ได้อย่างไร ทำไมถึงต้องคืนไปด้วยล่ะ พวกเขาจะต้องโกหกข้าแน่นอน พ่อกับแม่จะเก็บของพวกนี้ไว้ให้ท่านพี่คนเดียวใช่หรือไม่”

กุ้ยสวิ้นเหอตะลึงกับคำกล่าวหาของกุ้ยตงเหมย “เจ้าพูดบ้าอะไรกัน!”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

น้องสาวคนนี้ของกุ้ยชุนเจียวเอาแต่จริง ๆ เล๊ย

ไหหม่า (海馬)