บทที่ 469 ภรรยาของเขาเก็บสมบัติมาให้เขาจริงๆ

เจ้าวายร้ายทั้งสาม มาให้แม่เลี้ยงอย่างข้ากล่อมเกลาเสียดีๆ

บทที่ 469 ภรรยาของเขาเก็บสมบัติมาให้เขาจริงๆ

“เจ้าพูดมาเถอะ” เว่ยฉิงเอ่ย

เว่ยฉิงชื่นชมฉางหยูมากเพราะเขาคนที่มีพรสวรรค์ในการควบคุมบริหารจัดการน้ำ ฉางหยูรู้จักเมืองอี้โจวเป็นอย่างดี ทั้งแม่น้ำทุกสาย ภูเขาทุกแห่ง เขาอ่านตำรามาหลายเล่มจนมีความรู้มากมายเกี่ยวการควบคุมอุทกภัย อีกทั้งเขายังเป็นลูกศิษย์ของใต้เท้าซ่งผู้ซึ่งมีประสบการณ์มากมายในการควบคุมน้ำอีกด้วย

ตำรากลยุทธ์ของใต้เท้าซ่งจึงเหมาะที่สุดสำหรับมณฑลอี้โจวแห่งนี้

เมื่อทำตามแผนการที่เขาได้วางออกแบบเอาไว้ ผลลัพธ์ที่ได้ดีกว่าเดิมเป็นสองเท่า ทั้งที่ลงแรงไปแค่เพียงส่วนเดียวเท่านั้น เมื่อเทียบกับตอนที่เว่ยฉิงคุมการสร้างเขื่อนในตอนแรก การมาของฉางหยูช่วยเขาได้มาก ภรรยาของเขานำพาโชคดีมาให้เขาจริงๆ

ฉางหยูส่งแผนกลยุทธ์ของอี้โจวให้กับเขา แผนที่นี้วาดขึ้นโดยฉางหยูเอง เขาวาดแม่น้ำทุกสายและภูเขาทุกลูก

นี่เป็นสิ่งที่เขาค่อยๆ วาดขึ้นมาทีละน้อยจากการออกเดินทางไปทั่วอี้โจวในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขากางแผนที่ชี้ให้เว่ยฉิงดู

“ใต้เท้า หากเขื่อนถูกสร้างขึ้น น้ำท่วมในบริเวณนี้จะบรรเทาลงขอรับ” ฉางหยูกลาว

“ใช่แล้ว ตรงนี้เป็นน้ำท่วมที่ร้ายแรงที่สุดในอี้โจว หลังจากที่อุทกภัยผ่านไป ผู้คนจะสามารถกลับมาสร้างบ้านเรือนกันใหม่ได้”

“แต่ว่า น้ำท่วมในตอนนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างแท้จริง” ฉางหยูกล่าว

“ดูตรงนี้สิ น้ำจะถูกผันมาที่นี่ และด้วยการสะสมของตะกอนดินจะหนุนทำให้น้ำสูงขึ้นเรื่อยๆ ก่อให้เกิดน้ำท่วมขึ้นมาใหม่ที่จุดนี้…และจุดนี้” ฉางหยูชี้ไปที่จุดในแผนที่

“ที่แห่งนี้จะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเช่นกัน” เว่ยฉิงพยักหน้า

สิ่งที่พวกเขาได้แก้ไขไปแล้วนั้น แท้จริงเป็นแค่ส่วนยอดของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น ดูเผินๆ เหมือนพวกเขาจะแก้ไขได้ แต่แท้จริงแล้วกลับมีอันตรายที่ยังซ่อนเอาไว้อยู่อีกมาก อีกไม่กี่ปีต่อมาน้ำจะท่วมขึ้นอีกครั้ง ชาวเมืองอี้โจวจะประสบกับอุทกภัยอย่างไม่จบสิ้น

“คุณชายฉางมีความคิดเห็นอย่างไร” เว่ยฉิงถาม

ฉางหยูสูดลมหายใจเขาลึกๆ เพราะสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนั้นคือโครงการขนาดใหญ่ และคนอื่นๆ อาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องที่เกินกำลังและเพ้อฝัน

“ใต้เท้า…ครึ่งหนึ่งของเมืองเหลียงโจวและเมืองฉิงโจวนั้นขาดแคลนน้ำ ข้าอยากเสนอให้ขุดสร้างคลองจากอี้โจวไหลผ่านไปยังเหลียงโจวก่อนจะทะลุยังไปฉิงโจวเพื่อเชื่อมมณฑลทั้งสามเข้าด้วยกัน คลองนี้ไม่เพียงแต่จะทดและผันน้ำจากภัยน้ำท่วมเท่านั้น ยังสามารถใช้เป็นคลองเพื่อสัญจรอำนวยความสะดวกในการขนส่งได้ด้วยขอรับ!” ฉางหยูกล่าว นี่เป็นสิ่งที่เขาใช้เวลาขบคิดมานานมาก

ด้วยวิธีนี้การปัญหาน้ำท่วมในอี้โจวจะได้รับการแก้ไขอย่างจีรังยั่งยืน

แต่อย่างไรก็ตามอี้โจวและฉิงโจวนั้นอยู่ห่างไกลออกไปถึงพันลี้ โครงการนี้เป็นแผนการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ต้องใช้ทั้งกำลังคนและทรัพยากรเป็นจำนวนมาก ผู้คนส่วนใหญ่จึงคิดว่าเขาพูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระเมื่อได้ยิน

ฉางหยูเคยพูดแบบนี้แต่ก็ได้รับเสียงหัวเราะเยาะเย้ยอย่างขบขัน

เขาคิดว่าใต้เท้าอู่มีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล อาจจะเห็นด้วยกับความคิดของเขาก็เป็นได้

เว่ยฉิงเงียบไปนาน ทำให้ฉางหยูไม่ค่อยสบายใจ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาคงต้องพับความคิดนี้ฝังลงโลงไปกับตัวเขา..

เว่ยฉิงครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้นว่า

“ตกลง”

“ใต้เท้า…” ดวงตาของฉางหยูเป็นประกายตื่นเต้น นี่เขาเห็นด้วยกับฉางหยูจริงๆ หรือ?

“ข้าจะเขียนฎีกาทูลฮ่องเต้ และให้เจ้าร่วมเขียนด้วย” เว่ยฉิงกล่าว ในขณะที่พูดเขาก็เดินไปยังที่พักชั่วคราว

ฉางหยูกระโดดด้วยความตื่นเต้น เขาอยากจะรีบเข้าไปกอดใต้เท้าอู่เสียเดี๋ยวนี้เลย

ใต้เท้าผู้นี้ใจดีจริงๆ ไม่เพียงแต่จะไม่สนใจที่ฉางหยูเป็นคนของสกุลฉาง ยังแต่งตั้งให้เขาทำงาน ทั้งเห็นด้วยกับแนวคิดที่ดูไม่น่าเชื่อของเขา แล้วยังเสนอให้ฉางหยูเขียนฎีกาถวายองค์ฮ่องเต้อีกด้วยอีก สวรรค์!

ตั้งแต่ได้พบกับใต้เท้าอู่ เขากลายเป็นคนโชคดี!

เมื่อจางตงพ่านได้เห็นฉากนี้ เขารู้สึกอึดอัดไม่สบายใจมาก

ครึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาถูกกีดกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรใต้เท้าอู่ก็ไม่ยอมรับความคิดเห็นของเขาเลย เชื่อแต่ใจฉางหยูเท่านั้น เขาเป็นหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญอุทกภัยแต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะออกความเห็นเลย

เดิมทีเขาตั้งใจรอให้ฉางหยูทำผิดพลาดแล้วจะฉวยโอกาส เหยียบให้คนผู้นั้นจมดิน แต่ผ่านมายี่สิบวันแล้วทุกอย่างกลับเป็นไปอย่างราบรื่นไร้ปัญหา

เห็นทีปัญหาน้ำท่วมกำลังจะคลี่คลายลงแล้ว

…ไม่มีทาง!

เมื่อปัญหาอุทกภัยได้รับการแก้ไขอย่างราบรื่น ถ้ากลับไปตอนนี้ทั้งใต้เท้าอู่และฉางหยูจะได้คุณงามความดีที่ยิ่งใหญ่ ตำแหน่งหน้าที่เป็นทางการของเขาคงได้หายไปเป็นแน่!

จางตงพ่านกัดฟันกรอด เขาเรียกคนสองสามคนมา

“คืนนี้พวกเจ้าพรางตัวในความมืดแล้วแอบทำลายเขื่อนเสีย” จางตงพ่านสั่ง

“ระวังอย่าให้ใครเห็น”

“ขอรับใต้เท้า”

…..

เว่ยฉิงเขียนฏีกาแล้วส่งคนสนิทของเขา

“ส่งไปยังเมืองหลวง”

“ขอรับนายท่าน”

“รอสักครู่” เว่ยฉิงครุ่นคิดเล็กน้อย คนสนิทของเขาชะงัก

“ข้าจะเขียนอีกฉบับให้ท่านโส่วฝู่” เมื่อฎีกาของเขาถูกถวายขึ้นไปให้ฮ่องเต้ อำนาจหลายฝ่ายจะต้องเสียงแตกถกเถียงกันอย่างแน่นอน ทุกคนจะยืนข้างฝ่ายที่พวกเขาให้การสนับสนุน

แต่ท่านโส่วฝู่แตกต่างออกไป หากเขาเห็นด้วยกับแผนนี้แล้ว เขาจะมุ่งมั่นทำมันให้สำเร็จจนได้

เว่ยฉิงรีบเขียนจดหมายอีกฉบับส่งให้คนสนิท คนผู้นั้นรับฎีกาและจดหมายแล้วจึงหันหลังจากไป

เว่ยฉิงลุกขึ้นเดินไปรอบห้อง เขายิ้มออกมา

“ฮูหยิน เจ้าเก็บสมบัติล้ำค่ามาให้ข้าจริงๆ” เว่ยฉิงถอนหายใจออกมา

เขาคิดถึงภรรยาของเขาอีกแล้ว กี่วันแล้วนะที่เขาไม่ได้เจอนาง น่าจะเวลายี่สิบวันเข้าไปแล้ว ไม่รู้ว่านางน้ำหนักขึ้นหรือไม่ ได้นอนหลับพักผ่อนเต็มอิ่มไหม?

สถานการณ์ที่นี่ยังไม่ราบรื่นดีนัก หากปล่อยให้ฉางหยูและสวี่จื่อเหวินคุมแล้วเขากลับไปหาถังหลี่ที่เหอกู่…

“นายท่าน”

“เข้ามา”

องค์รักษ์เงาของเขาเข้ามาหาขยับไปข้างๆ เว่ยฉิง รายงานบางอย่างสองสามคำเป็นรายงานเกี่ยวกับจางตงพ่าน ก่อนหน้านี้เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ชอบมาพากล ภรรยาของเขาก็เตือนให้ระวังบุคคลนี้

เว่ยฉิงจึงให้องครักษ์เงาจับตาดูเขาไว้ ช่างโง่และชั่วช้าจริงๆ ถึงขนาดจะพังเขื่อน!

“คืนนี้จับมันให้ได้” เว่ยฉิงสั่ง

“ขอรับนายท่าน”

ตกดึก

ที่เขื่อน มีคนสองสามคนแอบขึ้นไปบนนั้น ในขณะที่พวกเขากำลังหยิบเครื่องมือออกมาและกำลังจะพังเขื่อน

คบไฟก็ปรากฏขึ้นรอบๆ

มีคนกระโจนออกมาทำการเข้าจับกุมพวกเขาเอาไว้ได้ทั้งหมด

ในเวลาเดียวกันจางตงพ่านรู้สึกสังหรณ์ใจจนนอนไม่หลับ หากเขื่อนพังลงน้ำก็จะท่วมอีก…

ดูสิว่าฉางหยูจะภูมิใจได้อยู่อีกไหม!

เมื่อถึงเวลาเขาจะทูลถวายฎีกากล่าวว่าฉางหยูเป็นคนไม่น่าเชื่อถืออย่างไร… ตัวเขาได้พยายามเกลี้ยกล่อมใต้เท้าอู่ว่าอย่างไร… แต่ใต้เท้าอู่ก็ยังดึงดันที่จะทำตาม ปล่อยให้ฉางหยูสร้างความหายนะ

ยิ่งจางตงพ่านคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น

ในตอนนั้นเองประตูก็ถูกเปิดออก มีผู้คนเข้ามาคุมตัวเขากระชากออกไปข้างนอก

“เจ้าทำอะไร! ข้าเป็นขุนนางของราชสำนักนะ ปล่อยข้า!”

“บังอาจมาก! เจ้าเป็นใครกัน!”

จางตงพ่านก่นด่า เขาถูกพาเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง เห็นทูตของราชสำนักนั่งอยู่ตรงนั้นพร้อมกับดาบช่างฟ่างอยู่ในมือ

ใบหน้าของเขาเย็นชา มีคนคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเขา

นั่นเป็นคนที่จางตงพ่านส่งไปทำลายเขื่อน

จางตงพ่านเข่าอ่อน ทรุดตัวลงไปนั่งกองที่พื้น