ตอนที่ 317 ต้องโทษว่า ผิดที่เขา...มั่นใจมากเกินไป (1)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 317 ต้องโทษว่า ผิดที่เขา…มั่นใจมากเกินไป (1)

อาจารย์ป้าว่านเจียงอวี่…

เห็นได้ชัดว่า หลี่ฉางโซ่วรู้ว่านั่นเป็นความเจ็บปวดที่ไม่อาจลบเลือนไปจากใจของท่านอาจารย์ฉีหยวน

ตอนนี้ เขาหลอกลวงท่านอาจารย์ของเขาเพื่อให้ท่านเจ็บปวดน้อยที่สุด แต่ท่านอาจารย์ก็อ่อนแรงลงทุกวัน เขามีจิตใจย่ำแย่และอยู่ในภาวะซึมเศร้าทั้งวัน…

เขาทำราวกับว่าการนอนหลับอันยาวนานเป็นการฝึกบำเพ็ญของเขาจริงๆ!

ดูเหมือนว่า ฉีหยวนในตอนนี้ นอกเหนือจากจะช่วยหลี่ฉางโซ่วและหลิงเอ๋อร์ให้ได้ตำแหน่งเซียนในศาลสวรรค์ และปูทางให้พวกเขาล่วงหน้าตามที่หลี่ฉางโซ่วกล่าวไว้แล้ว ฉีหยวนก็ไร้เป้าหมายใด ๆ ในชีวิตอีกต่อไป

ถึงจะเป็นการดูหมิ่นเกินไปที่จะบรรยายถึงท่านอาจารย์ของเขาว่าเป็น “ปลาเค็ม[1]”

แต่คำที่ใช้นั้นก็ทำให้เห็นภาพได้แจ่มชัดมากจริงๆ

ในทางกลับกันหลี่ฉางโซ่วก็กำลังเฝ้ารอ รอให้ท่านปรมาจารย์ใหญ่ได้พบร่างที่กลับชาติมาเกิดของท่านอาจารย์ป้าของเขา แล้วอาจารย์ของเขา… คงยากจะพลิกกลับได้ แต่ก็ยังอาจกระโดดได้สองสามครั้ง

ในขณะนั้น หลิงเอ๋อร์ ซึ่งอยู่ที่ด้านข้างก้อนเมฆ ก็เอ่ยถามเบา ๆ ว่า “ศิษย์พี่ มีอันใดผิดไปหรือเจ้าคะ?”

“ข้ากำลังคิดถึงท่านอาจารย์” หลี่ฉางโซ่วตอบเบาๆ ในขณะที่หลิงเอ๋อร์ก็ดูเศร้าใจเล็กน้อยเช่นกัน

พวกเขาทั้งสองเป็นศิษย์พี่น้องกัน แม้คนหนึ่งจะมั่นคงเกินไป ส่วนอีกคนหนึ่งก็ไม่มั่นคงเล็กน้อยและยังเยาว์วัยอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ล้วนเปี่ยมไปด้วยความกตัญญูกตเวทีต่ออาจารย์ของพวกเขาอย่างจริงใจ

ปัญหาความสัมพันธ์ความรักความแค้นของนักพรตเต๋าชราฉีหยวน…

มันมีความแค้นนับพันปีและพวกเขาก็ได้ยินเพียงเรื่องการกลับชาติมาเกิด แม้หลี่ฉางโซ่วจะสังหารผู้กระทำความผิดที่ทำลายฐานเต๋าของอาจารย์ของเขาด้วยตัวเอง และยังปล่อยให้อีกฝ่ายได้สัมผัสกับความรู้สึกที่ถูกทำลายฐานเต๋าแล้วเผชิญกับสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์

ทว่ากรรมชั่วที่อีกฝ่ายทำไว้นั้น ย่อมไม่อาจชดใช้ได้ทั้งหมด เพราะอย่างไรเสีย การที่อีกฝ่ายทำลายฐานเต๋านั้น ก็ทำให้ท่านอาจารย์ของพวกเขา ฉีหยวน เป็นได้เพียงเซียนจั๋วก่อนจะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้เท่านั้น

และเพื่อช่วยท่านอาจารย์ หลี่ฉางโซ่วจึงถูกบีบให้ต้องเข้าไปพัวพันกับกรรมต่อเนื่องชุดนี้

เนื่องจากเหตุการณ์นี้ จึงทำให้อาจารย์ป้าว่านเจียงอวี่ต้องเสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้าในดินแดนเทวะอุดร โชคยังดีที่เสี้ยววิญญาณที่เหลืออยู่ของนางได้ปกป้องวิญญาณแท้ของท่านอาจารย์ป้าเอาไว้ และด้วยเหตุนี้ นางจึงได้ไปแดนยมโลกเพื่อกลับชาติมาเกิดอีกครั้ง

เมื่อปรมาจารย์ใหญ่ตัวน้อยกลับมาที่สำนักเป็นครั้งแรก หลี่ฉางโซ่วก็ไม่อาจทนต่อภาวะหดหู่ซึมเศร้าของท่านอาจารย์ของเขาที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ได้ ดังนั้น เขาจึงขอให้ปรมาจารย์ใหญ่ตัวน้อยไปที่แดนยมโลกเพื่อค้นหาที่อยู่ของการกลับชาติมาเกิดใหม่ของอาจารย์ป้าของเขา และเขายังแอบบอกใบ้เป็นนัยบางอย่างให้แก่ปรมาจารย์ใหญ่ตัวน้อยของเขาลับๆ อีกด้วย

เจียงหลินเอ๋อร์เพิ่งได้กลายเป็นเซียนสวรรค์ และแน่นอนว่า นางย่อมไม่ปรารถนาจะเห็นศิษย์คนโตของนางต้องจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้าสลดเช่นนี้

นาง หลินเจียงซานเหริน เป็นผู้ใดกันเล่า?

นางได้สำรวจโลกมาหลายปีแล้ว และทุกคนก็รู้ว่า นางร้ายกาจอย่างยิ่ง! หึ!

ทุกคนล้วนรู้ว่า นางเฉียบขาดฉับไว และมีสหายไปทั่วตรีสหัสโลกธาตุ!

ดังนั้น เจียงหลินเอ๋อร์จึงขอให้สหายมากมายของนางช่วยไปเยือนแดนยมโลกเพื่อสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง

หลังจากผ่านปัญหายากลำบากมาหลายครั้งแล้ว ในที่สุด บัดนี้ ก็ได้พบร่องรอยที่อยู่ของว่านเจียงอวี่

ร่างในยามนี้ของว่านเจียงอวี่อยู่ในรูปของวิญญาณต้นไม้

ที่เรียกว่า วิญญาณต้นไม้ก็คือ ร่างวิญญาณที่เกิดจากรากวิญญาณต้นไม้ มันคล้ายกับวิญญาณพืช[2] แม้จะมีสติปัญญาแต่ก็ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ส่วนใหญ่จะอยู่ในที่ที่อุดมไปด้วยพลังชีวิตแข็งแกร่งและมีมนุษย์น้อยนักที่จะเข้าถึงหรือดำรงอยู่ได้ โดยทั่วไปแล้ว มันจะเปล่งแสงที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาแกร่งกล้า

ยิ่งกว่านั้น นางยังไม่หมดอายุขัยของชีวิตนางในชาตินี้…

เดิมทีเจียงหลินเอ๋อร์ก็ได้จัดเตรียมเรื่องต่างๆ ต่อไปแล้ว

เจียงหลินเอ๋อร์ใช้สมบัติมากมายและศิลาวิญญาณไปเป็นจำนวนมากเพื่อติดสินบนเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยในสำนักงานแห่งแดนยมโลก และพร้อมที่จะให้เขาลงมือจัดการ เมื่อว่านเจียงอวี่กลับชาติมาเกิดอีกครั้ง ก็จะจัดให้นางเข้าสู่วิถีมนุษย์โดยไปเกิดในตระกูลที่ร่ำรวยและใช้ชีวิตอย่างไร้กังวล

เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยของแดนยมโลกจะส่งข้อความให้เจียงหลินเอ๋อร์เพื่อให้เจียงหลินเอ๋อร์ตามหานางได้ง่าย

เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยแห่งแดนยมโลก มักทำเรื่องเช่นนั้น พวกเขาทั้งหมดมีทักษะและทำงานไว้ใจ ได้ หากล้มเหลว พวกเขาก็จะคืนผลประโยชน์ทั้งหมดกลับไปให้!

ในยุคนี้ ยังมีเลขาจอมป่วนวุ่นวายในสำนักงานแห่งแดนยมโลกอยู่บ้าง “งานส่วนตัว” ประเภทนี้ ความจริงแล้ว มันเป็นแหล่งรายได้หลักของเจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลกเหล่านี้…

หลี่ฉางโซ่วกำลังขี่เมฆอยู่ในระดับที่ไม่สูงหรือต่ำ เขารักษาระดับความเร็วเอาไว้ไม่เร็วเกินไปหรือช้าเกินไป

หลี่ฉางโซ่วใคร่ครวญในใจว่าเกิดอะไรขึ้นจริงๆ กันแน่ที่สามารถทำให้แม้แต่เจ้าสำนักต้องตื่นตระหนกได้

การกลับชาติมาเกิดใหม่…

หลังจากเกิดใหม่แล้ว จะยังเป็นคนเดิมหรือไม่?

หลี่ฉางโซ่วรู้ดีว่า การกลับชาติมาเกิดนั้น เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายได้อย่างสมบูรณ์

เมื่อเดินข้ามผ่านสะพานไปแล้ว ก็จะสูญเสียความทรงจำในอดีตทั้งหมด

เมื่อเข้ามาสู่โลกอีกครั้ง ต่อให้ทั้งเสียงและรูปลักษณ์ยังคงอยู่ แต่ก็จะไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป

นางย่อมจะกลายเป็นคนอื่นไปแล้ว

แต่เจียงหลินเอ๋อร์มุ่งมั่นที่จะทำอะไรบางอย่างเพื่อว่านเจียงอวี่ด้วยเช่นกัน

ในฐานะอาจารย์ของนาง ทว่าในอดีตนั้น เจียงหลินเอ๋อร์ได้ออกไปค้นหาโอกาสของตัวเอง และท่องผจญภัยไปทั่ว ด้วยเหตุนี้ ศิษย์ทั้งสองคนของนางจึงไม่ได้รับการปกป้องและประสบภัยพิบัติ ดังนั้น นางย่อมต้องรับผิดชอบในเรื่องนั้นอยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น หากพบการกลับชาติมาเกิดของว่านเจียงอวี่และบอกเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในเวลานั้นกับฉีหยวน ก็ย่อมจะสามารถคลายปมเจ็บปวดในใจส่วนใหญ่ของเขาลงได้ แม้เขาจะมองนางจากระยะไกลเท่านั้น… ในคราแรก หลี่ฉางโซ่วยังใคร่ครวญว่า ท่านปรมาจารย์ใหญ่และอาจารย์ของเขาจะเข้าไปแทรกแซงในชะตากรรมของอาจารย์ป้าว่านเจียงอวี่ที่กลับชาติมาเกิดหรือไม่…

สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินจะยึดมั่นและทำตามหลักปฏิบัติการของความมั่นคง ความสงบสุข วางเฉย และจะไม่เข้าไปแทรกแซงมากเกินไป

แต่สิ่งที่หลี่ฉางโซ่วไม่รู้ก็คือ… เดิมทีเจียงหลินเอ๋อร์ได้เตรียมการอย่างดีสำหรับการกลับชาติมาเกิดของว่านเจียงอวี่ในครั้งต่อไปแล้ว นางได้มอบศิลาวิญญาณและของล้ำค่าจำนวนมากและยังได้ช่วยเปลี่ยนเคล็ดวิชาฝึกฝนบางอย่างเป็นพิเศษให้กับเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยแห่งแดนยมโลกอีกด้วย

แต่ไม่คาดคิดเลยว่า จู่ๆ ก็มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกะทันหันอีกครั้ง…

เมื่อไม่กี่วันก่อน เจียงหลินเอ๋อร์มีสหายสนิทสองคนมาหานาง

เดิมทีสหายสนิททั้งสองคนของเจียงหลินเอ๋อร์กำลังจะไปที่แดนยมโลกเพื่อ ‘ทำธุระบางอย่าง’ เนื่องจากพวกเขาได้ทำข้อตกลงกับเจียงหลินเอ๋อร์มาก่อนหน้านี้ ดังนั้นพวกเขาจึงแวะไปที่สำนักตู้เซียนเพื่อถามเจียงหลินเอ๋อร์ว่า อยากไปที่นั่นด้วยกันหรือไม่ ทว่าในเวลานั้น เจียงหลินเอ๋อร์… อืม ไม่สะดวกนัก

นางขอให้สหายสนิททั้งสองคนของนางช่วยนำของขวัญไปมอบให้กับเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยซึ่งนางไว้ใจให้ทำงานบางอย่างแทนนาง และยังอยากขอให้พวกเขาช่วยถามถึงสถานการณ์ในการกลับชาติมาเกิดของศิษย์คนโตของนางและอายุขัยที่เหลืออยู่ในเวลานี้

สหายสนิททั้งสองคนของเจียงหลินเอ๋อร์พยายามอย่างดีที่สุดเช่นกัน พวกเขาไปที่แดนยมโลก และขอให้คนบางคนให้ช่วยไปตรวจสอบ แต่เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยกลับแจ้งผลมาว่า… ไม่อาจตรวจสอบวิญญาณแท้ซึ่งครั้งหนึ่งในชีวิตของนาง นางเคยมีนามว่า ว่านเจียงอวี่ได้เลย

บัดนี้ ที่ด้านหน้าที่พำนักหว่างฉิง หลี่ฉางโซ่วและหลิงเอ๋อร์ ขี่เมฆไปที่หอซึ่งลอยอยู่บนหน้าผาและโค้งคารวะให้อยู่ที่ด้านนอกประตู

จิ่วอี้อี ศิษย์คนโตของหว่างฉิง ได้ออกมาต้อนรับพวกเขาและนำพวกเขาทั้งสองเข้ามาทันที

ภายในห้องโถงใหญ่ ขณะนี้ ทุกคนล้วนมีทีท่ากังวลใจ

จี้อู๋โหย่ว เจ้าสำนักตู้เซียนผู้ว่างเปล่า ซึ่งอยู่ในชุดผ้าแพรต่วนสีน้ำเงินได้นั่งอยู่บนที่นั่งหลัก

ทั้งปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งและเจียงหลินเอ๋อร์ ล้วนแต่งกายในชุดสีขาว พวกเขานั่งลงบนเก้าอี้สองตัวที่อยู่ทางด้านซ้ายกันคนละตัว

ในเวลานั้น ดวงตาของเจียงหลินเอ๋อร์กลายเป็นสีแดงก่ำขณะที่นางเม้มริมฝีปากแน่น ทว่านางก็ยังสงบสติอารมณ์ของนางเอาไว้ได้

วิญญาณต้นไม้นั้นอ่อนแอมาแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว และถือได้ว่าเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง มีโอสถวิญญาณมากมายหลายชนิดซึ่งใช้พลังบริสุทธิ์ที่อยู่ในวิญญาณต้นไม้เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา

ในเมื่อไม่พบร่องรอยของวิญญาณแท้ของว่านเจียงอวี่ จึงมีความเป็นไปได้เพียงสองอย่างเท่านั้น…

หรือนางถูกใครบางคนมองว่าเป็นสมุนไพรแล้วนำนางไปหลอมโอสถ หรือมีภัยพิบัติบางอย่างเกิดขึ้นในสถานที่ที่นางอาศัยอยู่จนทำให้วิญญาณของนางสลายไป

เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น หัวใจของเจียงหลินเอ๋อร์ก็แทบจะแตกสลาย

นางเพียงเกลียดตัวเองที่ไร้ความสามารถจะค้นหาที่อยู่ของวิญญาณต้นไม้ที่กลับชาติมาเกิดนั้นได้…

………………………………………………………………..

[1] คนไร้ความสามารถ ไร้ชีวิตชีวา ไร้เป้าหมาย ไม่กระตือรือร้น ขี้แพ้

[2] หมายถึงพวกที่ไม่ใช่ไม้ยืนต้น ไม่มีเนื้อไม้ ลำต้นไม่สูงใหญ่ อย่างเช่นหญ้า สมุนไพร ไม้พุ่ม