เมื่อมองไปรอบทิศกลับไม่เห็นแม้แต่เงาของลี่เจี้ยนหวา เจียงหยุนเอ๋อก็มองไปรอบ ๆ อีกครั้งโดยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ตอนที่เธอมองเห็นคนแปลกหน้าเดินมาไกล ๆ ในใจก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล จึงหมุนตัวจะกลับเข้าไปในบ้าน แต่คิดไม่ถึงว่าจะถูกกลุ่มคนที่ตามมาจากด้านหลังขวางเอาไว้
“พวกแกเป็นใคร? มาที่นี่ต้องการอะไร? รีบไสหัวไปซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะเรียกรปภ.มา! พวกแกกำลังบุกรุกพื้นที่ส่วนบุคคล!” เจียงหยุนเอ๋อพยายามให้ตัวเองสงบนิ่งเข้าไว้ เธอขมวดคิ้ว น้ำเสียงสงบนิ่งแต่ก็แอบสั่นเครือเล็กน้อย ดูไม่ตื่นตูมเลยสักนิด
แต่ทว่าคนที่อันซีหนีส่งมาให้ลักพาตัวเจียงหยุนเอ๋อนั้นเตรียมการไว้ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไม่สนใจคำขู่ของเจียงหยุนเอ๋อ คนที่เป็นหัวหน้าคนนั้นได้แต่ยิ้มมุมปาก แสยะยิ้มชั่วร้ายออกมา แล้วเข้ามาอยู่ข้างตัวเจียงหยุนเอ๋ออย่างรวดเร็ว “คุณเจียง คำพูดพวกนี้ไว้รอพูดกับลูกพี่พวกเราเถอะ!”
ขณะที่พูด เขาก็ฉวยโอกาสตอนที่เจียงหยุนเอ๋อไม่ทันระวังตัว ทุบเข้าที่ท้ายทอยของเจียงหยุนเอ๋อ ใบหน้าเธอดูหวาดกลัวและหมดหนทาง เจียงหยุนเอ๋อร้องออกมาครั้งหนึ่ง แล้วค่อย ๆ หลับตา หมดสติไป วินาทีที่เธอใกล้จะล้มลงบนพื้น ก็มีผู้ชายลากเธอขึ้นรถตู้คันหนึ่งอย่างรวดเร็ว
คนที่ตามหลังมาจำนวนหนึ่งก็ได้ออกจากคฤหาสน์ไปด้วย ไม่นานรถคนนั้นก็ลับตาไปจากหน้าประตู และออกสู่ถนนใหญ่ปะปนกับรถคันอื่น เหลือไว้เพียงควันจากท่อไอเสียที่ลอยฟุ้งในอากาศ
……
ณ ห้องใต้ดินภายในตระกูลอัน
ภายในห้องที่ถูกปิดไว้จนมืดมิด มีกลิ่นอายความอับชื้นคละคลุ้งอยู่ในอากาศ สิ่งที่ลอดผ่านช่องหน้าต่างแคบ ๆ นั้น มีเพียงแสงแดดเป็นเส้นจาง ๆ อ่อน ๆ สาดส่องเข้ามา เป็นรัศมีสองสามวงอยู่บนพื้น ทุกซอกทุกมุมดูผิดปกติไปหมด ทำให้รู้สึกกลัวจนตัวสั่น
ในมุมเล็ก ๆ ด้านหนึ่ง เจียงหยุนเอ๋อที่พิงผนังอยู่ค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา เธอพยายามลืมตาขึ้น มองดูสภาพแวดล้อมที่มืดมิดรอบ ๆ ตัว แววตาดูกังวล เธอบิดตัวเพื่อที่จะขยับร่างกาย แต่พบว่าตัวเองถูกมัดอยู่บนเก้าอี้ ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เลย
เจียงหยุนเอ๋อไม่ยอมแพ้พยายามขยับตัวให้ได้ แต่ยังคงถูกมัดแน่นอยู่กับเก้าอี้อย่างนั้น เธอรู้สึกท้อแท้ขึ้นมาเล็กน้อย แหงนหน้าขึ้นมาอย่างรีบร้อนและมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง เธอถอนหายใจออกมาเล็กน้อย นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ เธอรู้ดีว่าตัวเองชะล่าใจอีกแล้ว
“ลูกรัก แม่ไร้ประโยชน์จริง ๆ ตกหลุมพรางคนอื่นอีกแล้ว แต่ลูกวางใจเถอะ แม่ไม่มีทางให้คนอื่นมาทำร้ายลูกได้แน่นอน!” น้ำเสียงเบา ๆ แต่หนักแน่นดังก้องท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบเหงา เจียงหยุนเอ๋อกำหมัด เริ่มหาทางใหม่อีกครั้ง
ขณะที่เธอนั่งอยู่ที่นั่นคนเดียวโดยยังคิดหาทางออกไม่ได้ ก็มีใบมีดอันเล็กอันหนึ่งที่วางอยู่ไม่ไกลผ่านเข้าตาเธอพอดี เจียงหยุนเอ๋อมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วใช้แรงทั้งหมดที่มีค่อย ๆ ขยับตัวไปยังตำแหน่งที่ใบมีดวางอยู่
ระยะห่างเล็กน้อยเท่านั้น ในที่สุด เธอก็หอบแฮ่ก ๆ หยิบใบมีดนั้นมาได้ แล้วออกแรงตัด จนเชือกที่มัดมือเธออยู่คลายออก ในที่สุดเจียงหยุนเอ๋อก็ได้รับอิสระอีกครั้ง
เธอออกแรงลุกขึ้นยืนจากพื้น แล้วค่อย ๆ ถอนหายใจออกมา บรรยากาศเย็นยะเยือกทำให้เธอหนาวจนตัวสั่น เธอลูบท้องน้อยของตัวเองช้า ๆ กัดฟัน แล้วแอบให้กำลังใจตัวเอง “ลูกรัก เชื่อแม่นะ แม่จะต้องพาลูกหนีออกไปให้ได้!”
เจียงหยุนเอ๋อเดินไปที่ประตูอย่างช้า ๆ แล้วจับด้ามจับประตูเบา ๆ คาดไม่ถึงเลยว่าประตูไม่ได้ล็อคเอาไว้ เธอเลิกคิ้วขึ้น ราวกับถูกความปิติยินดีห่อหุ้มไว้ทั้งตัว ถัดจากนั้น เธอกดด้ามจับประตูลงเพื่อเตรียมจะวิ่งหนีออกไป แต่ทว่าด้านนอกประตูกลับมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้เธอหยุดชะงัก แล้วปล่อยมือออก
“ลูกพี่ ผู้หญิงคนนั้นพวกเราจะจัดการยังไง? หรือว่าจะขังไว้ในห้องใต้ดินอยู่อย่างนั้น?” เสียงนี้คุ้นหูเจียงหยุนเอ๋อ เป็นเสียงคนที่ทุบเธอจนสลบไปก่อนหน้านี้!
ตอนนี้ชายคนนั้นอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้ว เจียงหยุนเอ๋อหน้าถมึงทึงขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะเข้าไปสั่งสอนเขาหนัก ๆ สักชุด
แต่ว่าเสียงที่ได้ยินต่อจากนี้กลับทำให้เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกได้ถึงอันตราย มือที่จับด้ามจับประตูอยู่นั้นบีบแน่นขึ้น หยาดเหงื่อค่อย ๆ ไหลลงมาจากหน้าผาก นัยน์ตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและกังวล
“เธอเหรอฉันมีวิธีจัดการของฉัน ไม่ต้องแตะต้องเธอก่อน ขังเธอไว้ในห้องใต้ดินนั่นแหละ แต่ส่งคนมาคอยเฝ้าเธอไว้ ห้ามไม่ให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอเด็ดขาด และห้ามไม่ให้ใครรู้ว่าเธอถูกขังอยู่ในนั้น คราวนี้ ฉันต้องการเอาเธอไปต่อรองกับลี่จุนถิง!” น้ำเสียงดุร้ายของอันซีหนีดังขึ้น เหมือนเสียงปีศาจที่มาจากนรกไม่มีผิด
คำพูดเหล่านี้ทำให้เจียงหยุนเอ๋อที่อยู่หลังประตูมีสีหน้าเปลี่ยนไป เธอพิงที่ประตูเบา ๆ ด้วยความกังวล
ที่แท้การที่เขาอุตส่าห์ลงทุนลักพาตัวตัวเองมาก็เพื่อจะข่มขู่ลี่จุนถิงนี่เอง!
เมื่อได้รู้แผนการของอันซีหนี เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกกังวลสถานการณ์ของลี่จุนถิงในตอนนี้ ถ้าได้รู้ว่าตัวเองหายไป เขาต้องเป็นห่วงมากแน่นอน ถ้าอันซีหนีเอาตัวเองมาข่มขู่ลี่จุนถิงจริง ๆ ล่ะก็ เธอก็กลายเป็นภาระของลี่จุนถิงอีกแล้วใช่ไหม?
“จะให้เป็นแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด! ฉันต้องรีบหนีออกไปให้ได้!”
เจียงหยุนเอ๋อขมวดคิ้ว เม้มปากแล้วเอ่ยพูดออกมาเบา ๆ เธอเตรียมที่จะฉวยโอกาสตอนที่สองคนนั้นไม่ทันระวังแอบหนีออกไป แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก็เตะโดนตะปูเกลียวที่อยู่บนพื้น จากนั้น เสียงเล็ก ๆ แต่แหลมมากดังขึ้น
ในใจบ่งบอกว่าท่าไม่ดีแล้ว เจียงหยุนเอ๋อหลับตาอธิษฐานอย่างเงียบ ๆ ให้พวกเขาไม่เอะใจขึ้นมา
แต่ทว่าอันซีหนีที่มีประสาทรับรู้ไว รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ สายตาที่เฉียบคมของเขาจ้องเข้ามา “ใครอยู่ตรงนั้น? รีบโผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
หลังจากที่เห็นชัดว่าเจียงหยุนเอ๋ออยู่หลังประตู เขาก็ไม่โกรธแต่กลับหัวเราะออกมา เดินไปตรงหน้าเจียงหยุนเอ๋ออย่างไม่ช้าไม่เร็ว แล้วเอ่ยพูดขึ้นอย่างเรียบ ๆ ว่า “คุณเจียง ทำไมคุณถึงหนีออกมาได้ล่ะ? ดูท่าลูกน้องของผมจะไม่ได้เรื่องเลยสินะ!”
ในเมื่อถูกพบเข้าแล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็ไม่ได้คิดจะแอบต่อไป เธอจ้องเขม็งอันซีหนีอย่างเกลียดชัง แล้วเอ่ยพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันรู้ว่าแกจับฉันมาที่นี่ทำไม แต่ฉันไม่มีทางยอมให้แกสมหวังหรอก! ฉันแนะนำให้แกรีบปล่อยฉันออกไปซะ ไม่อย่างนั้นจุนถิงไม่ปล่อยพวกแกไว้แน่นอน!”
“อ้อ? จริงเหรอ? ตอนนี้คุณเจียงอยู่ในมือผมแล้ว ยังมีสิทธิ์มาข่มขู่อะไรได้อีกเหรอ? ผมก็แนะนำคุณไว้นะ ว่าเชื่อฟังคำสั่งพวกเราไว้จะดีที่สุด ผมไม่ทำร้ายคุณหรอก แต่ถ้าคุณไม่ยอมเชื่อฟังดี ๆ ก็อย่าหาว่าผมโหดร้ายแล้วกัน!” อันซีหนียกมุมปากขึ้นข้างหนึ่ง ยิ้มออกมาอย่างไม่แยแส แต่ทว่าในแววตากลับดูเย็นยะเยือก
เมื่อเห็นว่าอันซีหนีไม่คิดจะปล่อยตัวเองไป เจียงหยุนเอ๋อก็ก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉวยจังหวะที่ทั้งสองคนไม่ทันระวังรีบวิ่งหนีไปยังประตูอย่างรวดเร็ว แต่พละกำลังของเธอยังไงก็สู้แรงผู้ชายไม่ได้ จึงถึงผู้ชายผลักลงบนพื้นอย่างหยาบคาย
ความเจ็บปวดที่มือระบมขึ้นมาทำให้เจียงหยุนเอ๋อหายใจอย่างหอบ ๆ เธอหมอบอยู่บนพื้น มีเสียงโกรธ ๆ ของอันซีหนีดังขึ้นที่ข้างหู
“คุณเจียง ในเมื่อคุณไม่เชื่อฟังขนาดนี้ ยืนกรานต่อต้านผม งั้นผมคงต้องทำให้คุณเห็นสักหน่อยแล้วว่าการไม่เชื่อฟังจะพบกับจุดจบยังไง!”