ตอนที่ 254 เกี้ยวพาราสี
ตอนที่ 254 เกี้ยวพาราสี
“แต่ว่า…” เยว่ซินเม้มปาก ดูเหมือนจะแอบลังเล ทว่าในเมื่อเป็นคำสั่งของคุณหนู นางจึงยอมไปเก็บของอย่างเชื่อฟัง
โม่เสียนที่อยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้ว กระซิบเสียงเบาว่า “แม่นางอวี้ นายท่านยังไม่กลับมา หรือว่า…”
อวี้ชิงลั่วหันมามองเขาปราดหนึ่ง เป็นเพราะเย่ซิวตู๋ยังไม่กลับมา นางยิ่งสมควรไปที่จวนอวี๋ มิเช่นนั้นหากรอให้เขารู้เรื่องนี้ คงได้ถูกขัดขวางอีกตามเคย
โม่เสียนลอบถอนหายใจ หันกลับไปก็เห็นเยว่ซินเดินถือกระเป๋ายาออกมาแล้ว จึงก้มศีรษะกล่าว “ข้าจะไปเตรียมรถม้า”
อวี้เป่าเอ๋อร์กินข้าวไปสองคำ เมื่อมาคิด ๆ ดูแล้วเขาเองก็แอบไม่สบายใจ “ท่านพี่ อวี๋จั้วหลินเป็นคนชั่วร้ายขนาดนั้น ท่านต้องระวังตัวด้วยนะขอรับ เป่าเอ๋อร์จะรอท่านพี่อยู่ที่ตำหนักอ๋อง”
“ได้” อวี้ชิงลั่วลูบศีรษะของเขา ภายในใจบังเกิดอารมณ์ความรู้สึก อันที่จริงนางอยากสอนให้หนานหนานเป็นลูกชายตัวน้อยที่รู้เหตุรู้ผลและรู้ใจแบบนี้ แต่พอเอาเข้าจริงเจ้าเด็กคนนั้นกลับเปลี่ยนเป็นคนที่เกิดมาเพื่อถ่วงนางโดยเฉพาะ
อวี้ชิงลั่วลุกขึ้นยืน รับผ้าเช็ดหน้าที่เยว่ซินยื่นให้มาเช็ดปาก กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “เจ้าค่อย ๆ กินนะ อีกเดี๋ยวข้าก็กลับมาแล้ว หลังจากกินข้าวเสร็จก็ไปนอนกลางวันสักตื่น หรือจะไปเดินเล่นในตำหนักอ๋องก็ได้ ช่วงนี้อย่าเพิ่งออกไปไหน ตอนนี้จวนอวี้คงกำลังตามหาตัวเจ้าอยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาเห็นตัวและทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายยิ่งขึ้น”
“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านพี่ไม่ต้องเป็นกังวล” อวี้เป่าเอ๋อร์พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ท่าทางของเขาช่างฉลาดปราดเปรื่องนัก ได้เห็นพี่สาวยังมีชีวิตอยู่เขาก็พึงพอใจแล้ว ตอนนี้แค่ดูแลตัวเองให้ดีไม่เพิ่มภาระให้ท่านพี่ ก็นับเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่เขาทำได้แล้ว
อวี้ชิงลั่วกระตุกยิ้ม ก่อนจะหมุนกายเดินออกจากห้อง
เยว่ซินพยักหน้าให้อวี้เป่าเอ๋อร์ และรีบเดินตามออกไปเช่นกัน
บรรยากาศภายในจวนอวี๋ค่อนข้างอึมครึม เนื่องจากเมื่อวานนี้นายน้อยตระกูลอวี๋ได้รับบาดเจ็บ ฉากที่เขาถูกคนแบกเข้ามาในสภาพเลือดอาบไปทั้งตัวยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของคนรับใช้จวนอวี๋ไม่หยุดจนกระทั่งตอนนี้ ครั้นนึกถึงฉากนั้น แต่ละคนก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจนไม่กล้าพูดอะไร
อวี้ชิงลั่วและเยว่ซินเดินตามพ่อบ้านเข้าไปยังเรือนที่พักของอวี๋จั้วหลิน ฮูหยินใหญ่และหลี่หรานหร่านต่างก็อยู่ที่นี่ ตอนที่เห็นนาง ฮูหยินใหญ่ก็รีบเข้ามาอย่างมีความสุข “แม่นางชิง ท่านมาแล้ว”
“คุณชายอวี๋มีอาการผิดปกติอะไรหรือไม่?” อวี้ชิงลั่วเหลือบมองหลี่หรานหร่านที่มีสีหน้าหม่นหมอง ก่อนจะเดินไปนั่งที่ขอบเตียงของอวี๋จั้วหลินด้วยรอยยิ้ม
ฮูหยินใหญ่ถอนหายใจแรง ๆ “ก็ทำตามคำสั่งของแม่นางชิง กินยาที่แม่นางให้มาแล้วก็ถือว่าปกติดี เพียงแต่เช้าวันนี้หลังจากฟื้นขึ้นมาครั้งเดียวเพียงไม่นานก็หมดสติไปอีกครั้ง จนถึงตอนนี้ก็ยังนอนหลับไม่ได้สติ”
อวี้ชิงลั่วพยักหน้า ตรวจดูอาการให้อวี๋จั้วหลิน หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งจึงหลุบตาลงและเงียบขรึมไปครู่หนึ่ง จากนั้นใช้ฝ่ามือกดไปที่ท้ายทอยของอีกฝ่าย ส่วนมืออีกข้างหนึ่งนวดคลึงไปที่ศีรษะ
“อือ…”
“ฟื้นแล้ว ๆๆ” ฮูหยินใหญ่ส่งเสียงออกมาด้วยความดีใจ มองดูอวี้ชิงลั่วที่ดึงมือกลับไป นัยน์ตามีหยาดน้ำตาคลอเป็นประกาย “แม่นางชิงมีวิธีจริง ๆ ด้วย พวกเราอยู่ที่นี่ทั้งเรียกทั้งเฝ้ามาครึ่งค่อนวันแล้ว เขาก็ไม่เห็นจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบใด ๆ แต่เพียงแม่นางชิงกดจุดก็ทำให้เขาฟื้นขึ้นมาได้แล้ว”
อวี้ชิงลั่วยิ้ม ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่หลุบสายตามองไปยังอวี๋จั้วหลินที่กำลังลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ
อวี๋จั้วหลินรู้สึกตาพร่า หลังปรับตัวด้วยความยากลำบาก สิ่งที่อยู่ในสายตาของเขาก็คืออวี้ชิงลั่วที่ปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุม เผยให้เห็นเพียงคิ้วโก่งเรียวคู่หนึ่งรับกับดวงตากระจ่างสดใสที่เพ่งมองมาอย่างสนใจ จนเหมือนจะทำให้หัวใจของอวี๋จั้วหลินเต้นแรงขึ้น หัวใจคล้ายถูกคนดึงจนรู้สึกชา
“แม่นางชิง… ท่าน… ท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ เมื่อวาน…”
อวี้ชิงลั่วเอ่ยแทรกคำพูดของเขา “คุณชายอวี๋อย่าได้เป็นกังวลใจ ข้าไม่เป็นอะไร ทุกอย่างราบรื่นดี มีแต่ท่านที่เพราะช่วยข้าจึงได้รับบาดเจ็บหนักเช่นนี้ ภายในใจของข้ารู้สึกไม่ดีจริง ๆ จะนอนก็นอนไม่หลับ จะกินก็กินไม่ลง”
เยว่ซินก้มหน้ายืนอยู่ด้านหลังอวี้ชิงลั่ว ครั้นได้ยินคุณหนูพูดเช่นนี้ มุมปากพลันกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ หากคุณหนูพูดคำพูดเช่นนี้ต่อหน้าท่านอ๋องซิว เกรงว่าท่านอ๋องซิวคงได้ลอยขึ้นฟ้าไปแล้ว
ทว่าต่อให้ไม่ใช่เย่ซิวตู๋ ครั้นคำพูดนี้เข้าไปอยู่ในหูของอวี๋จั้วหลิน มันก็มีประโยชน์อย่างมาก หัวใจที่จากเดิมมีอาการชา ตอนนี้ยิ่งร้อนวูบวาบราวกับจะกระโดดออกมา
เขาอยากยื่นมือออกไปจับมือของอวี้ชิงลั่ว ทว่าอวี้ชิงลั่วกลับมีน้ำใจเอื้อมมือขึ้นมาดึงผ้าห่มห่มไปที่ตัวของเขาอย่างระมัดระวัง
อวี๋จั้วหลินเอนตัวนอนลงไปอย่างสงบจิตสงบใจ กล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ทำให้แม่นางชิงต้องเป็นห่วงแล้ว เพียงแต่เมื่อวานนี้เมื่อได้เห็นคนร้ายกาจเหล่านั้นพยายามจะทำร้ายแม่นางชิง ก็เป็นเรื่องยากเกินกว่าที่ข้าจะทนไหว แค่คิดว่าแม่นางชิงอาจได้รับบาดเจ็บ สติสัมปชัญญะของข้าก็แทบจะหายไป”
“ข้าทราบแล้ว คุณชายอวี๋เป็นผู้มีศิลปะการต่อสู้ขั้นสูง คนเหล่านั้นแทบไม่ใช่ศัตรูของคุณชายอวี๋เลย ต่อให้สี่รุมหนึ่งก็มิอาจเอาเปรียบคุณชายได้ เพียงแต่คนคนนั้นทำตัวน่าดูหมิ่นเกินไป ถึงได้หันมาเล่นงานข้าและเยว่ซิน หากคุณชายอวี๋ไม่เป็นห่วงพวกเรา ก็คงไม่ถูกพวกมันเล่นงานทีเผลอ”
ทั้งสองคนสลับกันพูดไปมาด้วยความเมตตาอันลึกซึ้ง ราวกับบริเวณโดยรอบไม่มีใคร
ฮูหยินใหญ่กลับมีความสุขที่ได้ฟัง หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากแอบแย้มยิ้ม
ทว่าหลี่หรานหร่านที่ดูแลอวี๋จั้วหลินตลอดทั้งคืนด้วยความยากลำบาก กลับใช้มือกำผ้าเช็ดหน้าจนแน่น ทั้งยังขบฟันจนฟันแทบแตก
นี่คือสามีของนาง สามีที่นางใช้ชีวิตอยู่ด้วยถึงหกปี ตอนนี้กลับทำราวกับไม่เห็นนางแม้แต่เงา สายตาของเขามีแค่แม่นางชิงเพียงคนเดียว ทั้งยังใช้สายตาที่แฝงไปด้วยความเสน่หาเช่นนี้อีก
หลี่หรานหร่านหวาดหวั่นจนสีหน้าขาวซีด โกรธจนร่างกายสั่นเทา สุ่ยเหวินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นางก้าวเท้ามาด้านหน้าหนึ่งก้าวด้วยความกังวล “ฮูหยิน ใจเย็น ๆ ก่อนนะเจ้าคะ”
หลี่หรานหร่านชะงัก เพิ่งนึกถึงสถานการณ์ของตัวเองขึ้นได้ หากเพียงเรื่องเล็กน้อยมิอาจทนได้ก็อาจทำให้เสียแผนการใหญ่ นางมิอาจทำให้อวี๋จั้วหลินและฮูหยินใหญ่ไม่พอใจในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ได้
ด้วยเหตุนี้ นางจึงทำได้เพียงแค่สูดหายใจเข้าลึกและปรับสีหน้า เดินออกมาจากทางด้านหลังอวี้ชิงลั่วอย่างช้า ๆ มายืนตรงหน้าอวี๋จั้วหลินพร้อมกับเผยอริมฝีปากเล็กน้อย “ในเมื่อพี่ใหญ่ฟื้นขึ้นมาแล้ว เช่นนั้นน้องก็คงเบาใจได้ น้องไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ตอนนี้ร่างกายแอบรู้สึกเหนื่อยล้า น้องขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อน”
นางไม่ลืมสถานะคุณหนูตระกูลอวี๋เมื่ออยู่ตรงหน้าแม่นางชิง
อวี๋จั้วหลินชะงักไปเล็กน้อย ครั้นเห็นสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจ และได้ยินนางพูดว่าไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน ความรู้สึกผิดพลันท่วมท้นอยู่ภายในใจ น้ำเสียงอ่อนโยนลงอย่างมาก “ทำให้เจ้าเป็นกังวลแล้ว ตอนนี้เจ้ายังป่วยอยู่ รีบกลับไปพักผ่อนเถิด อย่าได้ปล่อยให้ตนเองเหนื่อยเลย”
อวี้ชิงลั่วหัวเราะเบา ๆ พยักหน้าเห็นด้วย “นั่นสิ สีหน้าคุณหนูอวี๋ดูซีดเผือดนัก กลับไปพักผ่อนเถิด”
ตอนที่หลี่หรานหร่านอยู่ต่อหน้าอวี้ชิงลั่ว รอยยิ้มที่มุมปากก็ดูแข็งทื่ออย่างมาก ทว่าครั้นหันกลับไปมองอวี๋จั้วหลินก็ทำท่าทางราวกับจะร้องไห้อีกครั้ง นางยอบเข่าลงเล็กน้อย ก่อนจะถอยออกจากประตูห้องด้วยท่าทางอ่อนโยน
เพียงแต่ตอนที่ออกมาจากเรือนของอวี๋จั้วหลิน การแสดงออกทางสีหน้าของหลี่หรานหร่านก็เปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหดขึ้นทันใด
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ช่างไม่รู้อะไรซะแล้วกระจั๊ว ถ้ารู้ว่าคนที่ตัวเองเกี้ยวตอนนี้เป็นอดีตภรรยาที่ตัวเองพยายามฆ่าเมื่อหกปีก่อนนี่จะรู้สึกยังไงหนอ
ไหหม่า(海馬)