ตอนที่ 474 ไปจักรวรรดิจื่อจิน

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 474 ไปจักรวรรดิจื่อจิน

ตอนที่ 474 ไปจักรวรรดิจื่อจิน

“ดีมาก ในเมื่อตรวจสอบความผันผวนของทางเชื่อมมิติไม่เจอ จักรวรรดิดวงดาวก็จะถูกส่งไปที่ต้นไม้แห่งชีวิตสักที ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเราจะมาเล่นสนุกแล้วสิ” สวี่หลิงอวิ๋นแสยะยิ้มและหันไปมองเหล่าทหารที่อยู่ด้านหลัง “ทุกคนรอคอยกันอยู่ใช่ไหม?”

“ฮ่า ๆ ตั้งตารอเลยล่ะครับ ในที่สุดพวกเราก็จะได้แสดงฝีมือสักที”

ลุคเป็นคนแรกที่ขานรับ เขาตื่นเต้นมาก และทำตัวเป็นทหารที่รอคอยอย่างเชื่อฟัง อีกทั้งยังเล่นไพ่จนจบตา ในที่สุดเขาก็จะได้ลงมือทำอะไรสักที จะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?

ฉินหยวนไม่ได้พูดอะไร และคิดว่าลุคดูตื่นเต้นเกินกว่าเหตุ

คาดว่าครั้งนี้มือของพวกเขาก็จะเงียบเหงาเหมือนอย่างเคย พวกเขาอาจจะได้ไปท่องเที่ยวกับองค์หญิงสามเท่านั้น ถ้าไม่เชื่อ ก็รอดูได้เลย

เบนเน็ตเพียงแค่ยิ้มเบา ๆ

“เยี่ยม ในเมื่อทุกคนคิดเหมือนกัน งั้นเรามาเล่นเกมกันเถอะ” สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า และหันไปถามโอคาซีที่อยู่ด้านข้าง “ไปเล่นที่จักรวรรดิจื่อจินก่อนแล้วกัน ท่านคิดว่าไงคะ?”

“พอจะรู้ทางไปจักรวรรดิจื่อจินไหม?”

“รู้ครับ” โอคาซีตอบรับอย่างใจเย็น และต่อให้เขาไม่รู้ เขาก็สามารถหาที่อยู่ของอีกฝ่ายได้

“ดีค่ะ งั้นเราไปกันเถอะ! ปล่อยให้ยานรบกว่าหมื่นลำที่นี่เล่นกับเถาวัลย์งูไปก่อน แล้วเราค่อยแอบบุกไปหลังบ้านของพวกเขา!”

สวี่หลิงอวิ๋นปรบมือและตัดสินใจ

ยานรบกว่าหมื่นลำเคลื่อนทัพเข้ามาอย่างยิ่งใหญ่ ทว่าครั้งนี้จักรวรรดิเอลฟ์ไม่ได้เข้าร่วม

“ไม่มา? เหมาะเจาะเลยสินะ ถ้าเราหาต้นไม้แห่งชีวิตเจอ เราก็จะต้องแบ่งให้พวกเขา!” ผู้บัญชาการจากจักรวรรดิจื่อจินพูด “พระแม่พฤกษาของพวกเขาคือต้นไม้แห่งชีวิต และบางทีพวกเขาอาจจะมีกลยุทธ์พิเศษอะไรถึงได้ตามหาต้นไม้แห่งชีวิตจนเจอ?”

“พวกเขาไม่ควรออกมาตามหามัน ยังไงซะพวกเขาก็มีพระแม่พฤกษาอยู่แล้ว ตามหาต้นไม้แห่งชีวิตไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร” ผู้บัญชาการจากจักรวรรดิเซียร์พูดขึ้น

ขณะที่จอมพลเอเดนพูดขึ้นอย่างขุ่นเคือง “ในเมื่อต้นไม้แห่งชีวิตมีความสำคัญ จะครอบครองต้นไม้แห่งชีวิตไว้ทั้งสองต้นก็ไม่เห็นเป็นอะไร แต่บางทีอาจจะเป็นเหมือนที่พวกท่านพูดก็ได้ คนที่มีกลยุทธ์พิเศษในการหาต้นไม้แห่งชีวิตคงไม่อยากจะมาคลุกคลีกับพวกเราหรอกใช่ไหม?”

คำพูดดังกล่าวทำให้พวกเขาพูดไม่ออก ทว่ามันกลับฟังดูสมเหตุสมผล!

“ไม่ได้การล่ะ! จะต้องรีบรายงานทันที! จับตาดูจักรวรรดิเอลฟ์ไว้ ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอะไร เราจะตอบโต้ทันที”

“ตอบโต้? ตอบโต้บ้าบออะไร! ข้อความนั้นบอกว่าเผ่ามนุษย์เข้าไปในทางเชื่อมมิติไม่ใช่หรือไง แล้วถ้าพวกเอลฟ์กระโดดเข้าไปในทางเชื่อมมิตินั่นด้วยล่ะ ท่านจะทำยังไง?”

จอมพลเอเดนมีฝีปากที่ร้ายกาจมาก เพียงคำพูดไม่กี่คำก็สามารถทำให้จักรวรรดิอื่นสำลักได้ อีกฝ่ายตกตะลึงจนไร้การตอบสนองเป็นเวลานาน ไม่รู้ว่าควรจะพูดปลอบประโลมอะไรให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น

“พวกเราสั่งให้ช่างเทคนิคไปตรวจสอบความผันผวนของทางเชื่อมมิติได้!” ผู้บัญชาการจากจักรวรรดิจื่อจินพูดขึ้นอย่างไม่พอใจนัก “เรามีเงิน! มีเงินมากพอแล้วกัน!”

“ส่วนพวกเรามีเทคโนโลยี!” จักรวรรดิเซียร์โต้กลับอย่างไม่พอใจเช่นกัน “งั้นเราขอถามหน่อยว่าจักรวรรดิเคทเลอร์มีอะไรมั่ง? หรือว่าแค่แวะมาเที่ยว?”

“พวกเรางั้นเหรอ? พวกเรามีกำปั้นยังไงล่ะ!” จอมพลเอเดนยกแขนขึ้นมาและส่งสายตาเยาะเย้ย “เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกท่านได้ต้นไม้แห่งชีวิตมาครอบครอง ผมจะไปปล้นมันมา!”

ฮึ! ยังไม่ทันได้ครอบครองต้นไม้แห่งชีวิต อีกฝ่ายก็วางท่าแล้วสินะ ดูท่าเรื่องนี้จะไม่ง่ายสำหรับพวกเขา!

จักรพรรดิแห่งเคทเลอร์เพิ่งขึ้นครองราชย์ แต่ทำไมถึงได้ปีกกล้าขาแข็งขนาดนี้? กล้าดียังไงถึงมาปีกกล้าขาแข็งใส่พวกเขา! ควรจะผ่อนคลายสถานการณ์การเมืองสักสองปีก่อน แล้วค่อยมายกกำปั้นใส่พวกเขาไม่ใช่เหรอ?!

ตอนนี้ยังไม่เจอศัตรู เห็นเพียงแต่ทั้งสามจักรวรรดิที่เข้ามาผสมโรง จักรวรรดิอื่นไม่รู้ว่าทั้งสามจักรวรรดิใหญ่หมายถึงอะไร พวกเขาเร่งไปที่แนวหน้า แต่ก็ยังหาศัตรูไม่เจอ

ด้วยเหตุนี้จึงวนหาอีกรอบหนึ่ง แต่ก็ยังหาไม่เจออยู่ดี!

ออกไปหาอย่างกระตือรือร้น แต่ต้องกลับไปพร้อมกับความผิดหวัง! พวกเขาพึมพำและปริปากสาปแช่ง นี่คงเป็นกับดักของพวกมนุษย์สารเลว!

เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าผู้คนก่อนหน้านี้ถูกเผ่ามนุษย์กวาดล้างไปหรือไม่?!

ขณะที่พวกเขากำลังก่นด่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ทันใดนั้นพวกเขาก็สังเกตเห็นพืชพรรณมากมายที่อยู่ล้อมรอบ มันกำลังโบกสะบัดเถาวัลย์สีทอง!

ดูเหมือนว่าเถาวัลย์สีทองกำลังมุ่งหน้าไปทางจักรวรรดิของพวกเขาด้วยสติปัญญาที่ครบถ้วน ขณะที่เถาวัลย์หนึ่งเถาสามารถแบ่งยานรบของพวกเขาออกเป็นสองท่อน และก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตอบสนองอะไร พวกเขาก็ถูกเถาวัลย์ดูดเลือดจนเหลือแต่ผิวหนังห้อยอยู่บนเถาวัลย์

“พระเจ้า นี่มันสัตว์ประหลาดอะไร?”

“อย่าเข้ามา อย่าเข้ามาสิวะ!”

“ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”

…นักรบทั้งหลายร้องขอความช่วยเหลือจนเริ่มร้องไห้หาพ่อหาแม่ แต่ก็เปล่าประโยชน์! ทั้งสามจักรวรรดิใหญ่เริ่มตอบสนองภายในเวลาต่อมา และพบว่าพวกเขาถูกเถาวัลย์ห่อหุ้มอยู่!

จอมพลเอเดนตกใจอย่างมาก หรือนี่จะเป็นฝีมือของมนุษย์? ทำได้ยังไง? เขาจะต้องบาดเจ็บเพราะฝีมือของพวกเดียวกัน จะต้องบาดเจ็บสาหัสเพราะความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงงั้นหรือ?

จอมพลเอเดนเริ่มรู้สึกร้อนรน ขณะที่เถาวัลย์งูยังคงพันรอบยานรบของพวกเขา จากนั้นมันก็ห่อหุ้มยานรบของพวกเขาราวกับขนมบ๊ะจ่าง เขวี้ยงออกไปราวกับลูกบอล โยนขึ้นไปบนเส้นขอบฟ้า และหายไปอย่างไร้ร่องรอย

สวี่หลิงอวิ๋นพาทุกคนขึ้นไปบนยานรบ ข้ามผ่านทางเชื่อมมิติมาที่ดาวเคราะห์เมืองหลวงของจักรวรรดิจื่อจินอย่างสบาย ๆ

“รองผู้บัญชาการ ข้างหน้านั่นใช่เมืองหลวงจื่อจินหรือเปล่า?” สวี่หลิงอวิ๋ยถามอย่างเกียจคร้าน มองดูดาวเคราะห์สีทองอินทนิลที่อยู่ตรงหน้าเธอ ครุ่นคิดในใจและปริปากถามว่า “ดาวเคราะห์ดวงนี้อุดมไปด้วยเหรียญทองอินทนิลใช่ไหม? แล้วทำไมทั้งหมดต้องเป็นสีทองอินทนิลด้วยล่ะ?”

“ไม่เชิงครับ ผมได้ยินมาว่าคนในจักรวรรดิจื่อจินทำธุรกิจกันเก่งมาก เศรษฐีที่ร่ำรวยติดอันดับในจักรวาลล้วนมาจากจักรวรรดิจื่อจิน นักธุรกิจของพวกเขากระจัดกระจายอยู่ทั่วจักรวาล และเป็นผู้นำในทุก ๆ ทุกด้าน”

โอคาซีผู้รอบรู้ไปทุกเรื่องพูดอธิบาย “ผู้บัญชาการ ผมควรทำยังไงดีครับ? โปรดชี้แนะที!”

“ขอคิดก่อนว่าจะทำยังไงดี!”

นี่มันไม่น่าอายไปหน่อยเหรอ พวกเธอมาถึงหน้าจักรวรรดิของอีกฝ่ายแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี?

ขณะที่เสี่ยวอ้ายกับบอนาร์มองหน้ากัน และเสี่ยวอ้ายก็พูดขึ้นว่า “นายท่าน อยากให้ฉันลงมือไหม? ฉันเรียกอสุรกายจำนวนหนึ่งมาเรียกน้ำย่อยพวกเขาได้”

“อสุรกายกลุ่มนั้นแข็งแกร่งหรือเปล่า? อย่าให้พวกมันไปเป็นอาหารซะเองล่ะ”

“นายท่านวางใจได้ พวกมันสิบห้าดาวกันแล้ว รับประกันได้เลยว่าจักรวรรดิจื่อจินจะต้องมีสีสันแน่!”

เสี่ยวอ้ายทุบหน้าอกและพูดรับประกัน

บอนาร์ที่อยู่ด้านข้างพูดเสริมว่า “ข้าเองก็มีลูกสมุนไร้ประโยชน์อยู่กลุ่มหนึ่ง พวกมันสิบห้าดาวกัน ถ้าต้องการ ข้าก็จะเรียกมาให้”

“ฮะ บัดซบ!” สวี่หลิงอวิ๋นถูมือ มองดูพี่ใหญ่ที่น่าเกรงขามทั้งสองตัวที่อยู่ข้างหน้าด้วยความนับถือและพูดว่า “ไม่ไหวเลยจริง ๆ ถ้าทีหลังลูกน้องที่ไร้ประโยชน์ของท่านยังทำตัวไม่เข้าตาอีก ก็ส่งมาให้ฉันได้เลย!”