บทที่ 396 เจ้าอยากพบเขาขนาดนี้เลยหรือ

จอมนางข้ามพิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 396 เจ้าอยากพบเขาขนาดนี้เลยหรือ

จวินหย่วนโยวคิดไม่ถึงว่าข่าวของซวนอ๋องจะรวดเร็วขนาดนี้ พวกเขาเพิ่งแสดงตนวันนี้ เวลาเพียงครึ่งชั่วยาม โม่เหลิ่งเหยียนก็รู้เรื่องแล้ว ดูท่าเจ้าหมอนี่จะมีสายอยู่ที่แคว้นเป่ยลี่ไม่น้อย

“ซวนอ๋อง เขาถึงกับรู้เร็วขนาดนี้ว่าเรามาแล้ว ซื่อจื่อเราไปพบเขากัน” หยุนถิงที่สะลึมสะลือเอ่ยปากทันที

สีหน้าของจวินหย่วนโยวเคร่งขรึมลงทันที “เจ้าอยากพบเขาขนาดนี้เลยหรือ?”

“ใช่แล้ว เขานัดพบซื่อจื่อ เพราะต้องการจะร่วมมือกับซื่อจื่อแน่นอน ซวนอ๋องกับซื่อจื่อร่วมมือกันต้องไร้เทียมทานในใต้หล้าอย่างแน่นอน ไม่มีอะไรสามารถขัดขวาง—–”

หยุนถิงยังไม่ทันจะพูดจบ ก็ถูกจวินหย่วนโยวใช้ปากปิดเอาไว้

เรียกร้องอย่างเผด็จการ ถึงขั้นใช้กำลังเล็กน้อย เหมือนกำลังลงโทษ

หยุนถิงเจ็บจนขมวดคิ้ว นางที่เดิมทีก็ดื่มมากไปอยู่แล้วจู่ๆก็ถูกจวินหย่วนโยวทำให้เจ็บ พลักจวินหย่วนโยวออกไปอย่างแรง และร้องไห้โฮขึ้นมา

“ซื่อจื่อ ท่านรังแกข้า ฮือๆ!”

นี่เป็นครั้งแรกที่หยุนถิงร้องไห้ หยุนถิงที่โอหังเอาแต่ใจ เย็นชาและแข็งกร้าวมาตลอดถึงกับร้องไห้แล้ว นี่ทำให้จวินหย่วนโยวตื่นตระหนกในทันที

เมื่อเห็นนางทำหน้ามุ่ยด้วยความน้อยใจ น้ำตาไหลลงมาตามแก้ม ท่าทางน้อยใจอย่างยิ่ง จวินหย่วนโยวรู้สึกเจ็บปวดใจในทันที และยิ่งตำหนิตัวเองมากขึ้นเช่นกัน

“อย่าร้องเลย เมื่อครู่เป็นเพราะข้าไม่ดีเอง ข้าไม่ควรทำเช่นนี้” จวินหย่วนโยวกล่าวปลอบโยนด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงมาเล็กน้อย

หยุนถิงกลับร้องหนักมากยิ่งขึ้น ยื่นไปข่วนจวินหย่วนโยว “ซื่อจื่อ ที่ท่านมันคือตบหัวแล้วลูบหลัง ข้าไม่ยอมรับการกระทำนี้หรอก ท่านรังแกข้านี่แหละ ฮือๆ”

จวินหย่วนโยวทำอะไรไม่ถูก มองดูนางร้องไห้น้ำตาไหลแอบหน้า ถึงกับไม่รู้ว่าควรจะปลอบโยนอย่างไร ได้แต่ปล่อยให้หยุนถิงข่วนตัวเองต่อไป

“อย่าร้องไห้เลย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

หยุนถิงไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ร้องไห้ต่อไป

“ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่ควรหึงหวงเช่นนี้” น้ำเสียงของจวินหย่วนโยวมีความสำนึกผิดและตำหนิตัวเองเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย

หยุนถิงร้องไห้ต่อไป

“ต่อไปเจ้าจะพบหน้าซวนอ๋องอีก หรือมีเรื่องจะปรึกษาหารือกัน ข้าก็จะไม่หึงหวงแล้ว เป็นเพราะข้าใจแคบไปเอง ข้ารับรองว่าจะไม่มีครั้งหน้าอีก!”

จู่ๆหยุนถิงก็หยุดร้องไห้ และหัวเราะเสียงดังขึ้นมา “ซื่อจื่อท่านเป็นคนพูดเองนะ ต่อไปหากท่านผิดคำพูด เช่นนั้นคำพูดก็เท่ากับผายลม ตัวเองกินผายลมของตัวเอง”

จวินหย่วนโยวหมดคำพูด นังหนูนี่ช่างพูดจาหยาบคายจริงๆ นี่คือการเปรียบเปรยแบบไหนกัน

ที่แท้เมื่อครู่นี้นางล้วนจงใจทั้งนั้น จงใจแกล้งร้องไห้ จงใจแกล้งน้อยใจ ก็เพื่อจะให้ตัวเองรับปากจะไม่หึงหวงอีก

ทำไมจู่ๆจวินหย่วนโยวถึงมีความรู้สึกว่าถูกหยุนถิงวางอุบายหลอก แต่ว่าคำพูดหลุดออกไปจากปากแล้ว เขาก็ไม่สามารถเก็บกลับมาแล้ว

“ซื่อจื่อ เดิมทีข้ากับซวนอ๋องก็ไม่ได้มีอะไรกันอยู่แล้ว ท่านต้องเชื่อข้าอย่างสนิทใจ ข้าง่วงแล้วขอตัวนอนก่อนครู่หนึ่ง” หยุนถิงกล่าวจบ ก็ล้มตัวลงไปนอนในอ้อมแขนของจวินหย่วนโยว

ฟังเสียงหายใจแผ่วเบาของนาง รู้ว่าวันนี้นังหนูคนนี้ดื่มไปไม่น้อย นัยน์ตาที่ลึกล้ำของจวินหย่วนโยวมีความจนใจและตามใจแว๊บผ่านไปเล็กน้อย ยื่นมือไปกอดนางเอาไว้ ให้นางนอนหลับสบายมากยิ่งขึ้น

นึกถึงท่าทางที่เล่นลูกไม้ร้องไห้ปรับทุกข์เมื่อครู่นี้ของนาง จวินหย่วนโยวรู้สึกตลกมาก

รถม้าแล่นไปข้างหน้าตลอดทาง ผ่านถนนหลายสายสุดท้ายไปหยุดอยู่ที่หน้าโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง

จวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงลงจากรถม้า ชำเลืองมองตัวอักษรสามตัวที่อยู่บนป้าย โรงเตี๊ยวหรูเยว่

องครักษ์พาพวกเขาไปที่ห้องส่วนตัวอักษรเทียนหมายเลขหนึ่ง เปิดประตูให้ด้วยความเคารพนบนอบ

โม่เหลิ่งเหยียนที่รออยู่ข้างในเห็นจวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงเข้ามา สีหน้าเคร่งเครียดทันที “นางเป็นอะไรไป?”

จวินหย่วนโยวสีหน้าเย็นยะเยือก “นางเป็นซื่อจื่อเฟยของข้าแล้ว เจ้าเป็นห่วงนางเช่นนี้ไม่เหมาะสม!”

โม่เหลิ่งเหยียนถึงได้ตระหนักว่าตัวเองเป็นกังวลมากเกินไป ใบหน้าฟื้นคืนความเย็นยะเยือกเหมือนปกติอีกครั้ง “หยุนถิงกับข้าเป็นเพื่อนกัน เป็นห่วงนางนั่นเป็นเรื่องสมควรอยู่แล้ว อีกอย่างเจ้าประหม่าเช่นนี้ทำไม หรือกลัวว่าข้าจะแย่งนางไป?”

“อย่างเจ้าน่ะหรือ ชาติหน้าก็เป็นไปไม่ได้ เจ้ายอมแพ้ไปซะเถอะ” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างเย็นชา

“ตอนนี้นางชอบเจ้า ข้าจะไม่สร้างปัญหาใดๆ แต่หากมีวันหนึ่งเจ้าทำให้หยุนถิงเสียใจ แม้ข้าจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างก็จะต้องแย่งนางมาจากข้างกายเจ้าให้ได้!” โม่เหลิ่งเหยียนประกาศอย่างแข็งกร้าว

เขาเก็บความรู้สึกที่ตัวเองมีต่อหยุนถิงเอาไว้ตลอด รู้ว่านางรักจวินหย่วนโยว ดังนั้นโม่เหลิ่งเหยียนหวังว่าหยุนถิงจะมีความสุข

แต่หากมีวันหนึ่งนางไม่มีความสุข เช่นนั้นโม่เหลิ่งเหยียนย่อมจะไม่มีอะไรให้ต้องกังวลอีก

“ฮึ ในที่สุดเจ้าก็พูดความในใจออกมาแล้ว แต่ว่าข้าจะไม่ให้โอกาสนี้แก่เจ้าหรอก!” เสียงของจวินหย่วนโยวเย็นยะเยือก จริงจังเคร่งขรึม

“ซื่อจื่อ ท่านเสียงดังจังเลย!” จู่ๆหยุนถิงที่สะลึมสะลือก็เอ่ยปาก ทำลายความกระอักกระอ่วนของทั้งสองคน

“ตกลง ข้าไม่พูดแล้ว” จวินหย่วนโยวเปลี่ยนจากสิงโตที่ระเบิดอารมณ์เป็นแมวน้อยที่เชื่อฟังทันที น้ำเสียงก็นุ่มนวลไปอย่างมาก

โม่เหลิ่งเหยียนเต็มไปด้วยการเหยียดหยาม เจ้าหมอนี่เก่งแต่กับตัวเอง ก็ยังถูกหยุนถิงคุมเอาไว้อย่างเข้มงวดไม่ใช่หรือ

หยุนถิงลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ก็เห็นคนที่อยู่ตรงข้าม “ซวนอ๋อง ซื่อจื่อเรามาถึงแล้วหรือ”

“ใช่”

“เช่นนั้นพวกท่านรีบหารือกันสิ”

“ตกลง”

จวินหย่วนโยวอุ้มหยุนถิงเดินเข้าไปนั่งลง โม่เหลิ่งเหยียนนั่งอยู่ตรงข้าม รินน้ำชาให้หยุนถิงด้วยตัวเอง “ดื่มช้าร้อนๆหน่อย ทำให้สร่างเมา”

เมื่อครู่จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงอยู่ด้วยกันไปครู่หนึ่ง โม่เหลิ่งเหยียนย่อมได้กลิ่นเหล้าที่คุกกรุ่นอยู่แล้ว

“ตกลง” หยุนถิงยื่นมือไปหยิบถ้วยชา เงยหน้าดื่มไปหนึ่งคำ

“ข้าก็จะเอาเช่นกัน!” จวินหย่วนโยวกล่าวอย่างเย็นชา

“เจ้าไม่มีมือหรือไง อยากดื่มก็รินเองสิ!” โม่เหลิ่งเหยียนไม่ไว้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย

จวินหย่วนโยวยังอยากจะพูดอะไร ถ้วยชาที่อยู่ในมือของหยุนถิงก็ยื่นเข้ามาทันที ส่งมาถึงปากของจวินหย่วนโยว “ซื่อจื่อเชิญดื่มชา พวกท่านสองคนอย่าทะเลากันอีกเลย รีบคุยเรื่องจริงจังเถอะ”

“เห็นแก่หน้าของหยุนถิง ข้าจะไม่ถือสาหาความกับเจ้า เกี่ยวกับพ่อและลูกสาวซ่างกวนเจิ้นเจ้าวางแผนไว้อย่างไร?” โม่เหลิ่งเหยียนกล่าวขึ้นมาอย่างตรงประเด็น

“พวกเขาคือคนร้ายที่ฆ่าพ่อแม่ของข้า ความแค้นของพ่อแม่ไม่อาจอยู่ใต้แผ่นฟ้าเดียวกันได้ ข้าต้องการให้พวกเขาตายทั้งเป็น!” จวินหย่วนโยวโกรธแค้นสุดขีด

“ฝ่าบาทให้ข้าจับตัวพวกเขากลับไป อยู่ต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ”

“ฆ่าพวกเขามันถูกเกินไป” จวินหย่วนโยวกล่าวด้วยความโกรธ

“เช่นนั้นก็ขังพวกเขาเอาไว้ ปล่อยให้พวกเขาฆ่ากันเอง อยากอยู่ก็อยู่ไม่ได้อยากตายก็ตายไม่ได้!”

“ความคิดนี้ไม่เลว เป็นสิ่งที่ข้าต้องการเช่นกัน”

จวินหย่วนโยวกับโม่เหลิ่งเหยียนปรึกษาหารือกัน สุดท้ายก็บรรลุข้อตกลง ถึงได้แยกย้ายกันจากไป

ก่อนจะจากไป หยุนถิงหยิบตำราพิชัยออกมาหนึ่งเล่มยื่นให้ซวนอ๋อง “อันนี้บางทีอาจจะมีประโยชน์ต่อท่านในการทำสงคราม”

นัยน์ตาสีดำที่มืดมิดราวกับคืนมืดมิดของโม่เหลิ่งเหยียนมีความประหลาดใจแว๊บผ่านไปเล็กน้อย ยื่นมือไปรับมา “ขอบคุณมาก”

“ด้วยความยินดี”

ใบหน้าของจวินหย่วนโยวดำมืดลงมาทันที “ทำไมข้าถึงไม่มี?”

“ท่านไม่ต้องออกรบซะหน่อย จะเอาตำราพิชัยสงครามไปทำไม?” หยุนถิงถามกลับ

มุมปากของจวินหย่วนโยวกระตุกขึ้นมาทันที ร่างกายของเขาไม่เหมาะจะไปสนามรบจริงๆนั่นแหละ “ข้าศึกษาตอนอยู่ว่างๆไม่ได้หรือ?”

“ได้ กลับบ้านไปข้าเขียนให้ท่านสิบเล่ม!”

“ตกลง!”

โม่เหลิ่งเหยียนมองดูพวกเขาสองคนทะเลาะกัน สีหน้าหมดคำพูดอย่างมาก จวินหย่วนโยวผู้นี้ช่างทำตัวเป็นเด็กจริงๆ โม่เหลิ่งเหยียนรับตำราพิชัยสงครามเล่มนั้นมาดูราวกับของล้ำค่าทันที

สำหรับเขาที่เดินทัพต่อสู้ ตำราพิชัยสงครามคืออาวุธที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน