War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 1808
ตอนที่ 1,808 : ลูกชาย…

เฮยหมิงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้ฝึกมารที่พยายามจะยึดครองร่างของต้วนหรูเฟิง! มันเป็นถึงสุดยอดฝีมือจากภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า!!

ในตอนแรกที่ต้วนหลิงเทียนได้รับตราผนึกมารมานั้น วิญญาณหลักของเฮยหมิงยังถูกผนึกเอาไว้ในนั้น และมันยังฉวยโอกาสในจังหวะที่ต้วนหลิงเทียนแผ่พลังวิญญาณไปสำรวจตราผนึกมารเป็นดั่งสะพานเชื่อมต่อ พุ่งออกจากตราผนึกมารหมายเข้ามายึดครองร่างต้วนหลิงเทียน!

ทว่าด้วยความที่วิญญาณของต้วนหลิงเทียนมีเอกลักษณ์พิเศษเพราะมันไม่ใช่วิญญาณของพิภพนี้ ทำให้ถูกคุ้มครองด้วยกฏลี้ลับบางประการ ทำให้วิญญาณหลักของเฮยหมิงไม่เพียงไม่อาจยึดครอง ยังถูกทำลายลงด้วยกฏ!

และเมื่อวิญญาณหลักของเฮยหมิงถูกทำลาย เศษเสี้ยววิญญาณอื่นๆ อันเป็นวิญญาณย่อยก็ล้วนดับสลายไปพร้อมๆกัน และหนึ่งในนั้นก็คือเศษเสี้ยววิญญาณที่พยายามยึดครองสิทธิ์ควบคุมร่างของต้วนหรูเฟิงอย่างถาวร!

ด้วยเหตุนี้ทำให้ต้วนหรูเฟิงที่ประคองสติสุดท้ายแข็งขืนต่อต้านไว้ตลอด กลับมาถือครองร่างได้สมบูรณ์อีกครั้ง

และนั่นทำให้พลังฝึกปรืออันน่ากลัวรวมถึงอำนาจทั้งหลายที่เฮยหมิงสร้างไว้ในช่วงที่ควบคุมร่างต้วนหรูเฟิง ก็กลายเป็นของต้วนหรูเฟิงไปโดยปริยาย…

ตำหนักเมฆาครามเองก็เช่นกัน มันคือขุมพลังกึ่งชั้น 3 ที่เฮ่ยหมิงใช้พลังอำนาจอันเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเข้าครอบครอง แต่ในเมื่อเฮยหมิงตกตายแล้วแบบนี้ ก็เป็นธรรมดาที่มันจะตกเป็นของต้วนหรูเฟิง…

อาจกล่าวได้ว่าทุกสิ่งอย่างที่เฮยหมิงสร้างขึ้นมามากมาย กลับกลายเป็นการตัดชุดวิวาห์ให้ต้วนหรูเฟิง!

‘ถึงแม้เฮยหมิงจะเป็นผู้ฝึกมารและยังเป็นผู้ที่หยิ่งทะนงในตัวเองถึงที่สุด แต่มันก็ไม่ใช่คนที่จะลดตัวลงไปกระทำเรื่องไร้มนุษย์ธรรมแบบนี้ได้ ในสายตาของมันมีแต่ผู้ฝึกมารกระจอกและอ่อนแอเท่านั้นที่จะพึ่งหนทางน่าสมเพชแบบนี้…สมควรเป็นฝีมือศิษย์ไม่รักดีที่มันขับไล่ไปคนนั้นแน่ ที่ปรับปรุงเคล็ดมารกลืนหยินที่เฮยหมิงเคยมอบให้ จนกลายเป็นเคล็ดวิชาอุบาทว์กลืนกินพลังหยินของสตรีและแก่นแท้โลหิตแบบนี้!’

ต้วนหรูเฟิงที่เคย ‘สนิทสนมชิดใกล้’ กับเฮยหมิงมานานปี ย่อมคาดเดาเรื่องนี้ออกได้ไม่ยาก

“ท่านปู่ ท่านปู่…”

ในขณะที่ต้วนหรูเฟิงกำลังหลับตาจมอยู่ในภวังค์คิดนั้นเอง เสียงเล็กๆเจื้อยแจ้วหนึ่งพลันดังมาจากนอกห้องโถง เห็นได้ชัดว่าสมควรเป็นเสียงของเด็กน้อย!

ได้ยินเสียงเด็กน้อยต้วนหรูเฟิงพลันลืมตาขึ้นมาพร้อมเผยประกายจ้า รอยยิ้มคลี่กางบนใบหน้าทันที

และพอเห็นเด็กชายตัวน้อยอายุราวๆ 3 ขวบกำลังวิ่งเข้ามาด้วยการเหยียบย่ำอากาศ! ทว่าร่างเด็กน้อยโซเซเอียงไปซ้ายทีขวาทีปานจะร่วงแหล่มิร่วงแหล่ พาลให้ต้วนหรูเฟิงอดไม่ได้ที่จะหวาดเสียว เม็ดเหงื่อถึงกับผุดซึมออกมา เร่งแผ่พลังไร้สภาพอ่อนนุ่มไปรอรับเอาไว้ในพริบตา เผื่อเด็กน้อยควบคุมพลังผิดพลาดอันใด

“เนี่ยนเอ๋อ…อย่าไปกวนท่านปู่สิลูก”

ขณะเดียวกันร่างงามหนึ่งพลันตามเข้ามาในห้องโถงหลักด้วยเช่นกัน

เป็นสตรีอันมีรูปโฉมทั้งรูปร่างงดงามยากหาใดเปรียบนางหนึ่ง ยามนางปรากฏกายสภาพแวดล้อมคล้ายจะหมองลงหลายส่วน

เกษาดำขลับยาวสลวยทอดตัวลงมาดั่งม่านน้ำตก

หากต้วนหลิงเทียนอยู่ที่นี่คงจดจำได้ทันทีว่านางเป็นคู่หมั้นของเขา ลี่เฟย

มองดูรูปร่างหน้าตาของลี่เฟยยามนี้ เรียกว่าไม่ได้แตกต่างไปจากกาลก่อนแม้แต่น้อย ไม่คล้ายอิสตรีที่มีบุตรแล้วสักนิด

“เนี่ยนเอ๋อมาหาปู่เร็ว”

ต้วนหรูเฟิงหันไปส่ายหัวให้ลี่เฟยด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะอ้าแขนออกกว้างปล่อยให้เด็กน้อยย่ำอากาศเข้ามาสู่อ้อมกอด สุดท้ายเด็กน้อยก็ถูกจับอุ้มเอาไว้อย่างน่าเอ็นดู “ฮัยยา เนี่ยนเอ๋อของปู่ตัวหนักขึ้นแล้ว..ดี ดีมาก!”

ใบหน้าต้วนหรูเฟิงเผยรอยยิ้มร่าด้วยความยินดี แววตามากล้นไปด้วยความสุข

ในอดีตนั้น เพราะมันถูกเฮยหมิงครอบงำร่างกาย ทำให้มันไม่อาจกลับบ้านได้ถึง 20 ปีเต็มๆ…

และนั่นยังทำให้มันพลาดวัยเด็กของลูกชาย มันเองก็เสียใจกับเรื่องนี้มาโดยตลอด…

ด้วยเหตุนี้ความรู้สึกผิดที่ไม่อายอยู่ดูแลลูกชาย จึงถูกเปลี่ยนเป็นความรักความเอ็นดูทุ่มเทให้หลานชายในอ้อมกอดทั้งหมด เด็กชายตัวน้อยคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหลานชายของต้วนหรูเฟิง!

“ท่านพ่อ”

ขณะเดียวกันลี่เฟยที่เข้ามาถึงแล้ว ก็ทักทายต้วนหรูเฟิงด้วยความเคารพ

ถึงแม้ต้วนหรูเฟิงจะเป็นบิดาของชายคนรัก แต่นางยังรักษามารยาทต่อหน้าต้วนหรูเฟิงอย่างดี เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงจ้าวตำหนักเมฆาคราม ขุมพลังกึ่งชั้น 3 อันยิ่งใหญ่ของภูมิภาคเบื้องล่างดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า

นางเองก็ได้อาศัยอยู่ในตำหนักเมฆาครามมานานแล้ว ย่อมรู้เรื่องราวของขุมพลังต่างๆในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้ดี

ด้วยเหตุนี้ทำให้นางรู้ว่าตำหนักเมฆาครามที่นางอยู่ คือ 1 ใน 2 มหายักษ์ใหญ่ที่ครองอำนาจสูงสุดในภูมิภาคเบื้องล่าง เป็นขุมพลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าตลาดมืดหยินชาน

และบิดาของบุรุษนางยังเป็นถึงผู้นำขุมพลัง! 1 ใน 2 ยอดฝีมือสูงสุดในแดนดิน!!

ตู้กูเหนือ หรูเฟิงใต้!

นี่คือวาจาที่แพร่หลายไปทั่วภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ผิวเผินมีความหมายราวกับภาคเหนือทั้งหมดล้วนถูกตู้กูผู้นำตลาดมืดหยินชานครอบครอง ส่วนทิศใต้ทั้งหมดก็เป็นของต้วนหรูเฟิงจ้าวตำหนักเมฆาคราม!

แต่แน่นอนว่านี่เป็นเพียงคำเปรียบเปรยเท่านั้น

ความหมายที่ถูกต้องที่สุดก็ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า ทั้งคู่คือยอดฝีมือที่มีพลังฝีมือร้ายกาจที่สุดเหนือใครในแดนดิน ไม่มีบุคคลที่ 3 ที่สามารถต้านทานรับมือทั้งคู่ได้ในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้

“เฟยเอ๋อ…เจ้าเป็นดั่งลูกสาวของข้า ยังต้องมากมารยาททำอะไร”

ต้วนหรูเฟิงกล่าวกับลี่เฟยด้วยรอยยิ้ม มันเองก็พึงพอใจกับลูกสะใภ้คนนี้เป็นที่สุด

ยังไม่ให้ไม่พอใจได้อย่างไร!

หลานชายในวงแขนมันเป็นนางคลอดมา!

“ท่านแม่ ท่านแม่ วันนี้ข้าจะนอนกับท่านปู่!”

เด็กชายตัวน้อยหันศีรษะเล็กๆมากล่าวบอกลี่เฟยด้วยความสดใส สองแก้มป่องอมชมพูแลดูหน่าหยิกนัก

“เนี่ยนเอ๋อไม่เล่นสิลูก!”

ใบหน้าลี่เฟยเผยความเคร่งครัดออกมาทันใด ยังกล่าวบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ท่านปู่ต้องบ่มเพาะพลัง เนี่ยนเอ๋อเด็กดีไม่กวนท่านปู่นะลูก”

เด็กชายตัวน้อยพอได้ยินวาจาบอกปัดของลี่เฟย ก็ชักสีหน้าเศร้าสลด หันไปมองต้วนหรูเฟิงน้ำตาคลอ “ท่านปู่…เนี่ยนเอ๋ออยากนอนกอดท่านปู่! คืนนี้เนียนเอ๋อจะอยู่กับท่านปู่…ท่านปู่บอกท่านแม่เร็วๆ”

“เอาล่ะๆ”

เห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของหลานชายในอ้อมแขน ต้วนหรูเฟิงไหนเลยสามารถปฏิเสธได้ หันไปมองกล่าวบอกลี่เฟยด้วยรอยยิ้มทันที “เฟยเอ๋อไม่เป็นไรหรอก คืนนี้ให้เนี่ยนเอ๋ออยู่กับข้าเถอะ”

“ค่ะท่านพ่อ”

ในเมื่อต้วนหรูเฟิงกล่าวแล้ว ลี่เฟยก็ไม่คิดขัดอะไรอีก

“ท่านพ่อ…”

ทว่าทันใดนั้นเองคล้ายลี่เฟยนึกอะไรได้ หันไปมองถามต้วนหรูเฟิงอีกครั้งด้วยแววตาวาดหวัง ยังเป็นการกล่าวถามด้วยการส่งเสียง “ท่านพ่อได้ข่าวของเขาแล้วหรือยัง…”

แม้ในห้องโถงจะมีแค่ 3 คน ทว่าการที่ลี่เฟยเลือกจะส่งเสียงกล่าวถาม นั่นหมายความว่านางไม่อยากให้เด็กชายตัวน้อยได้ยิน

“ยังไม่เลย…”

ต้วนหรูเฟิงกล่าวตอบลี่เฟยด้วยการส่งเสียงแน่นอนมันยังรู้ว่า ‘เขา’ ที่ลี่เฟยกล่าวถึง หมายถึงต้วนหลิงเทียนบุตรชายของมันนั่นเอง “หลังจากมีข่าวว่าเทียนเอ๋อครอบครองตราผนึกมาร ร่องรอยก็ขาดหายไปเลย…ราวกับหายตัวไปในอากาศ”

“ท่านพ่อ จักเกิดเรื่องอันใดกับเขาหรือไม่?”

ลี่เฟยกล่าวถามด้วยความกังวล

“ผ่อนคลาย..เรื่องเจ้ามิต้องห่วงไปเฟยเอ๋อ ท่านผู้เฒ่าที่มีความเชี่ยวชาญในศาสตร์ทำนายบอกข้าไว้เป็นมั่นเหมาะ มิว่าเรื่องร้ายอันใดเทียนเอ๋อก็สามารถแปรเปลี่ยนให้กลับกลายเป็นเรื่องดี…และจนถึงทุกวันนี้ท่านผู้เฒ่าก็มิเคยกล่าวผิด”

ต้วนหรูเฟิงตอบกลับ

‘ท่านผู้เฒ่า’ ที่ต้วนหรูเฟิงก็คือ ผู้เฒ่าพยากรณ์นั่นเอง…

“ข้าก็หวังไว้ว่าจักเป็นเช่นนั้น…”

ลี่เฟยพยักหน้า หากแต่ลึกลงไปในแววตายากจะปกปิดความกังวล

นางไม่เคยพบพานผู้เฒ่าพยากรณ์มาก่อนอีกทั้งไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์ รวมถึงความสามารถทำนายทายทักที่แม่นยำดั่งล่วงรู้อนาคตของอีกฝ่าย

“หากน้องหญิงเค่อเอ๋อกับลูกในท้องของนางปลอดภัย…ข้าเชื่อว่ายามนี้เด็กน้อยคนนั้นก็อายุเท่ากับเนี่ยนเอ๋อแล้ว…”

ลี่เฟยมองเด็กชายตัวเล็กแสนซุกซนในอ้อมกอดต้วนหรูเฟิง ค่อยกล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ

ได้ยินเสียงพึมพำของลี่เฟย สีหน้าต้วนหรูเฟิงแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังทันที ในแววตายังเผยความกังวลออกมา

มันย่อมเป็นกังวลถึงลูกสะใภ้อีกคนไม่น้อย เพราะตอนนี้นางสมควรอยู่ลัทธิบูชาไฟ มหาอำนาจที่อยู่ภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า

ถึงแม้มันจะเป็นถึงจ้าวตำหนักเมฆาครามอันมีพลังอำนาจเหนือล้ำในภูมิภาคเบื้องล่าง หากแต่ก็ไม่นับเป็นตัวอะไรในภูมิภาคเบื้องบน!

แน่นอนว่ามันก็ไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลย อย่างน้อยมันก็ได้ขอความช่วยเหลือจากผู้สังเกตการณ์ที่เฝ้ามองภูมิภาคเบื้องล่าง ให้หาข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว

ผู้เฝ้ามอง ที่ประจำการอยู่ในภูมิภาคเบื้องล่างนับว่ามันพอมีสัมพันธ์ด้วย หลังจ่ายราคาที่เหมาะสมอีกฝ่ายก็ยินดีให้ความช่วยเหลือมัน

อนิจจาจนถึงทุกวันนี้มันยังไม่ได้รับข่าวคราวอะไร ดูเหมือนว่าผู้สังเกตการณ์ก็ยังไม่สามารถหาข่าวได้

เพราะสุดท้ายแล้วผู้สังเกตการณ์ก็เป็นเพียงศิษย์ของขุมพลังชั้น 1 เท่านั้น ยังมีพลังฝึกปรือเพียงขอบเขตเซียนนภา คิดจะหาข่าวของลัทธิบูชาไฟ อะไรที่จะทำได้ง่ายๆ…

เด็กชายตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนต้วนหรูเฟิง ก็คือบุตรชายของต้วนหลิงเทียนกับลี่เฟย ลี่เฟยยังตั้งชื่อให้ว่า ต้วนเนี่ยนเทียน

เนี่ยน แปลว่าคิดถึง…

ต้องกล่าวเลยว่าความคิดของลี่เฟยกับเค่อเอ๋อล้วนละม้ายคล้ายกันเป็นที่สุด กระทั่งชื่อของลูกยังมีความหมายแทบไม่ต่างกัน เค่อเอ๋อตั้งชื่อบุตรีว่า ซือหลิง ส่วนลี่เฟยตั้งชื่อว่า เนี่ยนเทียน

ซือหลิง เนี่ยนเทียน..

น่าเสียดายที่ต้วนหลิงเทียนไม่อาจรับรู้นามของบุตรและบุตรีของตัวเอง กระทั่งไม่แม้แต่จะเคยพบหน้าทั้งคู่

ตลาดมืดหยินชาน ย่อมได้รับข่าวคราวเหมือนกับตำหนักเมฆาคราม

“เคล็ดมารกลืนหยินปรากฏขึ้นอีกครั้งงั้นเหรอ?”

หลังได้ยินรายงานเรื่องนี้ ผู้นำตลาดมืดหยินชาน ตู้กู ก็กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงสงบ

ทว่าวินาทีนี้อาวุโสทั้งหลายของตลาดมืดหยินชานที่ยืนอยู่เบื้องหน้าอดไม่ได้ที่จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่ากลัวที่แฝงเร้นอยู่ในน้ำเสียงสงบดังกล่าวของผู้นำพวกมัน!

หากแต่เรื่องนี้พวกมันก็ไม่ได้แปลกใจอะไร

เพราะในอดีตยามเมื่อเคล็ดมารกลืนหยินปรากฏขึ้น ก็ได้มีมารร้ายยอดฝีมือที่น่ากลัวปรากฏขึ้นเช่นกัน!

เพื่อกำราบผู้ฝึกมารอันร้ายกาจคนนั้น ขุมพลังกึ่งชั้น 3 ทั้งหลายต่างส่งยอดฝีมือออกไปกลุ้มรุมล้อมปราบ แน่นอนว่าตลาดมืดหยินชานก็ส่งคนไปด้วยเช่นกัน

และในการปะทะกันครั้งนั้นบรรพบุรุษของผู้นำตู้กูก็ถูกฆ่าตาย!

จึงกล่าวได้ว่า เคล็ดมารกลืนหยิน กับตลาดมืดหยินชาน เป็นศัตรูคู่ฟ้า กระทั่งยังลั่นวาจาไว้แล้วว่าเมื่อเจอใครฝึกเคล็ดวิชานี้จะฆ่าให้ตาย!

“เคล็ดมารกลืนหยิน…ฉีจิ้ง แล้วก็จูลู่ฉีงั้นหรอ…ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป ให้ฐานปฏิบัติการทุกแห่งออกล่าตัวพวกมัน! พบ พบเห็นเป็นฆ่า ไม่ต้องคุย!”

ประกายเย็นเยียบแผ่พุ่งออกมาจากลูกตาตู้กู กล่าวสั่งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด

“ทราบแล้วใต้เท้า!”

อาวุโสไม่กี่คนประสานมือโค้งรับคำสั่งอย่างเคารพ

“เฝิงปู่อี้ เจ้าตามข้าไปตำหนักฟ้าลี้ลับ…ข้าต้องการรายละเอียดของเรื่องนี้!”

ตู้กูมองไปยัง ร่างหนึ่งในบรรดาอาวุโสค่อยกล่าว

เฝิงปู่อี้ที่ว่า ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือรองผู้นำตลาดมืดหยินชาน ที่ไปเยือนตำหนักฟ้าลี้ลับเมื่อครึ่งปีที่แล้ว

ทว่าในขณะที่ตู้กูกับเฝิงปู่อี้จะออกจากตลาดมืดหยินชานไปยังตำหนักฟ้าลี้ลับ สายลับที่แฝงตัวอยู่ในคำหนักฟ้าลี้ลับก็เข้ามารายงานเสียก่อน

“อดีตจ้าววังนภาจูลู่ฉีของตำหนักฟ้าลี้ลับ เลือกที่จะก่อการทั้งหมดเพราะคิดฝึกเคล็ดมารกลืนหยินเพื่อล้างแค้นข้า?”

หลังจากได้รับทราบรายงานเรื่องนี้ เฝิงปู่อี้ก็อึ้งไปไม่น้อย และในที่สุดมันก็นึกถึงคนที่มันตบหน้าสั่งสอนไปครั้งนั้น มาตอนนี้มันก็เข้าใจแล้วว่าที่แท้คนผู้นั้นก็คือจ้าววังนภาจูลู่ฉี ‘ข้านึกออกแล้ว…เจ้านั่นเหมือนมันจะเรียกว่าจูลู่ฉีจริงๆ! แต่มันคิดเหรอว่ามันจะล้างแค้นข้าได้หลังฝึกเคล็ดมารกลืนหยิน?’

‘ช่างเหิมเกริม ไม่เจียมตัวนัก!’

ใบหน้าเฝิงปู่อี้เผยความหยันหยามออกมา

“นี่มันเรื่องอันใดกัน?”

ได้ฟังรายงานดังกล่าว ตู้กูก็หันไปมองถามเฝิงปู่อี้ด้วยความสงสัยทันที “เจ้าไปมีความแค้นกับตัวทรยศของตำหนักฟ้าลี้ลับนั่นได้อย่างไร?”

เผชิญหน้ากับคำถามของตู้กู เฝิงปู่อี้ย่อมไม่กล้าโป้ปดแม้ครึ่งคำ กล่าวเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนั้นเมื่อครึ่งปีที่แล้วออกไปทั้งหมดไม่มีตกหล่น

“มันเป็นถึงจ้าววังนภา และยังมีตำแหน่งรองจ้าวตำหนักค้ำคอ เจ้าไปตบหน้าหยามมันต่อหน้าผู้คนเช่นนั้น ยังทำให้มันเจ็บแค้นยิ่งกว่าพยายามฆ่ามันให้ตายเสียอีก…ที่แท้เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า”

ตู้กูหยีตามองจ้องเฝิงปู้อี้เขม็ง