ตอนที่ 255 ยืมดาบฆ่าคน

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 255 ยืมดาบฆ่าคน

สุ่ยเหวินเดินตามหลังหลี่หรานหร่านด้วยตัวสั่นเทา ครั้นเห็นฝีเท้าของหลี่หรานหร่านทั้งรวดเร็วและยุ่งเหยิง ภายในใจจึงเกิดความกังวลอย่างห้ามไม่อยู่

เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ทันทีที่หลี่หรานหร่านกลับมาถึงที่ห้อง นางก็ใช้เท้าเตะเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงหน้าจนพลิกคว่ำ

สุ่ยเหวินถึงกับตกใจ รีบปิดประตูห้องและยกเก้าอี้ตัวขึ้นมาอีกครั้ง “ฮูหยิน ใจเย็น ๆ นะเจ้าคะ”

“จะให้ข้าใจเย็นได้อย่างไร?” เส้นเลือดบริเวณหน้าผากของหลี่หรานหร่านปูดขึ้นมาแล้ว นิ้วมือกำเข้าหากันจนแน่น ครั้นสะบัดมือออกไป กาน้ำชาและแก้วที่วางอยู่บนโต๊ะก็ถูกกวาดลงไปกองอยู่ที่พื้นทั้งหมด

เกิดเสียงดังระนาว ทำเอาคนรับใช้ที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกเรือนถึงกับตื่นตกใจ หวาดวิตกกันหมด เพราะกลัวว่าหากหลี่หรานหร่านอาละวาดขึ้นมาอาจระบายโทสะลงกับคนรับใช้อย่างพวกเขา

สุ่ยเหวินเห็นเศษกระเบื้องเคลือบที่พื้นก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ ทำได้เพียงแค่ถอยไปด้านหลังสองก้าวป้องกันไม่ให้ถูกกระเบื้องเคลือบบาด ทว่าก็ยังไม่กล้าออกไปด้านนอกโดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่ดี

หลี่หรานหร่านกระแทกตัวนั่งลงบนเก้าอี้ กำหมัดทุบลงบนโต๊ะแรง ๆ พลางขบฟันกรอด “นังแพศยานั่น คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าอ่อยจั้วหลินอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าข้า เหอะ เจ้าฟังสิว่าพวกเขาพูดอะไรกัน? ข้าโกรธเจียนจะตายอยู่แล้ว หลี่หรานหร่านคนนี้อยู่ในตระกูลอวี๋มาหกปี หกปีมานี้ตำแหน่งภายในตระกูลอวี๋ของข้าก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ จะมีสตรีลึกลับคนหนึ่งปรากฏตัวออกมา บัดซบจริง ๆ”

“เจ้าค่ะ ๆ ฮูหยินพูดถูก นังแพศยาคนนั้นต่อให้ตายก็ไม่เสียดาย” สุ่ยเหวินเดินอยู่ด้านหลัง นางสูดหายใจเข้าเล็กน้อย วางมือทั้งสองข้างลงบนบ่าของหลี่หรานหร่านพร้อมกับออกแรงนวดด้วยน้ำหนักมือปานกลาง

หลี่หรานหร่านยิ้มเยาะ “ถูกต้อง เมื่อหกปีก่อนข้าทำให้อวี้ชิงลั่วตายไปแล้ว หรือว่าหลังจากหกปีข้าจะจัดการกับหญิงแพศยาที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากที่ใดไม่ได้เล่า?”

สุ่ยเหวินกลืนน้ำลาย “ฮูหยินจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”

“เหอะ ทั้งชีวิตนี้มีสตรีสองประเภทที่จั้วหลินเกลียดที่สุด ประเภทแรกคือเข้าหาก่อน ส่วนอีกประเภทคือถูกคนอื่นบังคับยัดเยียดให้ ก็เหมือนกับที่ตอนนั้นฮูหยินอาวุโสให้เขาแต่งงานกับอวี้ชิงลั่วนั่นแหละ”

“แต่แม่นางชิงผู้นั้น ไม่ใช่คนสองประเภทนี้นะเจ้าคะ”

“เหอะ” หลี่หรานหร่านแค่นเสียงเย็น ถูกต้อง นังหญิงแพศยาผู้นั้นไม่ใช่คนสองประเภทนี้ หรืออาจพูดได้ว่าคนที่มีความคิดเริ่มก่อนก็คืออวี๋จั้วหลิน

หลี่หรานหร่านคิดเรื่องเหล่านี้ ภายในใจก็รู้สึกเหมือนมีไฟกำลังแผดเผา สติสัมปชัญญะของนางจนแทบไม่เหลือ นางหมุนกายดึงมือของสุ่ยเหวินเข้ามา ก่อนจะกัดลงไปแรง ๆ

“กรี๊ด… ฮู… ฮูหยิน ไว้ชีวิตบ่าวด้วยเจ้าค่ะ” สุ่ยเหวินเจ็บจนรูม่านตาหดเล็ก ส่วนใบหน้าก็บิดเบี้ยวอย่างหนัก

หลี่หรานหร่านยิ่งออกแรง จนกระทั่งรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดจาง ๆ ในปาก นางจึงสะบัดมือสุ่ยเหวินออกไป พร้อมกับสูดหายใจเข้าลึก ๆ

สุ่ยเหวินถูกอีกฝ่ายสะบัดจนเกือบล้ม นางยกมือขึ้นมากุมแขนของตัวเองด้วยดวงตาแดงก่ำ ทว่าต่อให้เจ็บจนหน้าขาวซีด นางก็ยังไม่กล้าพูดอะไรอยู่ดี ทั้งยังต้องลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องเพื่อรินน้ำให้หลี่หรานหร่านบ้วนปาก

“ฮูหยิน อย่าโกรธเลยนะเจ้าคะ”

หลี่หรานหร่านเหลือบมองอีกฝ่าย ก่อนจะถ่มน้ำที่อยู่ในปากออกมา โทสะที่อัดแน่นในอกจึงถูกระบายออกมา สมองของนางปลอดโปร่งขึ้นมากและสงบสติอารมณ์ลงแล้ว

ทันใดนั้น มุมปากก็ปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นอีกหน “เจ้าพูดถูก นังแพศยานั่นไม่ใช่คนสองประเภทนั้น แต่ยังมีอีกประเภท ไม่เพียงแค่จั้วหลินที่เกลียด แต่บุรุษทุกคนก็เกลียดเช่นกัน”

สุ่ยเหวินถึงกับตกใจ ภายในใจก็พอจะมีคำตอบ “ความหมายของฮูหยินคือ ให้สตรีผู้นั้นไปแปดเปื้อนกับบุรุษคนอื่นหรือเจ้าคะ?”

“เปล่า” หลี่หรานหร่านเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ส่งเสียงยิ้มเยาะ “มีบางเรื่องที่มิอาจทำเป็นครั้งที่สองได้ เมื่อหกปีก่อนข้าใช้วิธีนั้นกำจัดอวี้ชิงลั่วไปแล้ว นั่นก็เป็นเพราะสตรีผู้นั้นไม่มีอำนาจและไม่มีคนคอยหนุนหลัง ทว่าสตรีผู้นี้มิได้เป็นเช่นนั้น นางไม่เพียงแค่เป็นหมอปีศาจ แต่ดูจากทัศนคติของฮูหยินใหญ่ที่มีต่อนาง เกรงว่าสถานะคงสูงส่ง บางทีนางอาจเป็นสตรีสูงศักดิ์ภายในราชวงศ์ คิดจะวางกับดักใส่นาง? เหอะ บางทีอาจกลายเป็นจุดไฟเผาตนเอง ขุดหลุมศพแล้วกระโดดลงไปเองเสียมากกว่า”

“เช่นนั้น… เช่นนั้นฮูหยินมีความคิดอย่างไรหรือเจ้าคะ?”

นิ้วมือของหลี่หรานหร่านหมุนวนเบา ๆ สุ่ยเหวินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่กล้าส่งเสียงรบกวน ตอนนี้แขนของนางยังคงปวดแสบปวดร้อน ถึงจะเจ็บก็ทำได้เพียงขมวดคิ้ว

ผ่านไปครู่หนึ่ง หลี่หรานหร่านจึงยิ้มเยาะกล่าวว่า “เจ้าว่าครั้งก่อนตอนที่สตรีผู้นั้นมาที่นี่ เสนาบดีฝ่ายขวาก็มากับนางด้วยมิใช่รึ?”

“เจ้าค่ะ” สุ่ยเหวินพยักหน้า ตอบเสียงเบา “บ่าวได้ยินมาว่า ทัศนคติของเสนาบดีฝ่ายขวาที่มีต่อแม่นางชิงดีมากเจ้าค่ะ ทั้งการพูดและการกระทำก็คอยช่วยแม่นางชิงตลอด วันนั้นนายน้อยเตรียมรถม้าไปส่งแม่นางชิง เสนาบดีฝ่ายขวาคนนั้นก็คอยตามหลังนางราวกับกำลังคุ้มกันให้นางอย่างไรอย่างนั้น”

“เหอะ งั้นรึ? คิดไม่ถึงเลยว่าสตรีผู้นี้จะมีความสามารถในการยั่วบุรุษได้ไม่เลวเลย”

สุ่ยเหวินกลับรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงที่หลี่หรานหร่านพูดแอบแฝงด้วยความอิจฉา ภายในใจของนางจึงแอบรู้สึกกลัว ขาทั้งสองข้างจึงถอยหลังไปหนึ่งก้าวสั้น ๆ อย่างเงียบเชียบ

หลี่หรานหร่านชะงัก จู่ ๆ ก็หัวเราะออกมา จากนั้นจึงกดเสียงให้ทุ้มต่ำลง “อวี้ชิงโหรวน้องสาวของอวี้ชิงลั่วผู้นั้นอยากแต่งงานกับเสนาบดีฝ่ายขวานักไม่ใช่รึ? สุ่ยเหวิน หากนางรู้ว่าเสนาบดีฝ่ายขวาชอบคนอื่น ทำให้การรอคอยที่แสนเนิ่นนานของนางต้องสูญเปล่า เจ้าคิดว่านางจะทำเช่นไร?”

สุ่ยเหวินดวงตาเป็นประกาย “บางทีอวี้ชิงโหรวอาจลงมือทำอะไรบางอย่าง แต่คาดว่าฮูหยินอวี้ผู้นั้นคงได้สู้กับแม่นางชิงอย่างถึงที่สุดเจ้าค่ะ”

“ถูกต้อง วิธีนี้เรียกว่ายืมดาบฆ่าคน” ครั้นหลี่หรานหร่านนึกได้ว่านางไม่จำเป็นต้องลงมือจัดการกับคนคนนี้ด้วยตนเอง ภายในใจก็รู้สึกผ่อนคลายลง นางเรียกสุ่ยเหวินเข้ามากระซิบข้างหูสองสามประโยค

สุ่ยเหวินได้ฟัง ก็พยักหน้าอย่างรวดเร็วและเดินออกไป

อวี้ชิงลั่วในเวลานี้ได้หมดความอดทนที่จะพูดถ้อยคำสุภาพกับอวี๋จั้วหลินแล้ว นางจึงลุกขึ้นยืนอย่างฉับพลัน ใช้ข้ออ้างเรื่องที่อวี๋จั้วหลินเพิ่งฟื้นและร่างกายยังอ่อนแอให้อีกฝ่ายดื่มยาและนอนพักผ่อนต่อ จากนั้นตนเองก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกับฮูหยินใหญ่

ใบหน้าของฮูหยินใหญ่ดูอิดโรย ดูเหมือนว่าตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาก็คงไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เช่นกัน เกิดเรื่องใหญ่กับบุตรชายขนาดนี้ ภายในใจย่อมเป็นกังวล

ฝีเท้าของอวี้ชิงลั่วหยุดลงตรงหน้าประตู นางกล่าวกับฮูหยินใหญ่เคล้ารอยยิ้มว่า “ข้ายังอยากเข้าใจถึงอาการของคุณชายอวี๋ให้มากขึ้นสักหน่อย อีกสองชั่วยามข้าจะกลับมาดูอีกครั้ง”

“ได้ ๆๆ” ฮูหยินใหญ่แทบอยากจะให้อวี้ชิงลั่วอยู่ที่นี่จนกว่าบุตรชายของนางจะหายดี นางก็ไม่ต้องกระสับกระส่ายด้วย “ลำบากแม่นางชิงแล้ว”

“ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรที่คุณชายอวี๋เป็นเช่นนี้ก็เพราะช่วยเหลือข้า เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน อีกสองชั่วยามจะกลับมาใหม่”

“นี่” ฮูหยินใหญ่รีบดึงนางไว้ “ระยะเวลาแค่นี้ แม่นางชิงไม่ต้องกลับไปก็ได้ เทียวไปเทียวมาเช่นนี้ แม่นางชิงก็ไม่ได้พักผ่อนด้วย ข้าว่า พวกเราไปนั่งจิบชาพูดคุยกันในสวน รอถึงเวลาแล้วค่อยกลับมาที่นี่อีกครั้งดีหรือไม่?”

อวี้ชิงลั่วส่ายหน้าเคล้ารอยยิ้ม “ฮูหยิน สีหน้าของท่านดูย่ำแย่มาก คาดว่าสองวันมานี้ก็คงไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ข้าจะรบกวนให้ท่านมานั่งเป็นเพื่อนได้อย่างไร ท่านรีบกลับเข้าไปพักผ่อนที่ห้องเถิด มิเช่นนั้นหากคุณชายอวี๋หายดีแล้ว กลับกลายเป็นท่านที่ล้มป่วยขึ้นมาอีกครั้ง จะได้ไม่คุ้มเสีย”

“เรื่องนี้…” ฮูหยินใหญ่รู้สึกเหนื่อยล้าจริง ๆ

“เช่นนี้แล้วกัน ฮูหยินกลับไปพักผ่อนก่อน ข้าเดินเล่นภายในสวนเพียงลำพังได้ ครั้งก่อนข้าได้ยินคุณชายอวี๋พูดว่าสวนของจวนอวี๋งดงามมากเพราะฝีมือของฮูหยินที่จัดแต่งดูแลไว้อย่างประณีต จนข้าเองก็อยากเห็นมานานแล้ว”

ฮูหยินใหญ่ได้ยินนางพูดเช่นนี้ รอยยิ้มที่มุมปากก็กว้างมากยิ่งขึ้น รีบพยักหน้าตอบ “ดีเลย เช่นนั้นข้าจะให้ฟางซานอยู่เป็นเพื่อนท่าน”

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

แน่นอกนักก็กรี๊ดออกมาค่ะ กรี๊ดสิคะกรี๊ด ไม่ใช่มาไล่กัดคนอื่นเป็นหมาบ้าแบบนี้นังหรานหร่าน

ไหหม่า(海馬)