ตอนที่ 471 หวังหรงท้องแล้ว

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 471 หวังหรงท้องแล้ว

ในตอนที่บ้านหวังหรงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น หวังหรงก็กำลังเดินช้อปปิ้งอยู่พอดี

สองวันมานี้อารมณ์ของกวนหย่งหัวย่ำแย่ถึงขีดสุด

แม้ว่าการไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจในวันนั้นเจ้าหน้าที่สันติบาลจะปล่อยตัวเขาทันทีหลังจากให้ปากคำเสร็จสิ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคดีนี้จะสิ้นสุดลง

สันติบาลกำลังพยายามตามหาหลักฐานอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ว่าเขาคือตัวการในคดีข่มขู่เถาจืออวิ๋น

แต่จนถึงตอนนี้ภรรยาของผู้ช่วยชงก็ยังไม่สามารถพบผู้ช่วยชง ให้เขาแบกรับความผิดทั้งหมดเอาไว้ได้เลย สำหรับกวนหย่งหัวแล้วก็ถือว่ายังคงมีความเสี่ยงอยู่

ไม่ง่ายเลยที่เขาอุตส่าห์ร่วมธุรกิจกับเกาจื้อหย่วน ธุรกิจเสื้อผ้าถึงได้พอมีหวังขึ้นมาบ้าง

แต่ก็เป็นแค่ช่วงเริ่มต้นเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นหลินม่ายก็ไปเช่าร้านค้าตรงข้ามหน้าร้านของเกาจื้อหย่วน ทำเป็นร้านขายส่งสินค้าของโรงงาน นี่มันเปิดศึกสังเวียนกับซีม่านของเขาชัดๆ เลย

มีเรื่องกวนใจอยู่เยอะแยะมากมาย กวนหย่งหัวจะอารมณ์ดีได้อย่างไร

หากไม่ใช่เพราะนึกถึงเงินหลายแสนที่ลงทุนไปจนตอนนี้ยังไม่เห็นผลกำไร เขาก็แทบอยากจะปิดโรงงานไปเลย แล้วพาหวังหรงกลับฮ่องกงเสียให้รู้แล้วรู้รอด

หวังหรงเห็นกวนหย่งหัวไม่ได้เรียกหาหล่อนมาสองวันติดต่อกันแล้ว จึงหวั่นกลัวอย่างมากว่าเขาจะปันใจเป็นอื่น

ในโรงงานของเขามีพนักงานหญิงโสดหน้าตาโดดเด่นที่อยู่ดีไม่ว่าดีชอบมารุ่มร่ามกับเขา อยากจะเกาะติดอยู่ข้างกายเขาตั้งหลายคน

หวังหรงอกสั่นขวัญแขวนอยู่ทุกวัน กลัวว่ากวนหย่งหัวจะถูกอีตัวหน้าไหนคาบไปกิน

ช่วงเช้าวันนี้ หล่อนตั้งใจให้คุณย่าหวังเคี่ยวซุปไก่ให้หล่อน เตรียมจะเอาไปส่งให้กวนหย่งหัว

หล่อนจะได้ไปคลุกผ้าปูเตียงกับเขาสักหน่อยด้วยเลย

ขอเพียงตั้งใจแสดงท่าทางบนเตียงดีๆ ก็ไม่กลัวว่ากวนหย่งหัวจะไม่หลงหล่อนแล้ว

ขอแค่กวนหย่งหัวยังลุ่มหลงหล่อนอยู่ อีตัวหน้าไหนก็คาบพี่กวนของหล่อนไปไม่ได้

รอให้ทั้งสองแต่งงานกันแล้วในวันชาติ กลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว ดูซิว่าหล่อนจะกำจัดอีตัวชั้นต่ำพวกนั้นยังไง!

ซุปไก่เคี่ยวเสร็จแล้ว ขณะที่หวังหรงรินมันใส่ในกระบอกเก็บความร้อน กลิ่นของซุปไก่ก็โชยขึ้นมา ทำให้หล่อนรู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในทันใด

คุณย่าหวังและแม่หรงเห็นเช่นนั้น ก็สงสัยว่าหล่อนอาจตั้งครรภ์แล้ว

หวังหรงไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยใจพะว้าพะวัง และเธอก็ท้องจริงๆ

กวนหย่งหัวเคยบอกเคยบอกอยู่หลายครั้ง ว่าเขาชอบเด็ก และหวังว่าหวังหรงจะมีลูกน้อยให้เขาสักคน

หวังหรงจึงวิ่งไปที่โรงงานเสื้อผ้าซีม่ายด้วยความลิงโลด เพื่อบอกข่าวดีนี้กับกวนหย่งหัว

หวังว่าจะได้รับรางวัลสักนิด อย่างน้อยก็ต้องให้รางวัลหล่อนสักหมื่นหยวน

ตระกูลเศรษฐีฮ่องกง มีสะใภ้คนไหนบ้างที่ตั้งท้องแล้วไม่ตกรางวัลให้

หล่อนชอบดูสื่อบันเทิงฮ่องกงเป็นที่สุด จึงพอรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง

แต่ไม่นึกว่ากวนหย่งหัวจะตอบสนองอย่างเย็นชาสุดๆ นอกจากให้เงิน 200 หยวนอย่างใจแคบและบอกให้หล่อนดูแลลูกในท้องอย่างสบายใจแล้ว แม้แต่ข้าวสักมื้อก็ยังไม่ชวนหล่อนกิน

หวังหรงรู้สึกผิดหวังอย่างมาก หล่อนใช้เงิน 200 หยวนนั้นกินอาหารมื้อใหญ่มื้อหนึ่ง แล้วซื้อกระเป๋าหนังแท้ที่ตนอยากได้มานานแล้วใบหนึ่ง

แบบนี้ถึงจะคลายจิตใจอันหดหู่ไปได้ แล้วจึงสะพายกระเป๋าหนังแท้ที่ซื้อมาใหม่กลับบ้าน

เมื่อเดินเข้าไปในซอยของบ้านคุณย่าหวัง หวังหรงก็ได้รับสายตาแปลกประหลาดของเพื่อนบ้านไม่น้อย

ทว่าหล่อนก็ไม่ได้สนใจ นึกไปว่าพวกเพื่อนบ้านจะรู้ว่าหล่อนกำลังจะแต่งงานกวนหย่งหัวนักธุรกิจฮ่องกงในวันชาติก็เลยอิจฉา

ถูกคนมาอิจฉาแบบนี้ หวังหรงจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกเหนือกว่า

หล่อนวางมาดเดินเตะเท้าหน้าเชิดอกตั้ง เพื่อนบ้านคนหนึ่งยิ้มให้หล่อนอย่างมีเลศนัย “หรงหรง ไปเดินห้างมาอีกแล้วเหรอ?”

หวังหรงส่งเสียงอืมตอบอย่างสูงส่งเย็นชา ท่าทางราวกับเจ้าหญิงที่ลดตัวลงมาพูดคุยกับสามัญชน

เพื่อนบ้านคนนั้นไม่ได้ใส่ใจท่าทางของหล่อนเช่นกัน แล้วพูดต่อ “เธอนี่ดีจังนะ ยังไปเดินช้อปปิ้งอย่างสบายใจได้อีก พ่อแม่กับคุณย่าของเธอน่าสงสารจัง ถูกตำรวจใส่กุญแจมือพาตัวไปหมดแล้ว”

ขณะที่พูด เพื่อนบ้านคนนั้นยังเน้นที่คำว่า“ใส่กุญแจมือพาตัวไป”เป็นพิเศษอย่างไม่ได้ประสงค์ดี

เพื่อนบ้านคนอีกสองสามคนข้างๆ ต่างก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา

สีหน้าของหวังหรงทั้งร้อนทั้งแดงเหมือนขนมแป้งย่าง

หล่อนไม่ได้ถามเพื่อนบ้านพวกนั้นว่าทำไมพ่อแม่และย่าของหล่อนถึงถูกตำรวจจับไป เพราะกลัวว่าจะถูกหัวเราะเยาะ

ซอยนี้ไม่มีคนดีเลยสักคน ทุกคนต่างก็อยากจะเห็นเรื่องน่าขันของตระกูลหล่อน

เมื่อกลับมาถึงบ้าน หวังหรงก็วางกระเป๋าอย่างลวกๆ แล้ววิ่งไปทั่วทั้งบ้านรอบหนึ่ง

เมื่อเห็นว่าในบ้านของคุณย่าหวังมีบัตรกำนัลปลอมของ Unique ใบหนึ่งหล่นอยู่ ก็เข้าใจในทันทีว่าคุณย่ากับพ่อแม่ถูกจับไปเพราะอะไร

หล่อนหมุนตัวออกจากบ้าน แล้วรีบมุ่งไปยังโรงงานเสื้อผ้าซีม่าน

ในห้องทำงานประธานของโรงงานเสื้อผ้าซีม่าน เลขาสาวสวยกำลังรายงานสถานการณ์ล่าสุดของทังชุ่นอิงให้กับกวนหย่งหัวด้วยเนื้อตัวสั่นเทิ้ม

กวนหย่งหัวยิ่งฟังสีหน้าก็ยิ่งถมึงทึงขึ้นเรื่อยๆ

จู่ๆ ทังชุ่นอิงก็ถูกหลินม่ายไล่ออกแล้ว!

ก่อนจะไล่ออก ยังกล้าเอาเงินที่เขาให้หล่อนไปทำงานให้ไปชดใช้เงินที่ยักยอกอีก!

หล่อนไม่กลัวเอาเสียเลยว่าถึงตอนที่หล่อนเอาเงินที่ตนให้หล่อนไปทำงานนั้นไปใช้ แล้วตนจะปล่อยหล่อนไปง่ายๆ งั้นเหรอ?

ในตอนนั้นเอง ประตูห้องทำงานก็ถูกคนเปิดเข้ามาอย่างหยาบคาย

กวนหย่งหัวกำลังจะลุกเป็นไฟ แต่เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามาคือหวังหรง ก็ได้แต่ข่มกลั้นความโมโหไว้

ยังไม่ทันที่เขาจะถามหวังหรงว่ามาอีกทำไม หวังหรงก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าร้อนรน “พี่กวน บ้านฉันเกิดเรื่องแล้ว!”

กวนหย่งหัวส่งสัญญาณให้เลขาออกไป เลขาจึงรีบออกไปทันที

เมื่อนั้นกวนหย่งหัวถึงพูดกับหวังหรงอย่างอ่อนโยน “อย่ากังวล นั่งลงแล้วค่อยๆ พูด ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาผมก็จะดันไว้ให้คุณเอง”

หวังหรงได้ยินคำพูดนั้นก็เหมือนได้น้ำทิพย์ชโลมจิตใจ พลันรู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อย

กวนหย่งหัวรินน้ำให้หล่อนแก้วหนึ่งแล้วเอ่ยถาม “บ้านคุณเกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ?”

หวังหรงกุมแก้วน้ำเอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้ “พ่อแม่ของฉันกับย่าฉันถูกตำรวจจับไปหมดแล้ว เพราะเรื่องบัตรกำนัลปลอมน่ะค่ะ”

กวนหย่งหัวใจกระตุกขึ้นมา แทบสบถด่าพ่อหรงแม่หรงว่าเป็นสวะไร้ความสามารถที่จะประสบความสำเร็จยังไม่พอ ยังมีความสามารถในการชักใบให้เรือเสียเหลือเฟืออีกต่างหาก

แต่ปากกลับถามอย่างอ่อนโยน “บอกฉันให้ชัดเจนหน่อยสิว่าถูกจับไปได้ยังไง”

หวังหรงส่ายหน้า “ฉันเองก็ไม่รู้เหตุการณ์อย่างชัดเจนหรอก รู้แต่ว่าพวกพ่อแม่ของฉันถูกจับไปหมดแล้ว”

กวนหย่งหัวนั่งลงข้างกายของหล่อน ในใจรู้สึกหงุดหงิดสุดๆ

นี่มันความวัวยังไม่หายความควายก็เข้ามาแทรกจริงๆ

พ่อแม่กับย่าของหวังหรงถูกจับไปหมดแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเกี่ยวโยงมาถึงเขาไหม

หากเกี่ยวโยงมาถึงเขา ปัญหาคงจะไม่ใช่น้อยๆ

หวังหรงเห็นกวนหย่งหัวเอาแต่นิ่งเงียบ แล้วถามอย่างนุ่มนวล “พี่กวน พี่ช่วยพ่อแม่ของฉันออกมาได้ไหมคะ?”

หล่อนไม่ได้พูดถึงย่าหวัง

ตอนนี้ย่าหวังจะเป็นอย่างไรหล่อนไม่ได้สนใจขนาดนั้น แต่เป็นห่วงพ่อแม่แท้ๆ ของตนมากกว่า

กวนหย่งส่งยิ้มขื่นให้หล่อนเล็กน้อย “ผมน่ะเหรอจะมีความสามารถมากมายขนาดนั้น จะเข้าไปแทรกแซงกระบวนตุลาการที่ไหนกัน?”

หวังหรงพลันร้องไห้อย่างร้อนใจ “งั้นพ่อกับแม่ของฉันจะทำยังไง?”

กวนหย่งหัวนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วถาม “พ่อแม่ของคุณพิมพ์กำนัลไปมากมายเท่าไร คุณรู้ไหม?”

“ประมาณสามสี่หมื่นแผ่นล่ะมั้ง” หวังหรงพูดอย่างไม่แน่ใจ

กวนหย่งหัวใคร่ครวญอยู่ในใจ ต่อให้มีบัตรกำนัลแค่สามหมื่นใบ จำนวนเงินที่เกี่ยวข้องก็มีหนึ่งแสนห้าหมื่นหยวนแล้ว

จำนวนเงินนี้สำหรับกวนหย่งหัวแล้วไม่ใช่จำนวนน้อยๆ คงจะต้องถูกจำคุก

เขาเงยขึ้นพูดกับหวังหรง “คุณไปที่สถานีตำรวจเดี๋ยวนี้ ดูว่าเข้าพบพ่อแม่ของคุณได้ไหม หากว่าเข้าพบได้ อย่างแรกคือต้องกำชับพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามเชื่อมโยงมาถึงผม ถ้าผมติดคุกแล้ว วันชาตินี้ก็จะแต่งงานกับคุณไม่ได้ ลูกของเราเกิดมาก็จะไม่เจอพ่อนะ”

สีหน้าของหวังหรงเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียด “แต่ฉันไม่กล้าไปสถานีตำรวจ”

กวนหย่งหัวโมโหจนกัดฟันกรอด ยัยผู้หญิงชั้นต่ำนี่นอกจากใช้เงินเป็นแล้วยังใช้การอะไรได้อีกเนี่ย! แม้แต่ไปสถานีตำรวจก็ยังไม่กล้าไป!

หวังหรงพูดอย่างน่าสงสาร “พี่กวน พี่ช่วยออกหน้าไปเจอพ่อแม่ของฉันเองเถอะนะ พี่ก็นับว่าเป็นว่าที่ลูกเขยของพวกเขา ไปพบหน้าพ่อแม่ของฉันที่สถานีตำรวจ ฉันคิดว่า สันติบาลคงจะยอมให้พบ”

กวนหย่งหัวไม่อยากถูกลากไปพัวพัน ยัยผู้หญิงไร้สมองนี่ก็ยังจะให้เขาไปเจอกระบอกปืนอีก!

โชคดีที่เขาไม่จำเป็นต้องให้หล่อนคลอดลูกให้ตัวเอง ไม่อย่างนั้นเด็กที่เกิดมาก็น่ากลัวว่าจะเหมือนกับยัยผู้หญิงชั้นต่ำนี่ แม้จะไม่ใช่คนโง่ แต่ก็คงปัญญาอ่อนแน่นอน

แต่ว่าสติปัญญาต่ำแบบนี้มันก็มีข้อดีอยู่เหมือนกัน อย่างน้อยก็หลอกง่ายล่ะ

กวนหย่งหัวลูบศีรษะหวังหรง สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “เมื่อกี้ผมก็บอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าผมจะถูกลากไปพัวพันด้วยไม่ได้ ถ้าผมถูกพัวพันไปด้วยแล้ว คุณกับลูกในท้องของคุณจะทำยังไง?”

หวังหรงมองเขาอย่างตะลึงงัน “งั้นพ่อแม่ของฉันจะทำยังไงล่ะ?”

กวนหย่งหัวพูดอย่างจริงจัง “คุณต้องการพ่อแม่ของคุณหรือว่าต้องการผมล่ะ?

หากคุณต้องการพ่อแม่ของคุณ ผมจะไปที่สถานีตำรวจเดี๋ยวนี้ แล้วบอกกับตำรวจว่าเรื่องทั้งหมดผมเป็นคนบงการเอง พ่อแม่ของคุณแค่ช่วยผมเท่านั้น ให้เอาพ่อแม่ของคุณออกมาจากโรงพัก แล้วผมจะไปนอนคุกแทน”

หวังหรงรีบส่ายหัวดิกเหมือนกับกลองป๋องแป๋งทันที “ฉันต้องการพี่! พี่อย่าไปที่สถานีตำรวจเด็ดขาดเลยนะ”

กวนหย่งหัวยิ่งรู้สึกดูแคลนมากเข้าไปอีก

ในใจเขารู้แจ้งว่าที่หวังหรงเลือกเขา คงเป็นเพราะชีวิตอันสุขสบายอาหารดีอาภรณ์หรูที่เขาจัดหามาให้หล่อนได้ ไม่ใช่เพราะชอบเขามากมายอะไร

ยัยผู้หญิงชั้นต่ำคนนี้ เพื่อให้ตัวเองได้อยู่ดีกินดี ก็ยอมทิ้งพ่อแม่บังเกิดเกล้าของตัวเองได้โดยไม่ไยดี

กวนหย่งหัวลูบศีรษะของหล่อนอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง “วางใจเถอะ ผมไม่มีทางไม่แยแสพ่อแม่ของคุณหรอก ผมจะส่งคนไปสืบข่าว ถ้าช่วยพ่อแม่ของคุณได้ผมจะต้องช่วยอย่างแน่นอน แต่ถ้าหมดหนทางช่วยจริงๆ ผมก็จะชดเชยให้พวกเขาด้วยเงินทอง ไม่ว่ายังไงก็ไม่ปล่อยให้พวกเขาเสียเปรียบหรอก”

หวังหรงส่งเสียงตอบเบาๆ สื่อว่าหล่อนตกลง

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

สงสารเด็กจังค่ะ เกิดมาเป็นเครื่องมือของพ่อแม่ตั้งแต่อยู่ในท้องเลย ดูจากนิสัยคนเป็นพ่อกับแม่แล้ว ขอให้น้องแท้งแล้วไปเกิดใหม่เถอะ อย่าออกมาลืมตาดูโลกเลยลูกเอ๊ย

ไหหม่า(海馬)