ตอนที่ 399

Great Doctor Ling Ran

EP 399

By loop

เมื่อหลิงรันและเทียนฉีมาถึง ก็มีเจ้าหน้าที่จากบริษัทรับจัดงานแต่งขึ้นมาบนรถพยาบาลแล้ว เขาบาดได้รับบาดเจ็บจนนิ้วขาด

ผู้ช่วยหัวหน้าแพทย์จากแผนกศัลยกรรมมือในโรงพยาบาลหยุนหัวก็ออกจมาจากรถพยาบาล

ทุกคนเหมือนจะอิจฉาเขา ในห้องโถงที่สามารถรองรับคนได้แปดร้อยคน แต่ตอนนี้มีภายในห้องมีเพียงสองร้อยคนเท่านั้น ซึ่งการมาของเขานั้นเหมือนว่า ผู้ช่วยหัวหน้าแพทย์คนนี้พยายามทำให้ตัวเองดูโดดเด่นขึ้นมา ซึ่งแน่นอนว่าการช่วยเหลือในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากคนทั้งสองร้อยคนที่อยู่ในห้องประชุม

แม้แต่เฮียเฉายังพูดถึงมันก่อนที่เขาจะเห็นหลิงรันและทักทายเขา“ แผนกศัลยกรรมมือจากโรงพยาบาลหยุนหัว ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในวันนี้มีคนไม่กี่คนที่ให้ความเห็นว่าแผนกศัลยกรรมมือจากโรงพยาบาลหยุนหัวนั้นมีความเด็ดขาดในการจัดการกับเหตุฉุกเฉิน และทำได้ดีมากในการใช้มาตรการป้องกันเช่นการหยุดเลือดและการกดแผลให้ตรงจุด”

หลิงรันเองก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ “มีคนได้รับบาดเจ็บหรอ?”

เฮียเฉากล่าวว่า “วันนี้มีอุบัติเหตุที่ค่อนข้างรุนแรง ตอนที่ฉันเห็นคนที่บาดเจ็บฉันเองก็ตกใจมาก แต่เขาค่อนข้างโชคดีเพราะมีหมอที่สามารถรักษาเขาได้อย่างตรงจุดตอนฉันยังเด็กฉันเคยไปที่เขาหัวซานเพื่อไปปีนเขากับๆเพื่อนคนหนึ่งที่ ฉันคิดว่าเขาโชคไม่ค่อยดี เพราะเขาดันกินซาลาเปาก่อนไปปีนเขา และเกิดอาการสำลัก แต่เขาไม่สามารถคายมันออกมาได้ และเขาก็กลืนมันไม่ได้เช่นกันเขาสำลักอย่างหนักจนหน้ากลายเป็นเขียวซีด ดังนั้นเราทำอะไรไม่ได้นอกจากผลัดกันแบกเขาลงจากภูเขา ด้วยเปลหาม…”

เมื่อเทียนฉีได้ยินดังนั้นเธอจึงถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น?”

“หลังจากนั้นฉันต้องอุ้มเขาทั่งๆที่ร่างกายของฉันอ่อนแอมาก และเพื่อนร่วมเดินทางคนนั้นตัวหนักมากฉันเผลอล้มลง แต่มันก็ทำให้เขาไอของซาลาเปาออกมา เขาเองเป็นคนโชคดีมาก การล้มลงครั้งนั้นพวกเขาจะกรีดร้องเพราะความเจ็บปวด แต่ในตอนนั้นเมื่อฉันล้มลงฉันอาจจะเหวี่ยงเขาไปไกลจนผลของการล้มนั้นออกมาดี! “เฮียเฉานึกถึงเรื่องราวเมื่อเขายังเด็กและรอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขา

เทียนฉีจินตนาการถึงความเจ็บปวดจากการถูกโยนลงจากเปลและเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “อ่าวแล้วคุณไม่มีการซ้อมเตรียมการช่วยเหลือมาก่อนหรอ?”

“ไม่มีใครรู้ในตอนนั้นฉันยังไม่เคยประสบอุบัติเหตุอย่างงั้นมาก่อนดังนั้น ฉันจึงไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากมาย” ตอนนี้เฮียเฉาเริ่มพูดพร้อมใส่อารมณ์เข้าไปในคำพูดมากขึ้นเมื่อนึกถึงเรื่องนั้นเขาจะกล่าวว่า “โชคดีที่ตอนจบยังโอเคอยู่เพื่อนร่วมเดินทางของฉันขาทั้งสองข้างหักฉันได้ยินว่าขาของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว แต่เขาไม่สามารถไปปีนเขาได้อีกต่อไป หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้ไปปีนเขาที่ รถพยาบาลเข้าไม่ถึงอีกต่อไป “

ในระหว่างการสนทนาความสับสนวุ่นวายอีกอย่างเกิดขึ้นในฝูงชนข้างหน้าพวกเขา

“เออ -” เสียงนั้นมันทำให้ทุกคนประหลาดใจ

เฮียเฉาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียง “ฟังดูเหมือนมีบางอย่างติดอยู่ในลำคอของใครบางคน”

“ขอโทษขอโทษทุกคนโปรดหลีกด้วยถ้าใครไม่ใช่หมดให้ถอยออกไป” แพทย์ที่เป็นคนแรกที่รีบไปที่นั่นได้หยิบหูฟังของเขาออกมาและให้คำแนะนำอย่างเสียงดัง จากนั้นเขาก็ถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”

“ ฉัน…ฉันป้อนปลาให้ เขาและดูเหมือนว่าเขาจะมีก้างปลาติดอยู่ในลำคอ…” ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนพื้นกอดเด็กอายุเจ็ดหรือแปดขวบและเธอกังวลมากจนเหงื่อออกเต็มหน้าผากของเธอ

“ให้ผมดูหน่อย” หมอที่พกเครื่องตรวจมาด้วย ลองใช้เครื่องตรวจๆดูก่อนที่เขาจะเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าฝูงชนยังไม่ขยับเขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “คนที่ไม่ใช่คนในครอบครัวและหมอโปรดออกไป เราต้องการอากาศโล่งๆ”

“ฉันเป็นหมอ.”

“ ฉันก็เป็นหมอเหมือนกัน”

“ หมอ!”

“ หมอจากแผนกฉุกเฉิน!”

ผู้คนที่รายล้อมพวกเขาดูเหมือนพวกเขาจะเป็นหมอทั้งหมด

แต่หมอที่หมอบลงกลับตะลึง

หมอแก่ผมขาวและเคราขาวก้าวไปข้างหน้าและพูดด้วยท่าทางที่มีประสบการณ์มากว่า “ถ้าอย่างงั้นใครที่ไม่ใช้ผู้เชียวชาญเรื่องนี้ให้ถอยออกไป”

ฝูงชนที่รายล้อมบริเวณนั้นเริ่มเคลื่อนไหว ในไม่ช้าหมอประมาณ 70% ถึง 80% ก็เหลือและมีเพียงไม่ถึงยี่สิบคนเท่านั้น ทุกคนมองไปที่คนไข้และหมอตรงกลางอย่างกระวนกระวายและอยากรู้อยากเห็น

หมอที่อยู่บนพื้นและถือเครื่องมืออยู่เริ่มมีหน้าตาแปลก ๆ บนใบหน้าของเขา

เฮียเฉามองผ่านเข้าไปในฟูงชน และดูสิ่งที่เกิดขึ้นตรงกลางและเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ พวกนั้นยังอ่อนประสบการณ์”

“ หมายความว่าไง” เทียนฉีพบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่จะมุ่งเน้นไปที่ด้านหน้าของเธอ เธอรู้สึกเหมือนอยู่ในแผนกฉุกเฉินและมันวุ่นวายมาก

เฮียเฉาทำท่าทางเหมือนว่าเขาเป็นพวกมีประสบการณ์มากจนสามารถจัดการกับสถานการณ์ได้ เขายิ้มและพูดว่า “คุณได้ยินสิ่งที่หมอแก่คนนั้นพูดใช่ไหมอย่าพูดถึงเขาโดยกล่าวถึงสาขาความเชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องก่อนโดยทั่วไปผู้เชี่ยวชาญจะเรียกว่าหัวหน้าแพทย์และมันจะทำให้คนที่พึงเป็นหัวหน้าแพทย์ถอยห่างไป แน่นอนว่าหลายๆคนพยายามอ้างตัวว่าเขาเชียวชาญทั้งๆที่พึงได้เป็นหัวหน้าแพทย์ได้ไม่นาน”

“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาที่ดูอ่อนประสบการณ์?”

“ ฉันคิดว่าเขาคงลืมว่าเขารายล้อมไปด้วยหัวหน้าแพทย์มากมาย” เฮียเฉาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

เทียนฉียังคงสับสน เธอหันไปหาหลิงรันและถามว่า “เฮียเฉา หมายความว่าอย่างไร”

หลิงรันตอบอย่างใจเย็น “ตอนนี้แหละที่ฉันต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญอธิบายให้ฟัง”

เทียนฉีเกิดคิดอะไรขึ้นได้บางอย่าง “ เอ่ะแล้วยังงี้เด็กคนนั้นจำเป็นไหมที่ต้องให้ผู้เชียวชาญช่วยเพราะก็แค่ก้างติดคอไม่ใช่หรอ?”

หลิงหรันพยักหน้า

“นี่ก็เหมือนกับการที่นักเรียนเพิ่งทำการนำเสนอผ่านพาวเวอร์พอยส์ และก็จะมีคนบางคนค่อนข้างจะตั้งใจพาวเวอร์พอยส์ของตัวเองมากๆ ใน ห้องจู่ๆก็มีคนที่เก่งระดับต้นๆของโรงเรียนเข้ามาแย่งการนำเสนอไปเฉยๆ” เทียนฉีเข้าใจได้อย่างเร็วมาก

เฮียเฉายิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ถ้าหมอคนนั้นที่กำลังพูดอยู่นั้นเป็นผู้เชียวชาญจริงๆนะ”

หมอหนุ่มที่นอนแผ่อยู่บนพื้นเหงื่อออกแล้ว เขาเอาผ้ากอซแล้วสอดไว้ใต้ลิ้นของเด็กเพื่อใช้เป็นเบาะ เขาพยายามจับกระดูกปลาโดยใช้คีมสองสามครั้ง แต่ก็ไม่ได้ผลใด ๆ ในช่วงเวลาสั้น ๆ เด็กตัวเล็ก ๆ ก็เริ่มทรมานและเริ่มร้องไห้และสิ่งนี้ทำให้ผู้ปกครองของเด็กเริ่มวิตกกังวลมากขึ้นเมื่อเธอพูดว่า “ทำไมลูกฉันถึงร้องออกมาขนาดนี้ ทำไม?“

ถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาลตอนนี้หมอหนุ่มคงใช้สอดถึงกล่องเสียงไปแล้ว

เมื่อได้รับการยืนยันตำแหน่งของก้างปลาโดยใช้กล้องส่องหลอดลม แล้วแพทย์จะสามารถเอาก้างปลาออกได้อย่างง่ายดายด้วยคีมคู่

แม้ว่าก้างปลาจะลึกมาก แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรหากใช้คีมผ่าตัด

ตอนนั้นหมออยากจะประกาศเด็กคนนี้จำเป็นต้องไปโรงพยาบาล

อย่างไรก็ตามเขารู้สึกอับอายที่จะต้องส่งผู้ป่วยออกไปในขณะที่เขาอยู่ภายใต้การจ้องมองของผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก เขายังไม่กล้าบอกว่าเขาไม่สามารถเอาก้างปลาออกมาได้

สถานการณ์เริ่มอึดอัดมาก

“ เอาล่ะถึงเวลาเข้าไปช่วยแล้ว” หลิงรันเหลือบมองเขาสองสามครั้งก่อนที่เขาจะทนไม่ไหว

เขามักจะเห็นหมอเอาก้างปลาออก ที่คล้ายคลึงกันในแผนกฉุกเฉิน ในขณะนั้นหลิงรันไม่สนใจแล้วว่าหมอคนนั้นจะอับอายแค่ไหนถ้ามีคนสอดมือเข้าไปช่วยเขา ไม่มีใครห้ามหลิงรันได้แล้ว

หลิงรันรู้ดีว่า หมอหนุ่มคนนั้นไม่สามารถเอาก้างออกจากคอของเด็กได้แน่ๆ ซึ่งดูเหมือนว่าถ้าปล่อยไปนานคงจะไม่ดีแน่

แม้ว่าจะมีแพทย์บางคนที่เก่งมากในการเอาก้างปลาที่ติดอยู่ในลำคอออกจากแผนกฉุกเฉินหรือฝูงชนที่กำลังยืนอยู่ แต่นี่เป็นเพียงทักษะเล็ก ๆ น้อย ๆ และสามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดายด้วยการใช้เครื่องมือที่ครบพร้อมของห้องผ่าตัด การใช้แหนบหรือทักษะดั้งเดิมอื่น ๆ เป็นเพียงวิธีการเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ป่วยและลดความซับซ้อนของการผ่าตัด

นี่อาจเป็นทักษะเพียงไม่กี่อย่างที่แพทย์รุ่นใหม่สามารถศึกษาได้อย่างกว้างขวางในโรงพยาบาล

เมื่อมีการรักษาจริงๆเหล่าแพทย์สามารถรักษาก้างติดคอสำเร็จนั้นค่อนข้างต่ำมาก

หากบุคคลนั้นมีขนมปังนึ่งติดอยู่ในลำคออาจต้องใช้ทักษะมากกว่านี้และผู้ป่วยอาจต้องทำการเจาะคอด้วยซ้ำ ทุกปีมีผู้เสียชีวิตจากการสำลักในประเทศอย่างน้อยสามพันคน สาเหตุหลักมาจากอาหารเข้าไปในหลอดลมและผู้ป่วยไม่สามารถมาถึงโรงพยาบาลเพื่อทำการเจาะช่องคอได้ทันเวลา

หลิงรันและกลุ่มของเขาเดินเข้าไปในห้องโถงก่อนที่พวกเขาจะเห็นพนักงานจาก บริษัท ที่ให้บริการจัดงานแต่งงานที่แขวนลูกโป่งอย่างเหม่อลอย

เฮียเฉารีบเตือนเขา “ ระวังถ้าคุณตกบันไดสูงขนาดนี้คุณจะกระดูกหัก”

จากนั้นพวกเขาก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวก่อนที่จะเห็นคนสองสามคนคุยกันอย่างมีความสุขในขณะที่พวกเขาตั้งกล้อง

เฮียเฉา เตือนพวกเขาทันที “ระวังมันจะเป็นปัญหามากถ้ากล้องที่มีน้ำหนักมากเช่นนี้ทำหล่นไปชนใคร”

เขาคอยให้คำเตือนตลอดเวลาที่เดิน เขารู้สึกดีมากจนพูดว่า “ฉันคิดว่าฉันกำจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่มากมาย”

ทันทีที่เขาพูดจบก็ได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากด้านหลัง

ทุกคนหันกลับมาทันที พวกเขาเห็นชายร่างท้วมกระโดดลงมาจากโต๊ะ เขามองไปหาหน้าคนนับไม่ถ้วนที่หันมาทางเขา มีความสับสนบนใบหน้าของเขา

“ มีอะไรเหรอ?” คนอ้วนก้มศีรษะลงและมองไปรอบ ๆ “ ฉันไม่ได้เหยียบอะไรใช่มั้ย?”

“ ไม่เป็นไรไม่มีอะไร…” หมอที่เองก็รู้สึกรำคาญ จึงหันกลับมาคุยกันอีกครั้ง

เทียนฉี กำหมัดแน่น เธอหันกลับมาด้วยความโล่งใจ เธอยิ้มและพูดว่า “มันค่อนข้างน่าตกใจ”

หลิงรันวางชุดการเจาะหลอดลมออกมามันเป็นอุปกรณ์ผู้อำนวยการฮวงมอบให้เขาไว้ เขาพยักหน้าและพูดว่า “ไม่เป็นไรมีหมอหลายคนอยู่ที่นี่เราไม่ต้องกังวลมากแม้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุที่นี่ก็ตาม”

“ สิ่งต่าง ๆ มักจะวุ่นวายเมื่อมีผู้คนมากมายอยู่รอบ ๆ อุบัติเหตุจะเกิดขึ้นได้ง่ายมาก” เฮียเฉากล่าวด้วยอารมณ์ที่ดีในตัวเขา“ จากประสบการณ์ของฉันห้องโถงที่มีคนมากกว่าหนึ่งร้อยคนจะต้องมีหมอในหมู่พวกเขา . แน่นอนว่ามีแพทย์จำนวนไม่น้อยในโลกนี้และนี่เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้…”

เทียนฉี มองไปที่ เฮียเฉา ด้วยความงงงวยและพูดว่า “ครอบครัวของฉันทำเหมืองที่มีคนงานไม่กี่ร้อยคนและเราแทบไม่ต้องการหมอเลย”

“ งั้นคงเป็นเพราะครอบครัวของคุณมีฮวงจุ้ยที่ดี”

“มันอาจจะเป็น.” เทียนฉีครุ่นคิดก่อนที่เธอจะหัวเราะทันทีและพูดกับหลิงรันว่า “ให้ฉันเล่าเรื่องสนุก ๆ ให้ฟังก่อนหน้านี้ครอบครัวของฉันทำเหมืองหินและกำไรจากมันมีเพียงประมาณหลายสิบล้านทุกปี แต่ในขณะที่เรายังคงแยกวัสดุจากมัน ทันใดนั้นเราก็ดึงหยกออกมา…”

ตามที่คาดไว้ความสนใจของหลิงรัน ถูกดึงดูดโดยหัวข้อนี้ “หยกชนิดใด”

ในขณะนี้ เฮียเฉาตอบสนองในที่สุด “ตอนนี้คุณควรจะถามคำถามนั้นหรือป่าว เรากำลังพูดถึงครอบครัวที่ร่ำรวยซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองที่นี่ครอบครัวที่ไม่ต้องทำอะไรเลยและยังจะมีเงินเพื่อทำการปลูกถ่ายไต!”