โอหยางจวิ้นกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่ระเบียงชั้นล่าง เมื่อเขารู้สึกว่าปวดเมื่อยตาเขาก็ได้ยินเสียงของหนักกระแทกลงกับพื้น
เขาวางหนังสือลงอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งไปที่ราวระเบียง แล้วเขาก็ได้เห็นสือจินหว่านล้มลงนอนแนบนิ่งกับพื้น
เขาตกใจจนหัวใจแทบจะวาย
แต่ในเวลาเพียงสองวินาทีเขาก็รีบวิ่งไปหาเธอในทันที
“หวันหว่าน!” เขาเรียกเธอด้วยเสียงสั่นเทา
เขาร้องเรียกเธอพร้อมกับนั่งยองๆ ลงไปเพื่อพยายามจะอุ้มเธอขึ้นมา แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าจะทำให้ร่างกายของเธอบอบช้ำหนักไปมากกว่าเดิม
สือจินหว่านค่อยๆ เงยหน้าขึ้น หลังจากผ่านความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในช่วงเวลาสั้นๆ พอเธอได้สติก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้วมองไปที่โอหยางจวิ้นด้วยใบหน้าเปื้อนน้ำตา
เขาเห็นว่าเธอดูไม่เป็นอะไรมากแล้ว เขาจึงก้มลงไปอุ้มเธออย่างระมัดระวัง
เมื่อเขากำลังหันหลังกลับก็เห็นเฉียวซือวิ่งเข้ามาพอดี เมื่อเขาเห็นโอหยางจวิ้นอุ้มสือจินหว่าน เขาก็มีสีหน้าที่ตกใจมาก “หวันหว่านเป็นอะไรไปเหรอครับ?”
“เธอตกลงมาจากชั้นบน รีบไปเรียกหมอเร็วเข้า!” โอหยางจวิ้นอุ้มสือจินหว่านเดินไปที่ห้องนอนของเขา แล้ววางเธอลงบนเตียง
เมื่อมองชัดๆ เขาพบว่าหญิงสาวในอ้อมแขนของเขาที่หัวเข่าของเธอเต็มไปด้วยเลือด ฝ่ามือมีรอยถลอกและมีเลือดไหล เมื่อเห็นเช่นนี้เขารู้สึกเจ็บปวดแทนเธอมาก
“หวันหว่าน เจ็บหรือเปล่า?” โอหยางจวิ้นถามอย่างเป็นกังวล
อันที่จริงถ้าเรื่องบอบช้ำภายนอกก็ไม่เป็นไรแล้ว แต่เขากลัวว่าจะเกิดอาการช้ำใน
เธอมองดูท่าทางที่เคร่งเครียดของเขาด้วยน้ำตา ช่วงเวลาที่พวกเขาเผชิญอันตรายบนเกาะนั้นด้วยกันก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอ ตอนนั้นเขาเป็นห่วงเธอมาก
สือจินหว่านกลั้นน้ำตา ส่ายหัวแล้วร้องไห้ในอ้อมแขนของโอหยางจวิ้น
เธอไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เธอถึงเศร้า ดูเหมือนว่านอกจากอาการบาดเจ็บที่ฝ่ามือและขาแล้วยังมีอาการซึมเศร้าอีกด้วย
เขากอดเธอแน่นอย่างไม่มีสติ “หวันหว่าน ไม่ต้องกลัวนะ หมอจะมาถึงแล้ว!”
มู่ยวี๋ฮั่นก็ได้ยินเสียงการกระแทกเช่นกัน เมื่อเธอลงมาจากชั้นสองเธอก็บังเอิญได้ยินเฉียวซือกำลังโทรเรียกหมอ เธอรีบมาที่ห้องนอนของโอหยางจวิ้นเมื่อเห็นว่าหวันหว่านได้รับบาดเจ็บ เธอจึงตกใจมาก”เธอตกลงมาได้อย่างไร? เดี๋ยวฉันจะไปเอากล่องปฐมพยาบาล!”
เธอรีบไปเอากล่องปฐมพยาบาทที่ห้องนั่งเล่น “ฉันจะทำการห้ามเลือดให้หวันหว่านก่อน!”
เธอใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อให้หวันหว่านอย่างระมัดระวัง “หวันหว่าน เจ็บนิดหน่อยนะ อดทนไว้แป๊บหนึ่งนะ!”
โอหยางจวิ้นรู้สึกว่าทุกครั้งที่หญิงสาวในอ้อมแขนของเขาตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อโดนแอลกอฮอล์ที่แผล
ดูเหมือนจะใช้เวลานานมาก เขารู้สึกอยากจะเจ็บแทนเธอเลย
“หวันหว่าน อดทนอีกนิดนะ!” เขาพูดปลอบเธอพร้อมกับลูบหัวเธอเบาๆ “มีเจ็บที่อื่นนอกจากแผลอีกไหมคะ?”
“ไม่ค่ะ” เธอส่ายหัว เธออดไม่ได้ที่จะร้องไห้เมื่อได้ยินเสียงที่อ่อนโยนของเขา
ในเวลานี้หมอได้เดินทางมาถึงแล้ว หมอหยิบเครื่องตรวจฟังออกมา “หมอขอตรวจคุณผู้หญิงหน่อยนะคะ สุภาพบุรุษรบกวนเชิญด้านนอกก่อนนะ!”
“หวันหว่าน เดี๋ยวอาออกไปรอข้างนอกแป๊บหนึ่งนะ” โอหยางจวิ้นพูดด้วยน้ำเสียงทั่วไป
แต่สือจินหว่านจับชายเสื้อของเขาไว้แน่น ร่างกายของเธอยังคงสั่นเล็กน้อย
โอหยางจวิ้นจึงพูดกับหมอว่า “งั้นผมขอหลับตาได้ไหมครับ?”
หมอพยักหน้าแล้วเดินไปพูดว่า “คุณผู้หญิง ดึงเสื้อผ้าขึ้นนิดหนึ่งนะ”
สือจินหว่านค่อยๆ ออกจากอ้อมแขนของโอหยางจวิ้นแล้วดึงเสื้อผ้าขึ้น
เมื่อเห็นหมอนำเครื่องตรวจฟังมาวางบนหน้าอกของเธอ เธอเพิ่งรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป
เธอรีบลืมตาขึ้นเพื่อมองโอหยางจวิ้นเธอก็ได้เห็นว่าดวงตาของเขาปิดสนิท เพราะเขาเอียงศีรษะเล็กน้อยทำให้เห็นลูกกระเดือกชัดขึ้น
หลังของเธอยังคงแนบกับหน้าอกของเขา ดังนั้นเสียงการเต้นของหัวใจของเขาจึงค่อนข้างได้ยินชัดเจน ซึ่งทำให้เธอรู้สึกร้อนแผ่วที่แก้มและเวียนหัวขึ้นมาทันใด
“อัตราการเต้นของหัวใจปกติดี และปอดก็ไม่มีอะไรผิดปกติ” หมอได้พูดเสริมว่า “แต่ถ้าคุณไม่สบายใจ คุณต้องไปที่โรงพยาบาลเฉพาะทางเพื่อตรวจโดยอุปกรณ์ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น”
โอหยางจวิ้นพยักหน้า“ครับ ขอบคุณครับหมอ”
มู่ยวี๋ฮั่นออกไปส่งหมอแล้วเดินกลับเข้ามาพร้อมกับเฉียวซือ เธอถามหวันหว่านว่า “หวันหว่าน ตอนที่หนูตกลงไปเป็นเพราะสะดุดล้มหรือ……”
หวันหว่านพูดว่า“สะดุดล้มลงไปเองค่ะ เนื่องจากหนูเดินเร็วเกินไปทำให้ทรงตัวไม่อยู่ ดังนั้นหนูจึงตกลงไปค่ะ ส่วนใหญ่ที่มือจะมีรอยแผลเยอะค่ะ”
มู่ยวี๋ฮั่นพยักหน้า“ตอนนี้หนูพอระงับความเจ็บปวดได้แล้ว อาขอตรวจดูว่าหัวเข่าของหนูได้รับบาดเจ็บไหม”
ขณะที่เธอพูดเธอได้ยกขาของหวันหว่านและพยายามขยับเบาๆ “หวันหว่าน หนูลองขยับเข่าดูสิ”
หวันหว่านรู้สึกกลัวว่าตัวเองจะบาดเจ็บจริงๆ เธอเกร็งจนต้องจับแขนของโอหยางจวิ้น จากนั้นก็ลองขยับขาไปมา”เจ็บนิดหน่อยค่ะ แต่ก็ขยับได้”
มู่ยวี๋ฮั่นถอนหายใจด้วยความโล่งอก “น่าจะไม่เป็นไรแล้ว เพราะระเบียงบนชั้นสองไม่สูงเกินไปจึงไม่กระทบต่อเอ็นและกระดูก”
ขณะที่เธอพูด เธอหยิบก้านสำลีมาหนึ่งก้าน”หวันหว่าน มือก็ต้องฆ่าเชื้อด้วยนะ”
หวันหว่านพยักหน้า หลับตา แล้วซบลงที่หน้าอกของโอหยางจวิ้น
“หวันหว่าน ไม่ต้องกลัวนะ แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว” เสียงปลอบโยนของโอหยางจวิ้นดังเข้ามาที่ข้างหูของเธอ
เธอพยักหน้ารับความเจ็บปวดบนฝ่ามือของเธอ เมื่อมู่ยวี๋ฮั่นเช็ดแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อลงบนฝ่ามือเธอเจ็บจนเหงื่อตก
“หวันหว่าน แผลไม่ลึก ไม่ต้องพันแผลก็ได้” มู่ยวี๋ฮั่นพูด “ตอนเข้านอนต้องระวังอย่าให้โดนแผลนะ พรุ่งนี้น่าจะหายดีแล้ว แต่สะเก็ดจะหลุดออกมาต้องรออย่างน้อยอาทิตย์หนึ่ง”
เธอพยักหน้า แล้วพบว่าตัวเองยังซุกอยู่ในอ้อมแขนของโอหยางจวิ้นดังนั้นเธอจึงพูดว่า “งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ”
“โอเคครับ รีบพักผ่อนเร็วๆ และระวังอย่าให้อะไรโดนแผล” โอหยางจวิ้นอุ้มสือจินหว่านไปส่งที่ห้องนอนของเธอ
เขาพาเธอไปที่ชั้นสองแล้ววางเธอลงบนเตียงเบาๆ เมื่อเขากำลังจะออกไปจากห้องเขาก็กังวลเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่าง ดังนั้นเขาจึงพูดว่า”หวันหว่าน ตอนนี้หนูนอนหลับไหม?”
เธอส่ายหัว
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะอยู่เป็นเพื่อนหนูนะ” โอหยางจวิ้นพูดแล้วก็ดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียง
มู่ยวี๋ฮั่นนั่งบนโซฟา เฉียวซือยืนอยู่ข้างเตียงมองดูบาดแผลของสือจินหว่านแล้วพูดอย่างงุนงง “หวันหว่าน เธอตกลงไปได้อย่างไร?”
สือจินหว่านกัดริมฝีปากของเธอ”ฉันนั่งเล่นอยู่ระเบียง……”
โอหยางจวิ้นพูดอย่างเคร่งขรึม “ต่อไปนี้ไม่อนุญาตให้นั่งเล่นในสถานที่อันตรายแบบนี้แล้วนะ!”
เธอพยักหน้า ทันใดนั้นก็คิดอะไรบางอย่าง แล้วพูดกับโอหยางจวิ้นว่า “คุณอาคะ โทรศัพท์ของหนูพัง……”
“อยู่ที่พื้นเหรอ?” โอหยางจวิ้นคิดขึ้นได้ว่าดูเหมือนว่าเขาจะเหยียบอะไรบางอย่าง แต่เขามุ่งความสนใจไปที่หวันหว่าน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจอะไรเลย
เธอพยักหน้า “โทรศัพท์ตกลงไป หนูรีบไปคว้าไว้จนต้องตกลงมา……”
โอหยางจวิ้นรู้สึกโกรธ เขาจึงต้องพูดดุหวันหว่าน“ทำไมโง่อย่างนี้ มีอะไรที่สำคัญไปกว่าตัวเองเหรอ? โทรศัพท์ตกลงไปแล้วก็ปล่อยมันตกไปสิ หนูชอบอะไรอาสามารถหามาให้ใหม่ได้ทั้งนั้น!”
เธอกัดริมฝีปาก “หนูขอโทษนะคะ หนูเข้าใจแล้วค่ะ”
โอหยางจวิ้นถอนหายใจ “หวันหว่าน จำไว้นะสำหรับพวกเราไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าหนูอีกแล้ว! อย่าทำให้ตัวเองเจ็บตัวอีก!”
เธอรับฟังเขาและเห็นความเป็นห่วงเป็นใยในดวงตาของเขา ทันใดนั้นอารมณ์ที่ซับซ้อนก็ผุดขึ้นมาในหัวใจของเธอ
เธอรู้ว่าเขาห่วงใยเธอเหมือนเมื่อก่อน เหมือนกับที่เขาเป็นห่วงเฉียวซือ แต่เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงเธอจึงได้รับความรักมากกว่า ดังนั้น…….
หวันหว่านรีบเก็บอาการของตัวเอง พยักหน้าแล้วพูดตอบเบาๆ “ค่ะ”
ในตอนนี้เธอแทบจะไม่สามารถหาเหตุผลของสิ่งที่เรียกว่าการโต้แย้งและหลบหนีจากความรู้สึกในหัวใจของเธอได้ เธอเข้าใจว่าเธอรู้สึกในสิ่งที่ไม่ควรรู้สึก แค่คิดก็ผิดแล้ว
เป็นเวลาหลายปีที่เธอคุ้นเคยกับการดูแลเอาใจใส่ของเขา จนกระทั่งเสพติดความอ่อนโยนของเขา
แต่ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กอีกต่อไป ไม่มีเหตุผลที่จะหลอกตัวเองอีกต่อไป เขาเป็นแค่คุณอาของเธอ แม้ว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดแต่ก็มีความผูกพันระหว่างกัน
เธอไม่อาจปล่อยให้ความรู้สึกในใจเติบโตอย่างลับๆ ต้องตัดไฟต้นลม ไม่อย่างนั้นเธอจะเผชิญหน้าทุกคนในวันที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ยังไง?
หวันหว่านเงยหน้าขึ้นมองโอหยางจวิ้น “คุณอาคะ หนูไม่เป็นไรแล้วค่ะ คุณอากับอามู่ไปพักผ่อนเถอะค่ะ! ให้เฉียวซืออยู่เป็นเพื่อนหนูก็ได้ค่ะ”
แม้ว่าเธอจะเข้าใจดีว่าเธออยากให้เขาอยู่ด้วยมากแค่ไหน!
เธอรู้ดีว่าเขาหมั้นไว้ตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว
เขาถูกกำหนดให้เป็นสามีของคนอื่น ส่วนกับเธอเป็นได้เพียงความสัมพันธ์ระหว่างคุณอากับหลานสาวเท่านั้น
โอหยางจวิ้นยังคงไม่สบายใจเล็กน้อย “หวันหว่าน ไม่เป็นไร พวกเราไม่เหนื่อยหรอก”
เขารู้หรือไม่ว่าเธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะอยู่ห่างๆ เขาทุกช่วงเวลา? หวันหว่านยังคงยืนกราน “คุณอา หนูไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ค่ะ ! หนูจะคุยเรื่องการเรียนกับเฉียวซือ จากนั้นก็จะรีบเข้านอนแล้วค่ะ คุณอาไปพักผ่อนเถอะค่ะ หรือว่ายังต้องทำงานอีกคะ ในมือไม่ใช่ถือเอกสารอยู่เหรอคะ?”
เธอสามารถหาเหตุผลที่จะห่างจากเขา
โอหยางจวิ้นพยักหน้า“โอเค งั้นอากับอามู่ออกไปแล้วนะ ถ้าหนูรู้สึกไม่สบายตรงไหนเรียกพวกเราได้ตลอดเวลา!”
“โอเคค่ะ!” หวันหว่านยิ้มให้เขา
เมื่อทั้งสองออกไปแล้วเธอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอรีบพูดกับเฉียวซือ “เฉียวซือ ช่วยหยิบแท็บเล็ตให้ฉันหน่อย ฉันขอเล่นแป๊บหนึ่ง”
เฉียวซือส่ายหัว “นอนเล่นแท็บเล็ตแบบนี้ไม่ดีต่อสายตา”
หวันหว่านทำหน้าไม่พอใจ “แก่กว่าฉันแค่ครึ่งปี ทำไมนายถึงควบคุมฉันเหมือนคุณอา? เฉียวซือเป็นคนเก่งที่สุดเลย ช่วยหยิบมาให้ฉันหน่อยนะ ขอร้องล่ะ ฉันขาเจ็บแค่ใช้มันเพื่อผ่อนคลายเท่านั้นเอง!”
เมื่อได้ยินเธอพูดว่าเธอขาเจ็บ เฉียวซือก็ต้องลุกขึ้นไปหยิบแท็บเล็ตให้เธอ “หรือว่าให้ฉันพยุงเธอขึ้นมาพิงที่หัวเตียงดี?”
“ได้เลย!” หวันหว่านพยักหน้าอย่างรวดเร็ว“ขอบคุณนะ เฉียวซือ!”
“ทำไมถึงดูเกรงใจขนาดนี้?” เฉียวซือพยุงเธอขึ้นมาพิงที่หัวเตียง “ตอนนี้โอเคขึ้นหรือยัง?”
เธอพยักหน้า “ดีขึ้นแล้ว! นายก็กลับไปนอนเถอะ ฉันเล่นแป๊บเดียวก็จะนอนแล้ว!”
“เธอสามารถนอนลงเองได้ไหม?” เฉียวซือถามอย่างเป็นห่วง
“ได้สิ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก!” หวันหว่านโบกมือไล่เขา “กลับไปที่ห้องของนายเถอะ อีกอย่างตอนนายลงไปช่วยเก็บโทรศัพท์ให้ฉันด้วย หน้าจอน่าจะแตกแล้ว แต่ฉันอยากจะลองดูว่ามันยังใช้ได้ไหม!”
ข้างในมีบันทึกการสนทนาทั้งหมดระหว่างเธอกับโอหยางจวิ้น