บทที่ 471 นางคือหลานเยาเยา

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 471 นางคือหลานเยาเยา

หนึ่งในนั้น ก้าวขึ้นไปแล้วกล่าว :

“ราชครูยื่นอุทธรณ์ต่างๆ นานา โดยไม่มีหลักฐาน จะทำให้พวกข้าเชื่อได้อย่างไรว่าเทพธิดาและท่านชายหยิ่งเป็นพวกเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าชื่อเสียงของท่านชายหยิ่งจะน่าเกรงกลัว แต่เขาก็เป็นเพียงพ่อค้าผู้หนึ่ง จะทำร้ายฝ่าบาทได้อย่างไร? อีกอย่างหนึ่ง พระชายาเย่ตายไปแล้ว ราชครูจะกล่าวขึ้นในเวลานี้ เพื่ออะไรอีก?”

แม้ว่าวาจาของราชครูทำให้บรรดาผู้คนสงสัยงวยงง คำพูดของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ท่านนี้ ก็เป็นสิ่งที่ในใจของพวกเขาสงสัยพอดี

“หึ! หรือว่าพวกท่านลืมไปแล้ว คนโดนมนต์ดำปรากฏตัวขึ้นที่สวนว่างฮัว แต่ว่าเทพธิดาและท่านชายหยิ่งสังหารด้วยกัน หากว่าไม่ใช่พวกเดียวกัน ทำไมจึงได้ปรากฏตัวพร้อมกัน?

ยิ่งกว่านั้น!

ผู้ดูแลคนที่สี่ของเรือแห่งความสิ้นหวังหายตัวไปสองปี ก่อนหน้านี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน อีกทั้งเมื่อปรากฏตัวก็ทำให้เรือแห่งความสิ้นหวังวุ่นวายยกใหญ่

จากที่ข้าส่งคนออกไปสะกดรอยตาย เทพธิดาผู้นี้ความจริงแล้วก็เป็นคนที่สี่ของเรือแห่งความสิ้นหวัง

ทักษะวิชาการรักษาของพวกนางเหมือนกัน ไม่มีผู้ใดสามารถชนะได้ นอกจากนี้ ในตำหนักของเทพธิดายังซ่อนคนเก่าของราชวงศ์เก่าไว้ในตำหนักจำนวนหนึ่ง”

ความหมายของราชครูเทียนเวิงชัดเจนมาก

เทพธิดาไม่เพียงเป็นพวกเดียวกันกับท่านชายหยิ่ง พวกเขายังมีความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์เก่า กระทั่งทำเรื่องเพื่อราชวงศ์เก่า

“เทพธิดาเป็นผู้ดูแลคนที่สี่ของเรือแห่งความสิ้นหวัง? ทำไมถึงรู้สึกค่อนข้างแปลกนะ?”

“ความจริงคิดอย่างละเอียด ราชครูก็พูดถูก วิชาการรักษาของพวกเขาสองคนเหมือนกันจริงๆ มีความเป็นไปได้มากว่าเป็นคนเดียวกัน”

“แต่หากว่าพวกเขาทำเรื่องให้ราชวงศ์เก่า เช่นนั้นน่าจะไม่ใช่ เรือแห่งความสิ้นหวังปรากฏตัวนานแล้ว สืบทอดรุ่นต่อรุ่น นอกจากทำการค้าหาเงิน แต่ไหนแต่ไรก็เหมือนกับไม่เคยก้าวก่ายเรื่องการบริหารราชการของแต่ละประเทศมาก่อน”

บรรดาผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา มีบางคนที่จับจุดสำคัญได้แล้ว

หนึ่งในขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นพรรคของราชครูโดยสิ้นเชิง ยืนออกมาถามด้วยเสียงดัง :

“ผู้ดูแลคนที่สี่ของเรือแห่งความสิ้นหวัง อดีตพระชายาเย่ ยังมีเทพธิดาในตอนนี้ วิชาการรักษาของพวกเขาล้วนล้ำเลิศ อีกทั้งยังเป็นผู้หญิงเหมือนกัน หรือว่าพวกนางเป็นคนเดียวกัน?”

เมื่อสิ้นสุดคำนี้

ก็เงียบกริบในพริบตา เงียบเหมือนตายแล้วเช่นนั้น

ราชครูบอกว่าหลานเยาเยาไม่ได้ตาย…….

ราชครูบอกว่าหลานเยาเยากลับมาแล้ว…….

วิชาการรักษาของพวกนางล้วนสามารถช่วยคนตายให้ฟื้นได้ เป็นลูกผู้หญิงเหมือนกัน หรือว่าพวกนางเป็นคนเดียวกัน?

พวกนางเป็นคนเดียวกัน……

คำพูดเหล่านี้ดังวนไปมาที่ข้างหูของเย่หลีเฉินตลอด ไม่ได้ยินเสียงรอบข้างอีก มือที่กำหมัดแน่นมากๆ ค่อยๆ สั่นเทาเล็กน้อย

เขาควรจะรู้ตั้งนานแล้ว……

บางครั้งทั้งๆ ที่นางมีความคุ้นเคยมาก แต่เขากลับไม่คิดลึกไป อย่างไรเสียนิสัยของนาง และวิธีการจัดการเรื่องต่างๆ ก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง

ภายใต้ความเงียบ

สายตาของทุกคนมองไปทางหลานเยาเยา ราชครูเทียนเวิงก็ไม่ได้ตอบคำถามของคนผู้นั้น แต่บรรดาผู้คนก็ล้วนมั่นใจแล้ว

ราชครูมองดูหลานเยาเยา แววตาครุ่นคิด

“เทพธิดากล้าลบเครื่องสำอางบนใบหน้าหรือไม่?”

แม้ว่าคำพูดนี้จะแฝงไปด้วยความหมายของการหารือ แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ก็คือบีบบังคับนางให้ลบเครื่องสำอางหนาๆ ที่งามหยาดเยิ้มบนใบหน้า

อีกทั้ง!

ขณะที่พูดคำนี้ ฝ่ามือของเขาได้ขับเคลื่อนกำลังภายในแล้ว ยกมือขึ้นเบาๆ เป้าหมายเล็งตรงไปที่หานแสที่สลบไม่ได้สติ ราวกับว่าเพียงแค่นางกล้าพูดว่าไม่คำหนึ่ง เขาก็จะลงมือโดยไม่ลังเล

เวลานี้ของหานแสอันตรายอยู่ใกล้ๆ ทนความทรมานไม่ได้อีก

หลานเยาเยาก้าวขึ้นไปด้านหน้าก้าวหนึ่งเล็กน้อย มุมปากยกขึ้น หัวเราะออกเสียงเบาๆ

“ลบเครื่องสำอางเท่านั้น มีอะไรไม่กล้า?” เห็นราชครูเทียนเวิงมีความสงสัยเล็กน้อย รอยยิ้มบนหน้าของนางก็ลึกซึ้งขึ้น “ผู้ที่สามารถบีบบังคับข้าให้ทำเรื่องได้ โดยปกติแล้วจะต้องชดใช้ค่าตอบแทน ราชครูเทียนเวิง ท่านจะต้องคิดให้ดีนะ”

“เชิญเถอะ!”

ราชครูเทียนเวิงไม่พูดพร่ำกับนาง หลานเยาเยาก็ไม่ได้พูดอะไร แต่แววตาเย็นชาลงไปมาก

ฮ่องเต้รีบออกคำสั่งให้กงกงไปเอาน้ำสะอาดมาอ่างหนึ่ง จากนั้นหลานเยาเยาก็ต่อหน้าเหล่าบรรดาขุนนางทหาร ค่อยๆ ลบเครื่องสำอางหนาๆ บนหน้าออก

ลบเครื่องสำอางแล้ว แม้ว่าหน้าสดของหลานเยาเยาจะหันขึ้นฟ้า ไม่มีความสายตาที่เย็นชาและงามหยาดเยิ้มเหมือนปกติ ผิวยังคงขาวสะอาดหมดจด โฉมหน้าก็งามเลิศ แม้แต่รอยประทับดอกไม้ดอกนั้นบนแก้มยังคงมีอยู่

มีรอยประทับของดอกไม้ปิดบังไว้ บวกกับรัศมีของหลานเยาเยาเมื่อสามปีก่อนก็มีรัศมีที่ไม่เหมือนกันโดยสิ้นเชิง

ดังนั้นก็มองไม่ออกว่าเป็นคนเดียวกัน

ทำให้คนที่อยู่ในเหตุการณ์งงงันเป็นที่สุด แม้แต่ราชครูเทียนเวิงก็เช่นกัน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย

นี่เป็นไปได้อย่างไร?

เขาไม่เชื่อ ดังนั้นเขาจึงคิดต้องการจะลบรอยประทับดอกไม้บนใบหน้าของหลานเยาเยาชนิดนั้นทิ้งไป

ด้วยเหตุนี้มือที่แก่ชราโบกขึ้น ผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีวิชาการรักษาดีเยี่ยมก็เดินออกมา หลังจากทำมือเคารพต่อเขาแล้ว ก็เดินเข้าไปทางหลานเยาเยา จากนั้นก็เพ่งมองรอยดอกไม้บนใบหน้านางอย่างพินิจ

หลานเยาเยาก็ไม่ขยับ ปล่อยให้เขาสังเกต

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง!

คนผู้นั้นลังเลอยู่นาน จึงได้รายงาน :

“รายงานราชครู รอยดอกไม้นี้ มีตั้งแต่เกิด ไม่ใช่การจงใจทำขึ้นในตอนหลังขอรับ”

แม้ว่าวิชาการรักษาของเขาไม่เท่าเทพธิดา แต่รอยประทับเหล่านี้คือมีตั้งแต่ออกจากท้องแม่ หรือว่าจงใจทำขึ้นในตอนหลัง เขายังสามารถมองออกได้

เรื่องราวยิ่งสับสนขึ้นเรื่อยๆ เหล่าขุนนางทหาร กระทั่งฮ่องเต้ก็ล้วนงงงัน

นี่ใช่หรือไม่ใช่หลานเยาเยากันแน่ล่ะ?

เหล่าขุนนางทหารกระทั่งฮ่องเต้ก็ล้วนเคยเห็นโฉมหน้าของหลานเยาเยา งามสุดในเมือง บนใบหน้าไร้รอยตำหนิ งดงามตราตรึงใจทำให้คนปรารถนา

แต่ไม่มีรอยประทับดอกไม้

วิชาการรักษาคือไม่ผิดแล้ว เป็นลูกผู้หญิงก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ใบหน้านี้……หรือว่าวิชาการรักษาของหลานเยาเยาสูงจนสามารถเปลี่ยนใบหน้าได้แล้ว?

แน่นอน!

นอกจากเย่หลีเฉิน

เพราะเขาได้ยืนยันแล้วว่านางคือหลานเยาเยา

หลานเยาเยาหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาเสียงหนึ่ง

“เป็นอย่างไร? ยังมีข้อสงสัยอะไรอีก?”

เหอะ!

สามปีก่อน เพราะนางตกลงไปกลางสระน้ำปรโลกโดยไม่ทันได้ระวัง ปรากฏโฉมหน้าที่งดงามเป็นเลิศออกมา รอยดอกไม้นี้มีตั้งแต่เกิดจริงๆ แต่น้ำปรโลกชนิดนี้ ก็ไม่สามารถเปิดเผยเอารอยประทับบนใบหน้าตั้งแต่เกิดของนางออกมาได้

จะปรากฏออกมา ก็เป็นในบางโอกาส เวลานั้นนางได้เป็นเทพธิดาแล้ว เพื่อความสวยงามยิ่งขึ้น ขณะที่นางแต่งหน้าหนา จะตั้งใจวาดรูปรอยประทับให้งามหยาดเยิ้มยิ่งขึ้น

นางก็ไม่คิดอยากลบรอยประทับทิ้ง ไป เช่นนี้ก็พอดี กลายเป็นสัญลักษณ์พิเศษของเทพธิดา

นางเคยคาดคิดไว้ว่าจะต้องมีวันเช่นนี้

แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นสถานการณ์เช่นนี้ นางคิดว่าผู้ที่จะสงสัยโฉมหน้าของนางจะเป็นเย่แจ๋หยิ่ง คาดไม่ถึงว่าเย่แจ๋หยิ่งไม่มีความสงสัย และจำนางได้ผ่านอย่างอื่น

ราชครูเทียนเวิงจ้องมองหน้าของเขาอยู่นาน

แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมั่นใจว่านางคือหลานเยาเยา ตอนนี้เขาลังเลใจแล้ว

แต่ว่า!

เทพธิดาไม่ใช่หลานเยาเยาก็ไม่เป็นไร แต่นางคือผู้ดูแลคนที่สี่ของเรือแห่งความสิ้นหวังคือเรื่องจริงอย่างแน่นอน

เขาเปล่งน้ำเสียงไม่พอใจออกมาเสียงหนึ่ง กล่าวอย่างแน่วแน่

“แม้ว่าท่านจะไม่ใช่หลานเยาเยา แต่ท่านก็คือผู้ดูแลเรือแห่งความสิ้นหวังคนที่สี่”

จุดนี้ หลานเยาเยาเพียงแค่เลิกคิ้ว และไม่ได้ปฏิเสธ

“ใช่แล้วอย่างไร? ไม่ใช่แล้วอย่างไร?”

“ไม่ว่าท่านจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ ท่านก็สลัดความเกี่ยวข้องกับราชวงศ์เก่าไม่หลุด อีกทั้งยังทำเรื่องแทนองค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าอยู่ตลอด”

คำพูดของราชครูเทียนเวิงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ทำให้ในใจของหลานเยาเยาค่อนข้างกังวลใจ

เขายังมีเล่ห์เหลี่ยมอะไรอีก?

“อ๋อ? ราชครูก็พูดมา ข้ามีความข้องเกี่ยวกับราชวงศ์เก่าได้อย่างไรอีก?”

ราชครูเทียนเวิงหรี่ตาลงเล็กน้อย

เหตุผลที่ไม่ได้จัดการนางอย่างลับๆ ก็เพื่อยาฉางตาน แต่สถานที่เลี้ยงบำรุงดอกกระดูกขาวถูกทำลาย ความแค้นนี้ไม่ตอบสนองไม่ไ