ภาค 3 บทที่ 110 วันนี้เทียบกับวันวานไม่ได้

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

บทที่ 110 วันนี้เทียบกับวันวานไม่ได้
Ink Stone_Romance
“อวิ๋นเจา อวิ๋นเจา”

ด้านนอกเรือน มองเห็นหนิงอวิ๋นเจาเดินออกมา นายท่านใหญ่หนิงที่นั่งดื่มชาอยู่ในศาลารับลมกวักมือเรียกเขา

หนิงอวิ๋นเจาเดินเข้าไปขานเรียกบิดาคำหนึ่ง

“ลำบากเจ้าแล้ว” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ย ท่าทางสงสารอยู่บ้าง ทำท่าชวนให้หนิงอวิ๋นเจาดื่มชา “มารดาเจ้านิสัยค่อนข้างดีมาตลอด ครั้งนี้ก็ไม่รู้เป็นอะไร ถึงดื้อดึงเช่นนี้”

เทียบกับนายหญิงใหญ่หนิง ท่าทีของนายท่านใหญ่หนิงรวมถึงคนอื่นในตระกูลหนิงที่มีต่อสัญญาหมั้นนี้ดีกว่ามาก ไม่มีปฏิกิริยารุนแรงเช่นนี้อย่างนายหญิงใหญ่หนิง

“เรื่องนี้ข้าทำกะทันหัน ไม่ได้บอกท่านแม่ นางโกรธก็สมควรแล้ว” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย ยกน้ำชาดื่มคำหนึ่ง

นอกจากนี้ที่สำคัญคือที่นายหญิงใหญ่หนิงโกรธก็ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ แต่เพราะตนเองพูดประโยคนั้นว่าชอบคุณหนูจวิน

นายท่านใหญ่หนิงส่ายศีรษะ

“ไม่ใช่บอกว่าเวลานั้นสถานการณ์วิกฤตรึ เจ้าจะบอกคนในครอบครัวได้อย่างไร” เขาเอ่ย “เรื่องจุกจิกเช่นนี้ผู้หญิงชอบจู้จี้นัก”

หนิงอวิ๋นเจาย่อมไม่มีทางบอกว่าบิดามารดาผิด ได้ฟังจึงเอ่ยอีกครั้งว่าเป็นตนเองไม่ถูก

นายท่านใหญ่หนิงก็รู้สึกว่าที่ตนพูดไม่เหมาสม กระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง ยกถ้วยชากลบเกลื่อน

“แต่ข้ารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร” เขาปรับสีหน้าเอ่ยอีกครั้ง

บนใบหน้าหนิงอวิ๋นเจาแย้มรอยยิ้ม

“ใช่แล้ว บิดาชาญฉลาด” เขาเอ่ย “การแต่งงานครั้งนี้สำหรับพวกเราตระกูลหนิงเป็นเรื่องดีจริงๆ อย่างน้อยก็ขวางไม่ให้มีคนกล่าวหาว่าพวกเราตระบัดสัตย์ละทิ้งคุณธรรมได้ ตรงกันข้ามกลับได้ชื่อเสียงดีงาม”

นายท่านใหญ่หนิงรู้นานแล้วว่าตนเองฉลาด ถูกชมเรื่องที่เป็นความจริงเช่นนี้ไม่ได้ดีใจมากมาย ได้ยินเพียงยิ้มๆ

“เรื่องนี้ทุกคนล้วนรู้” เขาเอ่ยอย่างไม่ใคร่ใส่ใจ “ที่ข้าพูดถึงคือคุณหนูจวินคนผู้นี้”

รอยยิ้มบนหน้าหนิงอวิ๋นเจายิ่งกว้าง ดวงตาก็สุกสกาวขึ้นหลายส่วน

“ท่านพ่อก็ว่าดีหรือ” เขาเอ่ย

นายท่านใหญ่หนิงลูบเครา

“แน่นอนย่อมดี การปลูกฝีวิชามหัศจรรย์เช่นนี้ย่อมทิ้งชื่อไว้ในหน้าประวัติศาสตร์” ดวงตาเขาเปล่งประกายเอ่ย “เจ้าคิดดู ตระกูลหนิงจวิน นี่มีเกียรติมากปานใด”

หนิงอวิ๋นเจาหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว

“แต่ท่านพ่อ น่าจะเขียนว่าโรงหมอจิ่วหลิงกระมัง” เขาเอ่ยขึ้นอย่างจริงจังอีก

นายท่านใหญ่หนิงส่งเสียงชิ

“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นโรงหมอจิ่วหลิงตระกูลหนิงจวิน” เขาเอ่ย

พ่อลูกสองคนสบตากัน หัวเราะแล้ว

“ขอบคุณท่านพ่อ” หนิงอวิ๋นเจาหุบยิ้ม สีหน้าจริงใจเอ่ย “ที่ไม่ทำให้ลูกรู้สึกว่าชอบคนที่ไม่ควรชอบเข้า”

นายท่านใหญ่หนิงกระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง

“ข้าเชื่อสายตาลูกของข้า” เขาเอ่ย

หนิงอวิ๋นเจาตั้งแต่เล็กฉลาดเฉลียว นายท่านใหญ่หนิงจัดการเรื่องต่างๆ ในบ้าน ร่ำเรียนหนังสือไม่ใช่ของถนัด ดังนั้นหนิงอวิ๋นเจาจึงติดตามหนิงเหยียนมาตลอด เขาบิดาคนนี้อยู่ร่วมกับบุตรชายไม่มาก

ไม่รู้ว่าเพราอยู่ร่วมกันน้อยตั้งแต่เล็ก หรือบุตรชายฉลาดเกินไป ในใจเขามากน้อยจึงมีความห่างเหินโดยไม่รู้ที่มาอยู่บ้าง

แต่นาทีนี้มองใบหน้ายิ้มแย้มของบุตรชาย เขารู้สึกว่าความห่างเหินกับบุตรชายพริบตาเดียวก็ไม่มีอยู่แล้ว

หนิงอวิ๋นเจายิ้มอีกครั้ง

“ขอบคุณท่านพ่อ” เขาเอ่ย

“ขอบคุณอะไร ก็เป็นเพราะคุณหนูจวินคนนี้มีความสามารถ ประสบความสำเร็จเช่นนี้” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ยท่าทางทอดถอนใจ “คิดไม่ถึงว่าว่าตระกูลจวินเป็นตระกูลเล็กตระกูลน้อย แต่เรื่องที่ทำกลับล้วนมากเมตตามากคุณธรรม นายท่านผู้เฒ่าจวินช่วยผู้คนช่วยชาวบ้านที่หรู่หนานมีชื่อเสียง นายท่านจวินจงรักภักดีสละตนเองเพื่อบ้านเมือง คุณหนูจวินก็ทำหน่อฝีออกมา กำจัดความทุกข์ของหมื่นประชาอีก ทำให้คนนับถือจริงๆ”

ใช่แล้ว ในดวงตาของหนิงอวิ๋นเจาแย้มรอยยิ้ม นางทำให้คนนับถือจริงๆ

ดังนั้นท่านอาจึงไม่อาจไม่ขบคิดพิจารณาว่าจะรับมืออย่างไร ดังนั้นท่านพ่อจึงเปลี่ยนท่าทีอย่างฉับพลัน ไม่มีความไม่พอใจและคัดค้านการแต่งงานของนางกับตระกูลหนิงแล้ว ตรงกันข้ามยอมรับอย่างดีใจยิ่ง ส่วนคนอื่นในตระกูลหนิงทั้งตระกูลยิ่งไม่ต้องพูด ไหนเลยยังมีดูหมิ่นดูแคลนอย่างก่อนหน้านี้อีก แต่ละคนๆ ล้วนตื่นเต้นไม่เลิกที่จะมีหมอเทวดาคนหนึ่งในบ้าน

นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาทำให้เกิด แต่เป็นคุณหนูจวินทำให้เกิดขึ้นด้วยตนเอง เป็นนางเองที่ทำให้ทุกคนไม่อาจไม่ยอมรับนับถือ

“ไม่แปลกที่ตอนนั้นท่านพ่อเขียนหนังสือหมั้น” นายท่านใหญ่หนิงถอนหายใจเอ่ย

คาดว่าคงยอมรับนับถือน้ำใจของนายท่านผู้เฒ่าจวินเหมือนกัน

ส่วนต่อมาทำไมเสียใจปิดปากไม่พูดถึงเรื่องนี้ก็ไม่ต้องขบคิดแล้ว

“ท่านพ่อ สัญญาหมั้นในอดีตยกเลิกไปแล้ว การแต่งงานครั้งนี้พูดให้ถึงที่สุดก็ยังเป็นเรื่องหลอก” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ย “ท่านแม่โมโหเป็นจริงเป็นจัง ท่านพ่อโปรดอย่าถือเป็นจริงอนาคตโกรธขึ้นมาด้วย”

นายท่านใหญ่หนิงลูบเครายิ้มแล้ว

“การแต่งงานเป็นเรื่องหลอก” เขาเอ่ย “ใจของเจ้า อย่างไรก็เป็นเรื่องจริงนี่?”

ใจของเขาตลอดมาล้วนเป็นของจริง แล้วก็ไม่กลัวที่จะยอมรับกับผู้คน

หนิงอวิ๋นเจายิ้มพยักหน้า

“ตอนนี้นางกลับมาแล้ว เรื่องหลอกก็ไม่แน่ว่าจะเปลี่ยนกลายเป็นจริงไม่ได้นี่” นายท่านใหญ่หนิงเอ่ย “ไม่ลองดูจะรู้ได้อย่างไร”

พูดพลางก็ยิ้มทีหนึ่ง

“ลูกชาย เจ้าคงไม่ได้ไม่เชื่อมั่นในตัวเองปานนั้นกระมัง คุณหนูจวินก่อนหน้านี้ไม่ใช่ชอบเจ้ามากหรือ”

นั่นเป็นก่อนหน้านี้

หนิงอวิ๋นเจายิ้ม ความจริงเขาก็สงสัยเรื่องก่อนหน้านี้นี่ยิ่งนัก

ตั้งแต่คบหากับคุณหนูวินมา เขาไม่เคยสัมผัสความชอบที่มีต่อตัวเขาจุดนี้จากบนตัวนางได้เลย อย่างมากที่สุดคือไม่เกลียดรวมถึงต่อมารู้จักสนิทสนม ปฏิบัติกันอย่างสหาย

ชอบ เป็นการแสดงออกอย่างไร?

อยากพบตลอดเวลา คิดถึงตลอดเวลา ได้พบแล้วในดวงตาจะเปล่งประกาย ไม่ได้พบในใจมักจะแหว่งไปเสี้ยวหนึ่ง เหมือนอย่างเขาเช่นนี้

แต่เห็นชัดมากว่านางไม่ได้เหมือนเขาเช่นนี้

ส่วนลองดู เขาเคยลองมาครั้งหนึ่งแล้ว

จะลองอีกครั้งหนึ่งหรือ?

หนิงอวิ๋นเจาลุกขึ้นยืน

“ใช่แล้ว ทำไมนางกลับมาจากเมืองหลวงกะทันหัน” เขาเอ่ย “ก่อนหน้านี้บอกอยู่ชัดๆ ว่าไม่กลับมา เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่?”

ในจวนใหญ่ตระกูลฟางเวลานี้คนยืนอยู่เต็ม ไม่เหมือนกับเสียงเอะอะวุ่นวายข้างนอก คนเหล่านี้เงียบสงบยิ่งนัก

แม้สีหน้าล้วนตื่นเต้นมาก แต่กลับไม่มีใครเอ่ยปากพูด ยิ่งไม่มีเสียงร้องเรียกหมอเทวดา คุณหนูจวินอะไรพวกนี้ดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้

ครอบครัวของตนเองย่อมไม่ต้องเห็นเป็นคนอื่นเช่นนั้น

เพียงแต่ครอบครัวของตนเอง รู้สึกแปลกหน้าอยู่บ้าง

นายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟางมองดูเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า สีหน้ามึนงงนิดๆ

ไม่ได้พบกันเกือบหนึ่งปีแล้วสินะ เด็กสาวคนนี้สูงขึ้นมาก หน้าตาก็เปลี่ยนไปแล้ว ความน่ารักไร้เดียงสาของเด็กสาวอย่างก่อนหน้านี้หดหายไป ความงดงามเฉิดฉายดั่งดอกตูมแรกผลิค่อยๆ ปรากฏ เพียงแต่สีหน้ายิ่งสงบตรงหน้าทำให้ความงามเฉิดฉายนี่กลายเป็นอ่อนโยน ไม่บีบคั้นคนปานนั้น

เทียบกับเด็กสาวที่มาจากฝู่หนิงคนนั้น รู้สึกว่าไม่เหมือนกันสักนิดจริงๆ

“อะไร ไม่ได้พบกันนานเช่นนี้ ทุกคนก็ห่างเหินกับข้าแล้วหรือ?”

คุณหนูจวินยิ้มเอ่ย ปลดผ้าคลุมลง

ฟางเฉิงอวี่ด้านข้างยื่นมือรับไปทันที

หลิ่วเอ๋อร์ถลึงตา ไม่พอใจมากที่เรื่องที่ตนเองควรทำถูกแย่งไป ไม่เกรงใจสักนิดเอาผ้าคลุมไปจากในมือฟางเฉิงอวี่

นายหญิงผู้เฒ่าฟางยังไม่เอ่ยวาจา ฟางอวี้ซิ่วยิ้มก่อนแล้ว

“จะเป็นไปได้ยังไง” นางยืนอยู่ข้างกายนายหญิงผู้เฒ่าฟาง มองคุณหนูจวินสีหน้าตั้งใจ “พวกเราฟังเรื่องของเจ้าทุกวัน เหมือนกับอยู่ที่บ้าน ทุกวันตระหนกตกอกตกใจ”

ประโยคนี้ทำให้ทุกคนคิดขึ้นมาได้ ตั้งแต่วันนั้นที่รับเด็กสาวคนนี้จากฝู่หนิงเข้ามาที่บ้าน ในบ้านก็ไม่ได้สงบเลยจริงๆ ตกอกตกใจวุ่นวายอยู่บ่อยๆ

เริ่มจากโวยวายเรื่องสัญญาหมั้นที่หยางเฉิงไปจนถึงโวยวายเรื่องสัญญาหมั้นที่เมืองหลวงเป็นสิ้นสุด อ้อมไปอ้อมมานางก็ยังเป็นนาง

หลังประโยคนี้ ความรู้สึกแปลกหน้าห่างเหินก่อนหน้านี้พลันหายไป เด็กสาวตรงหน้ากลายเป็นคนนั้นที่พวกนางคุ้ยเคยอีกครั้ง

มองดูใบหน้าเหมือนทั้งโกรธทั้งเป็นห่วง คุณหนูจวินก็ยิ้ม

“ข้ายังคิดว่าคงคุ้นชินกันหมดแล้วเสียอีก” นางยิ้มเอ่ย เดินเข้าไปหานายหญิงผู้เฒ่าฟางกับนายหญิงใหญ่ฟาง พลางย่อเข่าคำนับ “ท่านยาย ท่านป้า”

……………………………………….