ตอนที่ 492 เรื่องพื้นฐาน (2)

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ถ้าหาก​เป็น​ผู้อ่าน​จาก​โลก​ คุณ​จะจดจำ​บท​เปิด​ของ​เรื่อง​ ‘ยอด​นักสืบ​เชอร์​ล็อก​ โฮล์มส์’​ ได้​อย่าง​แน่นอน​

ฉาก​นี้​คล้ายคลึง​กับ​ซีรีส์​จาก​สหราชอาณาจักร​ เรื่อง​ ‘เชอร์​ล็อก​’

ถูกต้อง​

หลิน​เยวียน​อ้างอิง​บางส่วน​จาก​ซีรีส์​ชุด​เชอร์​ล็อก​

ผลงาน​ต้นฉบับ​ไม่ได้​สมบูรณ์แบบ​ หลิน​เยวียน​ไม่มีทาง​นำมาใช้​ทั้งหมด​ ตัวอย่างเช่น​ เมื่อ​โฮล์มส์​เผชิญ​กับ​คดี​เชือก​ลาย​จุด​ การสืบสวน​ของ​เขา​ผิดพลาด​

การสืบสวน​นี้​ตัด​สินบน​พื้นฐาน​ว่า​งูได้ยิน​เสียง​ผิวปาก​และ​งูกิน​นม​ ทว่า​ใน​ความจริง​แล้ว​งูไม่สามารถ​รับ​คลื่นเสียง​ซึ่งส่งผ่าน​อากาศ​ได้​ และ​อาจ​มีการ​ตอบสนอง​ที่​เชื่องช้า​ ดังนั้น​วิธี​ของ​คนร้าย​จึงไม่สมจริง​สัก​เท่าไหร่​ นอกจากนั้น​งูก็​ไม่ได้​ชอบ​ดื่ม​นม​

แต่​เรื่อง​นี้​จะโทษ​นักเขียน​คง​ไม่ได้​

คนใน​ยุคสมัย​นั้น​ไม่รู้เรื่อง​นี้​

สถานการณ์​ที่​คล้ายคลึง​กัน​ปรากฏ​ใน​นิยาย​ชุด​รหัส​คดี​ปัว​โร​ต์​เช่นกัน​

หลิน​เยวียน​ใน​ฐานะ​คนสมัยใหม่​ ย่อม​ไม่เลือก​ใช้ข้อมูล​ซึ่งไม่เป็นไปตาม​หลัก​วิทยาศาสตร์​จาก​ต้นฉบับ​อย่าง​แน่นอน​ เพราะ​ในขณะนั้น​ผู้เขียน​ถูก​จำกัด​อยู่​ภายใต้​เงื่อนไข​ของ​ยุคสมัย​

และ​ในเวลานั้น​

เฉาเต๋อจื้อ​อ่าน​ต่อ​อย่าง​อดใจ​ไม่ไหว​

เขา​สงสัย​เหลือเกิน​ว่า​โฮล์มส์​รู้​ข้อมูล​เหล่านี้​ได้​อย่างไร​!

เป็นไปไม่ได้​ที่จะ​ทำนาย​จาก​ดวงชะตา​

ถ้าหาก​เป็น​เช่นนั้น​ นิยาย​เรื่อง​นี้​ของ​ฉู่ขวง​คง​ส่งมาผิด​แผนก​แล้ว​

เดิน​ออกจาก​ประตู​ไป​แล้ว​เลี้ยวซ้าย​ ตรงนั้น​จะมีแผนก​นิยาย​แฟนตาซี​อยู่​

ใน​เมื่อ​เป็น​นิยาย​สืบสวนสอบสวน​ เช่นนั้น​โฮล์มส์​ต้อง​ได้​คำตอบ​ผ่าน​การ​สืบสวนสอบสวน​!

พื้นฐาน​ของ​การ​สืบสวนสอบสวน​คือ​อะไร​

เฉาเต๋อจื้อ​อ่าน​อย่าง​ละเอียดถี่ถ้วน​ พร้อมกับ​ความสงสัย​ที่​มี

ในเวลานี้​ เขา​ไม่ได้​เปรียบเทียบ​โฮล์มส์​และ​ปัว​โร​ต์​ตาม​สัญชาตญาณ​อีกต่อไป​

เมื่อ​พิจารณา​จาก​ท่าที​ใน​ช่วงแรก​ บุคคล​ทั้งสอง​ซึ่งถูก​ฉู่ขวง​เรียก​ว่า​ยอด​นักสืบ​อย่าง​โฮล์มส์​และ​ปัว​โร​ต์​นั้น​แตก​ต่างกัน​อย่าง​สิ้นเชิง​ไม่ว่า​จะทั้ง​นิสัย​และ​วิธีการ​พูด​

โฮล์มส์​ทะนง​ตน​เหลือเกิน​!

อันที่จริง​ปัว​โร​ต์​ก็​ทะนง​ตน​ แต่​จะอธิบาย​ความทะนง​ตน​ประเภท​นี้​ของ​โฮล์มส์​อย่างไร​ดี​ล่ะ​

ชาย​คน​นี้​ประกาศ​กร้าว​ว่า​

ถึงแม้ผู้อื่น​จะเห็น​รายละเอียด​ต่างๆ​ ด้วย​ตา​ตนเอง​ แต่​ก็​ยัง​ไม่สามารถ​แก้ปัญหา​บางอย่าง​ได้​ ขณะที่​โฮล์มส์​สามารถ​อธิบาย​ปัญหา​ยาก​ๆ บางอย่าง​ได้​โดย​ไม่ต้อง​ก้าว​ขา​ออกจาก​บ้าน​

ดู​สิ!

คน​ปกติ​เขา​พูด​กัน​แบบนี้​ซะที่ไหน​!

ปัว​โร​ต์​ยัง​ไม่เล่น​ใหญ่​แบบ​คุณ​เลย​!

และ​ที่​ยิ่งไปกว่านั้น​ คือ​โฮล์มส์​บอ​กว่า​คำพูด​ของ​นักสืบ​คนอื่น​ใน​ลอนดอน​ไม่มีค่า​เลย​สักนิด​ เขา​ไม่ได้​ ​โฆษณาว่า​ตนเอง​เป็น​นักสืบ​เลย​ แต่กลับ​เรียก​ตนเอง​ว่า​ ‘ที่ปรึกษา​นักสืบ​’!

อืม​

ที่ปรึกษา​นักสืบ​ นี่​คือ​อาชีพ​ใหม่​ซึ่งโฮล์มส์​เป็น​ผู้คิดค้น​ขึ้น​ เขา​คิด​ว่า​ตน​เป็น​เพียง​คนเดียว​ใน​บลู​สตาร์​ที่​ทำ​อาชีพ​นี้​ [เมื่อใด​ก็​ตามที่​ตำรวจ​มีปัญหา​ที่​ไม่สามารถ​แก้ไข​ได้​ พวกเขา​จะมาหา​ผม​ และ​แน่นอน​ว่า​นักสืบ​ใน​ลอนดอน​ก็​เช่นกัน​]

คุณ​จะบอ​กว่า​ คนอื่น​เป็น​นักสืบ​ แต่​คุณ​คือ​นักสืบ​เทพ​?

และ​เพียง​คนเดียว​บน​บลู​สตาร์​ที่​ทำให้​โฮล์มส์​รู้จัก​คำ​ว่า​ ‘ถ่อมตัว​’ ก็​คือ​ปัว​โร​ต์​ผู้ล่วงลับ​

ใช่

โฮล์มส์​ยอมรับ​ใน​ความสามารถ​ของ​ปัว​โร​ต์​เพียง​คนเดียว​

เมื่อ​เฉาเต๋อจื้อ​อ่าน​จนถึง​ย่อหน้า​นี้​ จิตใจ​ของ​เขา​ก็​แทบ​พังทลาย​ลง​

ท่าน​ฉู่ขวง​ อย่า​เล่น​กัน​แบบนี้​ได้​ไหม​ล่ะ​?

คุณ​บอ​กว่า​เขียน​เรื่อง​ของ​โฮล์​มส์ก็​เขียน​เกี่ยวกับ​โฮล์มส์​อย่าง​เดียว​สิ ทำไม​ต้อง​อ้าง​ถึงปัว​โร​ต์​ด้วย​ คุณ​กลัว​ว่า​ผู้อ่าน​จะลืม​หรือว่า​คุณ​เขียน​ให้​ปัว​โร​ต์​ตาย​?

คุณ​เอ่ยถึง​ปัว​โร​ต์​ยัง​ไม่พอ​

แต่​ยัง​ให้​โ​ฮล์มส์​เปรียบเทียบ​ตัว​เขา​กับ​ปัว​โร​ต์​อีก​เนี่ย​นะ​?

เมื่อ​ดู​จาก​ท่าที​ของ​โฮล์มส์​แล้ว​ ประหนึ่งว่า​บน​โลก​นี้​มีเพียง​ปัว​โร​ต์​คนเดียว​ที่​สามารถ​เทียบ​ชั้น​กับ​โฮล์มส์​ได้​

บ้าบิ่น​ขั้น​สุด​!

ถึงแม้ว่า​ใน​การบรรยาย​เรื่องราว​ โฮล์มส์​จะไม่ได้​มีท่าที​กระหยิ่ม​ใจแม้แต่น้อย​ ทว่า​การ​เอื้อนเอ่ย​คำพูด​ด้วย​น้ำเสียง​สงบ​และ​หวน​ระลึกถึง​ พลอย​ให้​แลดู​ราวกับว่า​เขา​กำลัง​ระบุ​ข้อเท็จจริง​ แต่​แฟน​ๆ ปัว​โร​ต์​จะไม่ยอม​ยกโทษให้​อย่าง​แน่นอน​!

ใน​ใจแฟนคลับ​ของ​ปัว​โร​ต์​​ ไม่มีใคร​ที่​เทียบ​เทียม​กับ​เขา​ได้​!

คุณ​เปิด​เรื่อง​มาก็​ทำให้​โฮล์มส์​ยียวน​กวนประสาท​ซะขนาด​นี้​ ไม่กลัว​หา​ทางลง​ไม่ได้​เลย​หรือไง​

โฮล์มส์​นี่​มัน​ตัว​ตึง​ดี​ๆ นี่เอง​!

ขณะเดียวกัน​

วัตสัน​ใน​หนังสือ​ก็​คิด​ว่า​โฮล์มส์​เล่น​ใหญ่​เกินไป​เช่นกัน​

นั่น​ทำให้​วัตสัน​และ​เฉาเต๋อจื้อ​ซึ่งเป็น​ผู้อ่าน​ยืน​อยู่​ฝั่งเดียวกัน​

ทว่า​ไม่ทัน​ไร​วัตสัน​เป็นอัน​ต้อง​พ่ายแพ้​ต่อ​เหตุผล​ของ​โฮล์มส์​​

[“เมื่อวาน​เรา​พบกัน​เป็นครั้งแรก​ ผม​พูดถึง​สมรภูมิ​เร่​อห​ลู​ คุณ​ดู​ประหลาดใจ​มาก​”

“คุณ​รู้​ได้​ยังไง​”

วัตสัน​เสียงดัง​ขึ้น​ “ต้อง​มีใคร​บอก​คุณ​แน่ๆ​!”

“ผม​ไม่ได้​รู้​ ผม​แค่​สังเกตเห็น​”

น้ำเสียง​ของ​โฮล์มส์​ยังคง​เหมือนเดิม​ “ใบหน้า​ของ​คุณ​เป็น​สีแทน​ แต่​ข้อมือ​ของ​คุณ​กลับ​ไม่เป็น​สีแทน​ แสดงว่า​คุณ​น่าจะ​ไป​ใน​พื้นที่​เขตร้อน​ แต่​ไม่ได้​ไป​อาบแดด​ ทรงผม​และ​ท่าทาง​ของ​คุณ​มีสไตล์​ของ​ทหาร​ ไม่ว่า​จะเป็น​การเคลื่อนไหว​หรือ​พฤติกรรม​ล้วน​เต็มไปด้วย​ประสบการณ์​จาก​กองทัพ​ และ​พอ​คุณ​เดิน​เข้ามา​ บทสนทนา​ของ​คุณ​กับ​ไมค์​บ่งบอก​ว่า​คุณ​เคย​เรียน​ที่​วิทยาลัย​แพทย์​ใน​หา​น​โจว​เหมือนกับ​เขา​ แสดงว่า​คุณ​คือ​แพทย์​ทหาร​ คุณ​เดิน​กะโผลกกะเผลก​เสีย​ขนาด​นี้​ แต่กลับ​ยืน​ ไม่ยอม​นั่งลง​ ลืม​อาการ​บาดเจ็บ​ไป​สนิท​ แสดงว่า​อย่าง​น้อย​ส่วนหนึ่ง​ของ​อุปสรรค​ก็​คือ​จิตใจ​ นอกจากนั้น​สถานที่​ที่​คุณ​บาดเจ็บ​คือ​สมรภูมิ​ที่​ทุรกันดาร​ ทุกวันนี้​สมรภูมิ​ไหน​ที่​ทำให้​แพทย์​ทหาร​กร้าน​แดด​และ​บาดเจ็บ​แบบนี้​? อ้อ​ สมรภูมิ​เร่​อห​ลู​ไงล่ะ​”]

วัตสัน​ตะลึง​กับ​เหตุผล​เหล่านี้​!

เฉาเต๋อจื้อ​ซึ่งคิด​ว่า​ตน​อยู่​ฝั่งเดียว​กับ​วัตสัน​ก็​ตะลึง​เช่นกัน​ เขา​นึกไม่ถึง​เลย​ว่า​โฮล์มส์​จะมอง​ทุกอย่าง​ออก​อย่าง​ทะลุปรุโปร่ง​จาก​การ​พบ​หน้า​วัตสัน​เป็นครั้งแรก​!

แม่เจ้าโว้ย​!

พลัง​แห่ง​การ​สังเกต​อัน​น่าทึ่ง​!

ปัว​โร​ต์​เอง​ก็​เคย​มีช่วงเวลา​ที่​ความคิด​พรั่งพรู​เช่นนี้​ กระบวนการ​ที่​เกิดขึ้น​น่าตื่นเต้น​ไม่แพ้​กัน​ ทว่า​วิธี​สืบ​คดี​ของ​ปัว​โร​ต์​ต่าง​จาก​โฮล์มส์​อย่าง​สิ้นเชิง​

คล้าย​ว่า​ปัว​โร​ต์​จะชอบ​เข้าใจ​ธรรมชาติ​ของ​มนุษย์​มากกว่า​

ส่วน​โฮล์มส์​ได้​ข้อสรุป​จาก​การ​สังเกต​โดยละเอียด​และ​รวบรวม​ข้อมูล​!

ปัว​โร​ต์​ใช้ความรู้สึก​เป็น​ส่วนมาก​ โฮล์มส์​ใช้เหตุผล​เป็น​ส่วนมาก​!

นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​เฉาเต๋อจื้อ​รู้สึก​ว่า​ ถึงแม้โฮล์มส์​จะมีศักยภาพ​ใน​การ​กวนประสาท​จน​เรียก​ทัวร์​ลง​ แต่​สมอง​ของ​เขา​ก็​ประมวลผล​ด้วย​ความเร็ว​อัน​น่าทึ่ง​ แม้แต่​เขา​เอง​ยัง​หา​จุดยืน​มาหักล้าง​เหตุผล​เหล่านี้​ไม่ได้​…

นี่​มัน​เป็นเรื่อง​บังเอิญ​หรือไม่​?

โฮล์มส์​บังเอิญ​พบ​เบาะแส​?

แน่นอน​ว่า​ไม่ใช่!

ขณะที่​เฉาเต๋อจื้อ​พลิก​หน้า​หนังสือ​อ่าน​ต่อไป​ด้วย​แววตา​ตกตะลึง​เล็กน้อย​ โฮล์มส์​ก็​เปิด​โชว์​การ​สืบสวนสอบสวน​ของ​เขา​เป็นครั้งแรก​!

เส้น​ผม​…

กระเป๋า​หนัง​…

เล็บ​…

ใน​ที่เกิดเหตุ​สามารถ​สรุป​ข้อมูล​ของ​ผู้เสียชีวิต​คน​ที่หนึ่ง​ได้​นับไม่ถ้วน​ ทั้ง​จาก​แขน​เสื้อ​ รองเท้า​บูต​ กางเกง​ ส่วน​หัวเข่า​ซึ่งมีเศษเนื้อ​ด้าน​ระหว่าง​นิ้วโป้ง​และ​นิ้วชี้​ สีหน้า​ก่อน​เสียชีวิต​ รวมไปถึง​ปลาย​แขน​เสื้อ​!

พิถีพิถัน​!

มีเหตุมีผล​!

ไม่ว่า​ข้อมูล​จะซับซ้อน​อย่างไร​ ก็​ล้วน​สามารถ​สรุป​ผ่าน​สมอง​ของ​เขา​ออกมา​เป็น​เบาะแส​สำคัญ​ เขา​ถึงกับ​สรุป​ได้​ว่า​บน​รถม้า​มีกี่​คน​ จาก​รอย​ของ​ล้อ​รถม้า​ใกล้​กับ​จุด​เกิดเหตุ​ และ​ความลึก​ของ​รอย​ล้อ​รถม้า​!

การหาเหตุ​ผล​เชิงตรรกะ​?

ไม่ใช่แบบนี้​นี่​!

การหาเหตุ​ผล​เชิงตรรกะ​คือ​การนำ​ผลลัพธ์​มาอนุมาน​ขั้นตอน​ ซึ่งเป็น​สิ่งที่​ปัว​โร​ต์​ถนัด​ นักสืบ​โดยมาก​มัก​ใช้กระบวน​การหาเหตุ​ผล​เชิงตรรกะ​จาก​ผลลัพธ์​​ ใช้ตรรกะ​เป็น​สัดส่วน​ที่​มากกว่า​ แต่​โฮล์มส์​กลับ​เชี่ยวชาญ​การ​ใช้ขั้นตอน​เพื่อ​หา​ผลลัพธ์​ และ​กระบวนการ​เหล่านี้​ก็ได้​คำตอบ​มาจาก​รายละเอียด​ต่างๆ​ ซึ่งกล่าวถึง​ใน​ข้างต้น​ ทั้งสอง​แลดู​มีความคล้ายคลึง​กัน​ ทว่า​คุณลักษณะ​กลับ​ต่างกัน​!

จินตนาการ​ได้​ว่า​

เมื่อ​โชว์​สืบ​คดี​นี้​ปรากฏ​แก่​สายตา​เฉาเต๋อจื้อ​ เฉาเต๋อจื้อ​พลัน​รู้สึก​สมอง​ชาวาบ​ ภาพ​ของ​ชาย​จมูก​งุ้ม สวม​หมวก​ทรงกลม​ และ​ใน​มือถือ​ไปป์​ราวกับ​ปรากฏ​ขึ้น​ตรงหน้า​ของ​เขา​ สายตา​ของ​เขา​คง​เป็นหลัก​เหตุผล​ซึ่งเผย​ให้​เห็น​ภูมิปัญญา​จาก​การ​สังเกต​ และ​หลัก​เหตุผล​นี้​ตั้งอยู่​บน​ทฤษฎี​ของ​โฮล์มส์​

เรื่อง​พื้นฐาน​!

คดี​นี้​แบ่ง​คร่าวๆ​ ได้​เป็น​สอง​ส่วน​ ส่วน​แรก​คือ​โฮล์มส์​ใช้สิ่งที่​เขา​เรียก​ว่า​เรื่อง​พื้นฐาน​สืบหา​ตัว​ฆาตกร​ต่อเนื่อง​ และ​ส่วน​ที่สอง​เกี่ยวกับ​แรงจูงใจ​ของ​ฆาตกร​ รวมไปถึง​โศกนาฏกรรม​ที่​เขา​ประสบ​ด้วยตัวเอง​ นี่​คือ​การแก้แค้น​ของ​ฆาตกร​ซึ่งควรค่า​แก่​การ​เห็นอกเห็นใจ​ด้วย​วิธี​ของ​เขา​เอง​

อ่าน​เรื่อง​จบ​แล้ว​

เฉาเต๋อจื้อ​ยังคง​นิ่ง​ค้าง​

นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​เฉาเต๋อจื้อ​ใน​ฐานะ​ชาว​บลู​สตาร์​ต้อง​เผชิญ​กับ​ความ​ตกตะลึง​จาก​โฮล์มส์​และ​เรื่อง​พื้นฐาน​ และ​ความรู้สึก​ตกตะลึง​เช่นเดียวกัน​ก็​ถั่งโถมขึ้น​ใน​ใจของ​บรรณาธิการ​หลาย​คนใน​ห้องประชุม​ด้าน​ข้าง​เช่นกัน​

โฮล์มส์​ผู้​น่าสะพรึงกลัว​!

……………………………………………………….