บทที่ 473 เท้าเหยียบเจ็ดดาว

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 473 เท้าเหยียบเจ็ดดาว

“คิดว่าฮ่องเต้ก็น่าจะรู้ องค์ชายที่ฮองเฮาแห่งราชวงศ์เก่าให้กำเนิด ข่าวคราวของเท้าเหยียบเจ็ดดาว เพียงแค่นำคนมาแค่ดูก็รู้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ถูกต้อง

เท้าเหยียบเจ็ดดาว

องค์ชายที่ฮองเฮาแห่งราชวงศ์เก่าให้กำเนิดผู้นี้ เพราะเท้าเหยียบเจ็ดดาว ถูกคิดว่าเป็นโอรสแห่งสวรรค์ที่ชะตาลิขิตอย่างแท้จริง เป็นมังกรมาจุติอย่างแท้จริง

และเป็นเพราะองค์ชายที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นมังกรมาจุติผู้นี้ยังไม่ตาย ฮ่องเต้จึงได้กินไม่ได้นอนไม่หลับ

ด้วยเหตุนี้!

ฮ่องเต้รีบสั่งการทันที ส่งองครักษ์วังหลวงให้รีบเร่งไปจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์โดยตรง

ระหว่างที่รอ เหล่าขุนนางทหารก็รู้แล้ว เหตุที่ราชครูรู้ว่าองค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าก็คือเซียวจิ่นหยู

ก็เพราะ วันก่อนหน้านี้คืนหนึ่ง

เซียวจิ่นหยูพาเทพธิดากลับจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์ ยังอาศัยอยู่หนึ่งคืน น่าจะวางแผนการลับอะไรอยู่

ยังมีอีกก็คือ เซียวจิ่นหยูเคยถูกแม่แท้ๆของหลานเยาเยาช่วยเหลือ ทุกปีเขาจะไปจุดธูปที่หลุมศพของแม่แท้ๆของหลานเยาเยา

รวมถึงสามปีก่อน เซียวซื่อจื่อยังได้ปรากฏตัวขึ้นที่ชนเผ่าหยินไห่

อย่างไรก็แล้วเพียงแค่มีข่าวสถานที่ที่มีการปรากฏตัวตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่า เซียวจิ่นหยูก็จะปรากฏตัว นี่ยังไม่สามารถทำให้คนเกิดความสงสัย

แม้ทุกคนจะรู้ดีว่าเซียวซื่อจื่อจะได้ชื่อว่าเป็นคนมีความสามารถ ไม่ชอบหนทางชีวิตการเป็นขุนนาง ชอบเพียงกินเหล้าเที่ยวเล่น ทั้งวันพากลุ่มคุณชายครอบครัวขุนนางเสพสุขอยู่กับสิ่งต่างไม่ทะเยอทะยานเพื่อความก้าวหน้า

หลังจากฟังราชครูบอกเรื่องราวเหล่านี้ ยังมีพยานหลักฐานอีกเป็นกอง

คราวนี้ไม่มีทางหนีแล้ว

เซียวจิ่นหยูก็คือองค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าอย่างไร้ข้อกังขา

พริบตานั้นบรรดาผู้คนรู้สึกว่าเซียวซื่อจื่อผู้นี้ปิดบังได้อย่างลึกซึ้งมาก ตอนนี้เพียงรอจับเขามาได้ ดูเจ็ดดาวบนเท้าของเขาก็สามารถสรุปได้แน่นอนแล้ว

ไม่ถึงสี่สิบห้านาที เซียวจิ่นหยูที่อยู่ในร้านเหล้าก็ถูกองครักษ์วังหลวงจับกุมเข้ามาแล้ว

ขณะที่เขามาถึงหน้าพิธีเซ่นไหว้ใหญ่ เมื่อเห็นคนหลายคนยืนอยู่บนบวงสรวงเทพ มองดูสายตาที่เหล่าขุนนางทหารมองดูเขา แววตาก็ส่องประกาย

มาถึงด้านหน้าเหล่าขุนนาง เขาก็คุกเข่าทำความเคารพอย่างมีระเบียบ :

“ข้าน้อยเซียวจิ่นหยูคารวะฮ่องเต้ ฮ่องเต้หมื่นปีหมื่นปีหมื่นหมื่นปี”

ฮ่องเต้มองเขาจากบนลงล่าง และไม่ได้ให้เขาลุกขึ้น แต่ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เซียวจิ่นหยู ข้าจะถามเจ้า เจ้าเคยไปหน้าหลุมฝังศพของฉูซื่ออนุภรรยาของอดีตจวนแม่ทัพหรือไม่?”

ได้ยินดังนั้น !

เซียวจิ่นหยูตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปทางหลานเยาเยาที่อยู่ข้างๆ ต่อจากนั้นก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ข้าน้อยเคยไปพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งไปจุดธูปทำความเคารพทุกปี!”

“อ๋อ นี่คือเพื่ออะไร ฉูซื่อเป็นเพียงอนุภรรยาของอดีตจวนแม่ทัพผู้หนึ่งเท่านั้น แต่เจ้าเป็นถึงซื่อจื่อของจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์ ทำไมต้องไปบูชาเซ่นไหว้อนุภรรยาผู้หนึ่งล่ะ?”

“กราบทูลฮ่องเต้ อนุภรรยาฉูมีพระคุณช่วยชีวิตข้าน้อย เพียงแต่ยังไม่ทันได้ตอบแทน ข้าน้อยก็ได้ยินข่าวว่านางเสียชีวิต ไม่มีวิธีอื่น ทำได้เพียงไปจุดธูปไหว้นางทุกปีพ่ะย่ะค่ะ”

ฟังถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ก็มั่นใจไร้ข้อกังขา ไม่คิดจะถามอีก ใช้สายตาส่งสัญญาณต่อองครักษ์วังหลวงที่อยู่ข้างตัวเขาโดยตรง

องครักษ์วังหลวงรับคำสั่ง ไม่พูดพร่ำ กดเซียวจิ่นหยูไว้โดยตรง หนึ่งคนในนั้นรีบถอดรองเท้าถุงเท้าของเขาทันที จากนั้นก็ยกเท้าของเขาขึ้นมาให้ฮ่องเต้ดู

เห็นฝ่าเท้าของเซียวจิ่นหยูสะอาดสะอ้าน ไม่ต้องเอ่ยถึงเจ็ดดาวแล้ว แม้แต่ไฝสักเม็ดก็ไม่มี ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแน่น แล้วให้คนถอดรองเท้าถุงเท้าอีกข้างหนึ่ง ยังสะอาดสะอ้าน ไฝสักเม็ดก็ไม่มี

ฮ่องเต้ตะลึงตาค้างแล้ว!

สีหน้าของราชครูเทียนเวิงที่อยู่ข้างๆ เคร่งขรึม สายตาจับจ้องจดจ่อที่เท้าของเซียวจิ่นหยู สีหน้าขรึมขึ้นเรื่อยๆ

เป็นไปไม่ได้!

เซียวจิ่นหยูก็คือองค์ชายแห่งราชวงศ์เก่า จุดนี้ไม่ผิดแน่

ราชวงศ์เก่าถูกอัคคีภัยธรรมชาติโจมตีคืนนั้น เขาอยู่ในเหตุการณ์ ทำให้เย่นโจกชิงได้รับบาดเจ็บสาหัส สังหารทหารหน่วยกล้าตายสี่สิบสองคนของเขา แน่นอนเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ไม่มีแรงไปตามสังหารองค์ชายที่ถูกคนช่วยไปผู้นั้น

เขาสะกดรอยอยู่ระยะเวลาหนึ่ง เห็นท่านแม่ของหลานเยาเยาส่งคนไปถึงจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์อย่างลับๆ จริงๆสองสามปีมานี้ เขาให้คนที่แอบซ่อนตัวอยู่ที่จวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์ องค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าไม่สามารถที่จะถูกสลับสับเปลี่ยนได้

เช่นนั้นตอนนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

หลังจากฮองเฮาแห่งราชวงศ์เก่าให้กำเนิดองค์ชาย เขาได้เห็นจริงๆว่าองค์ชายผู้นั้นเท้าเหยียบเจ็ดดาว เป็นชะตาชีวิตของฮ่องเต้เรื่องที่หาพบได้ยากในร้อยปี

“เป็นไปไม่ได้!”

ราชครูเทียนเวิงโยกร่างกาย

กี่สิบปีแล้ว คนที่เขาจัดเตรียมล้วนเป็นคนที่ซื่อสัตย์ต่อเขาไม่เปลี่ยนแปลง ไม่สามารถให้ข้อมูลเท็จได้

ด้วยเหตุนี้เขารีบกล่าวกับผู้ใต้บังคับบัญชาที่เป็นวิชาการรักษา : “เจ้าไปตรวจดูเท้าของเขา”

“ขอรับ!”

หลังจากหมอผู้นั้นทำมือเคารพ รีบไปถึงด้านหน้าของเซียวจิ่นหยูอีกรวดเร็ว จากนั้นก็ตรวจดูที่เท้าของเขาอย่างละเอียด

ฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของราชครูเทียนเวิง หากว่าวิชาการรักษาของเขาไม่ยอดเยี่ยม อันดับแรกจะต้องไม่ผ่านสายตาของราชครูเป็นแน่

แต่เขาตรวจดูหลายครั้งแล้ว สุดท้ายกลับไม่พบปัญหาอะไรที่เท้าของเซียวจิ่นหยู ยิ่งไม่สามารถที่จะจัดการทำอะไรเป็นพิเศษ

ดังนั้น……

เดิมทีเท้าคู่นี้ก็ไม่มีเท้าเหยียบเจ็ดดาว

นี่คือครั้งที่สองแล้ว

หนึ่งคือใบหน้าของเทพธิดา สองคือเท้าของเซียวจิ่นหยู แต่ทุกครั้งก็ไม่ได้เห็นความสำเร็จออกมา หน้าผากของเขามีเหงื่อบางผุดออกมาชั้นหนึ่งไม่หยุด แม้แต่หลังก็เริ่มเย็นยะเยือกขึ้นมา

“กราบทูลฮ่องเต้……”

พูดยังไม่จบ

ราชครูเทียนเวิงก็โบกมือสื่อความหมายเขาไม่ต้องพูดแล้ว ดูสีหน้าของเขา ก็รู้ความเป็นจริงของเรื่องแล้ว

ขณะนี้สีหน้าของราชครูเทียนเวิงดำดั่งก้นหม้อ

เป็นอะไรที่เกินความคาดหมายของเขา?

และเป็นใครที่สลับสับเปลี่ยนองค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าอย่างไม่มีวี่แวว?

หรือกล่าวว่า องค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าผู้นั้นตายไปในกองไฟแล้ว?

ราชวงศ์เก่าถูกทำลายคืนนั้น เขารู้ว่าเป็นแผนการร้ายฉากหนึ่ง ไม่เพียงมองดูอย่างเหยียดหยามในที่ลับ ยังวางการป้องกันอย่างหนาแน่นอยู่อย่างลับๆ วางแผนทำให้เชื้อพระวงศ์แห่งราชวงศ์เก่าทุกคนตายกลางกองเพลิงนี้

องค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าผู้นั้นเป็นคนเพียงหนึ่งของเชื้อพระวงศ์ที่หนีออกไปได้ เขากล้ารับรอง ผู้ที่เท้าเหยียบเจ็ดดาวนั้น องค์ชายที่ครอบครองชะตาชีวิตฮ่องเต้ที่หาได้ยากยิ่งในร้อยปีไม่สามารถที่จะตายได้อย่างง่ายดาย

ความเป็นไปได้ที่เขาจะตายในกองเพลิงน้อยมาก

หรือว่า……

ก่อนหน้าที่อัคคีภัยธรรมชาติจะโจมตีก็ถูกคนสลับสับเปลี่ยนแล้ว? นี่คือหนึ่งเดียวที่สามารถอธิบายได้

เวลานี้ข้างๆหูมีน้ำเสียงที่เหลือเชื่อของฮ่องเต้ดังมา

“เจ้าไม่ใช่องค์ชายแห่งราชวงศ์เก่า?”

คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่าพูดกับเซียวจิ่นหยู

เมื่อครู่เขามีใจคิดอยากสังหาร แม้ว่าจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์ต่อเชื้อพระวงศ์ ต่อราชสำนักแล้วจะซื่อสัตย์มาโดยตลอด แต่หากว่าเซียวจิ่นหยูเป็นองค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าจริง เซียวจิ่นหยูไม่สามารถเอาไว้ได้ จวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์ก็ยิ่งเก็บไว้ไม่ได้

แต่ตอนนี้เรื่องราวไม่เป็นดั่งที่ราชครูกล่าวเช่นนั้น……

“เก่า องค์ชายแห่งราชวงศ์เก่า?”

เซียวจิ่นหยูที่เดิมทียังสุขุมเยือกเย็นมาก หลังจากที่ได้ยินไม่กี่คำนี้ สีหน้าก็ขาวซีดไปในพริบตา

เขาดิ้นรนผละตัวออกจากการจับกุมขององครักษ์วังหลวงสองคนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ตุบเสียงหนึ่งคุกเข่าบนพื้น กล่าวด้วยความเกรงกลัวอย่างมาก :

“กราบทูลฮ่องเต้ ข้าน้อยเป็นเพียงเซียวจิ่นหยู เป็นลูกชายของเจ้าพระยาซื่อสัตย์ และเป็นซื่อจื่อของจวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์ ไม่ใช่องค์ชายแห่งราชวงศ์เก่าอะไร ขอฮ่องเต้พิจารณาอย่างกระจ่าง จวนเจ้าพระยาซื่อสัตย์รับผิดชอบโทษนี้ไม่ได้นะพ่ะย่ะะค่ะ!”

“เช่นนั้นทำไมเจ้าต้องจุดธูปไหว้แก่อนุภรรยาฉูของอดีตจวนแม่ทัพทุกปี? ยังบอกว่านางคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเจ้าอีก? เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวตนที่แท้จริงของนางคืออะไร?”

หลังจากรู้ว่าเขาไม่ใช่องค์ชายแห่งราชวงศ์เก่า

น้ำเสียงของฮ่องเต้เห็นได้ชัดว่าอ่อนโยนขึ้นมาก

“กราบทูลฮ่องเต้ เพราะท่านพ่อข้าเคยบอก เก่า ราชวงศ์เก่าถูกทำลายล้างคืนนั้น เป็นวันที่ท่านแม่ของข้าน้อยไปเยี่ยมพระสนมเอกแห่งราชวงศ์เก่าที่พระราชวังพอดี

ไหนเลยจะรู้ว่าอัคคีภัยธรรมชาติจะถาโถม เผาทั้งพระราชวัง ท่านแม่สิ้นชีพกลางทะเลเพลิง หากว่าไม่ได้ท่านป้าฉูช่วยเหลือ เกรงว่าข้าน้อยจะตายกลางกลองเพลิงแล้วพ่ะย่ะค่ะ

สำหรับตัวตนของท่านป้าฉู ไม่ใช่ว่าเป็นอนุภรรยาผู้หนึ่งของอดีตจวนแม่ทัพหรือ? ยังมีตัวตนอื่นอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ภรรยาหลวงของเจ้าพระยาเซียวกับพระสนมเอกของราชวงศ์เก่าเป็นพี่น้องเผ่าเดียวกัน มีความสัมพันธ์ที่ดี ก่อนราชวงศ์เก่าถูกทำลายล้าง ก็ไปเยี่ยมที่พระราชวังอยู่เสมอ

เรื่องนี้คนส่วนใหญ่ล้วนรับรู้ ฮ่องเต้ก็รู้เป็นธรรมดา

“เช่นนั้นทำไมสถานที่ที่ตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าปรากฏเจ้าก็จะปรากฏตัว? เจ้าอย่าบอกข้านะว่านี่เป็นความบังเอิญ”

หนึ่งครั้งสองครั้งเป็นความบังเอิญ

แต่ความบังเอิญมากแล้วก็เป็นแผนการล่วงหน้าแล้ว

อีกทั้งราชครูเทียนเวิงยังมีพยานหลักฐานอีก เขาคิดแก้ตัวก็แก้ตัวไม่ได้

“เฮ้อ นี่ไม่ใช่ความบังเอิญจริงๆพ่ะย่ะค่ะ แต่เพราะท่านพ่อของข้าน้อยเคยต่อสู้ในสนามรบกับอ๋องเย่ เลื่อมใสต่ออ๋องเย่เป็นอย่างมาก

เขามักจะสอนข้าน้อย ให้เรียนรู้จากอ๋องเย่ให้ดีๆ สอนแล้วไม่ฟังจริงๆ ก็จะเอาเรื่องการแต่งงานมาบังคับ ข้าน้อยไม่มีวิธีอื่น ทำได้เพียงแอบไปหาอ๋องเย่ เหมือนองครักษ์คุ้มกันผู้หนึ่งของเขาพ่ะย่ะค่ะ

แต่ทว่า อ๋องเย่ไหนเลยจะมองเห็นข้า? แต่ติดที่หน้าตาของท่านพ่อ ก็ยากที่จะปฏิเสธ ดังนั้นจึงคิดทุกทางพยายามกลั่นแกล้ง เวลานั้นพอดีกับที่ฮ่องเต้ท่านส่งอ๋องเย่สืบหาตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่า

ดังนั้นอ๋องเย่จึงเอาเรื่องนี้มาหลอกข้าน้อย ยังบอกข้าน้อยว่าหากว่าหาตราราชลัญจกรหยกพบ จะให้ข้าน้อยเป็นทหารหั่วโถว

เมื่อข้าได้ยินน่าจะเป็นตำแหน่งขุนนางที่ดีตำแหน่งหนึ่ง จึงได้ปฏิญาณว่าจะต้องหาตราราชลัญจกรหยกแห่งราชวงศ์เก่าให้พบแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

สิ้นสุดเสียงของเซียวจิ่นหยู

ฮ่องเต้ก็โกรธทันที : “ก่อกวน อ๋องเย่ก็ชั่งรังแกหลอกลวงคนเกินไปแล้ว”

ทหารหั่วโถวคืออะไร?

ก็คือทำอาหารอยู่ในกองทหาร เป็นตำแหน่งขุนนางไหนอะไร ให้ซื่อจื่อผู้สง่างามไปเป็นคนทำอาหารในกองทหาร ก็คืออ๋องเย่ผู้นั้นที่ไม่เห็นใครในสายถึงทำได้

หลายปีก่อนเจ้าพระยาเซียวออกรบกับอ๋องเย่ และก็เป็นเวลานั้นพอดี ชื่อเสียงของอ๋องเย่ที่องอาจห้าวหาญเชี่ยวชาญการสงครามก็เริ่มเลื่องลือ

เจ้าพระยาเซียวเลื่อมใสอ๋องเย่ ทุกคนล้วนรู้

อย่าพูดถึงเจ้าพระยาเซียว แม้แต่เหล่าขุนนางทหารก็ล้วนทั้งเลื่อมใสและเกรงกลัวต่ออ๋องเย่

และเซียวจิ่นหยูแม้ว่าเคยติดตามไปสนามรบกับเจ้าพระยาเซียว แต่หลังจากที่เจ้าพระยาเซียวขาพิการเป็นต้นมา ก็ไม่ได้ออกไปอีก แต่มุ่งเน้นไปทางความสามารถทางการประพันธ์ นั่นหลังจากที่มีการขนานนามของคุณชายทั้งเจ็ดของเมืองหลวงออกมา เขาก็คือชื่อเสียงดังสะเทือน กลายเป็นชายคนรักในฝันของหญิงสาวนับหมื่นพัน

แน่นอนเหล่านี้เป็นการกินดื่มเที่ยวเล่น ก้าวข้าวหนทางชีวิตการเป็นขุนนาง ไม่ไปสร้างผลงานในทางการทหาร เที่ยวเล่นอิสระกับพวกคุณชายทั้งวัน ทำให้เจ้าพระยาเซียวกลัดกลุ้มใจจนผมขาวหมดแล้ว

ตอนนี้เซียวจิ่นหยูกล่าวเช่นนี้ เป็นเพียงคำพูดจากปาก

หากต้องการรู้ว่าเรื่องราวจริงเท็จ ก็ไม่ได้ยากลำบากมาก เพียงต้องพบเจ้าพระยาเซียว หรืออ๋องเย่ หรือพวกคุณชายที่กินดื่มเที่ยวเล่นกับเขาก็สามารถพิสูจน์ได้แล้ว

“วันก่อนหน้าเหล่านั้น เจ้าพาเทพธิดาไปที่จวน ได้วางแผนการลับเรื่องอะไรอีก?