บทที่ 431 ผู้ช่วยชีวิต

บทที่ 431 ผู้ช่วยชีวิต

หลายปีแล้วที่เขาไม่มีโอกาสได้ช่วยเหลือตระกูลซู ชีวิตพวกเขาเหมือนจะดำเนินไปได้ดีตลอด บางครั้งยังรู้สึกดีกว่าเขาที่เป็นท่านผู้นำเสียอีก

ต้องบอกว่าหลังจากที่พวกเขามาถึงเมืองหลวง ก็โดนตระกูลโจวและตระกูลว่านหมายหัว เลยยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือนิดหน่อย

ใช่ อันที่จริงมันนิดหน่อยจริง ๆ

เขาอยู่ในพื้นที่อุตสาหกรรมเคียงข้าง เลยหาทางจัดการทั้งสองครอบครัวนั่นไม่ได้ ขณะที่คิดหาวิธีเคลื่อนไหว ตระกูลโจวกับตระกูลว่านได้รับการจัดการเสียแล้ว

เห็นได้ชัดว่าตระกูลซูไม่มีคนในเมืองหลวงคอยสนับสนุนอย่างที่โลกภายนอกคิดเลย

แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าตระกูลนี้มีพื้นเพแบบไหนในเมืองหลวง

แต่แน่นอนเลยว่าพวกเขาจะไม่โดนคนข่มเหงตามใจชอบแน่! และตอนนี้เสี่ยวหยวนไอ้เด็กเวรนั่นใส่ร้ายครอบครัวของพี่ซูและพี่สะใภ้ต่อหน้าเขา

ไอ้โง่ที่ใช้ความคิดตัวเองตัดสินผู้อื่น ถึงได้มองคนบ้านซูแบบนี้สินะ

“พี่ซู พี่สะใภ้ อย่าโกรธเพราะคำพูดของไอ้โง่นี่เลยนะ” ต่งหยวนจงขอโทษเสียงต่ำ

เขาอยากจะบอกว่าเด็กนี่มันพูดเอง ไม่ใช่เขาที่เป็นคนพูด

แต่หลังจากที่ขบคิดดู เสี่ยวหยวนเป็นคนที่เขาพามาด้วยตัวเอง หากจะบอกว่าไม่เกี่ยวข้องด้วย แล้วอีกฝ่ายจะเชื่อหรือ?

ฟ่านชูฟางรีบเดินไปยืนข้าง ๆ คุณย่าซู แล้วกระซิบ “พี่สะใภ้ มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเราคิดนะคะ เราปฏิบัติต่อพวกพี่อย่างจริงใจเหมือนญาติคนหนึ่งเลย”

มันคือความจริงใจจากเธอ เธอแค่อยากไปมาหาสู่กับพวกเขาเหมือนญาติของตัวเอง แม้แต่หลาน ๆ ก็ยังคิดเหมือนกับเป็นลูกของตัวเองด้วยซ้ำ

แต่เพียงชั่วครู่ทุกอย่างกลับพังทลาย!

คุณย่าซูไม่ตอบ และไม่แม้แต่จะมองไปที่ฟ่านชูฟางเลย

สายตาเอาแต่จับจ้องไปที่สามี

แม้ว่าครอบครัวนี้ดูเหมือนคุณย่าซูเป็นคนดูแล แต่เมื่อมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น คุณปู่ซูก็ยังเป็นคนตัดสินใจอยู่!

เธอเชื่อคำของฟ่านชูฟางนะ และตัวเองก็แม่นยำในการตัดสินคนอื่นอยู่แล้ว

แต่ไอ้เด็กที่ชื่อเสี่ยวหยวนอะไรนั่นพูดจาแสลงหูจริง ๆ บางทีสิ่งที่เด็กนั่นพูดคงเป็นความคิดที่แท้จริงของคนส่วนใหญ่สินะ

ตาแก่ใจดีช่วยเหลือคนอื่นมาทั้งชีวิต ไม่เคยโดนคนตำหนิติเตียนมาก่อนเลย

ในใจเขาคงจะอึดอัดสินะ?

คุณปู่ซูมองต่งหยวนจงด้วยใบหน้าเรียบเฉย

และสายตาคู่นั้นมันทำให้ชายชรารู้สึกอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ

“หัวหน้า ทั้งสองตระกูลต่างก็เป็นคนละชนชั้น ไม่ควรสนิทสนมกันและไม่ควรใกล้ชิดกันด้วย!”

นับตั้งแต่สมัยโบราณ มันไม่ใช่แค่แต่งงานปรองดองกับคนชนชั้นเดียวกันเท่านั้น แต่ยุคสมัยอื่น ๆ ก็ด้วย

“คุณเป็นหัวหน้า ส่วนพวกเราเป็นคนธรรมดา จากนี้ไปครอบครัวเราสองคนควรอยู่ห่าง ๆ กันไว้ดีกว่า!”

ในที่สุดคุณปู่ซูก็พูดคำที่ต่งหยวนจงไม่อยากได้ยินมากที่สุดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสนเย็นชา

ชายชราเหมือนได้ยินเสียงฟ้าผ่าดังลงมาจากท้องฟ้า

หลายปีแล้วที่คุณปู่ซู หรือต้องบอกว่าคนบ้านซูเป็นบุคคลที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นใจแก่เขาที่สุด!

โดยเฉพาะครั้งที่อยู่ในสนามรบ เขามักจะพูดถึงบุญคุณชีวิตที่ได้ถูกช่วยเหลือเอาไว้ ถึงได้อยู่มาจนถึงทุกวันนี้

ทว่าตอนนี้ความรู้สึกกลับถูกไอ้หนุ่มไม่รู้เรื่องรู้ราวใส่ร้ายป้ายสี

ต่งหยวนจงเอื้อมมือไปจับคุณปู่ซู แววตาเต็มไปด้วยน้ำตา

“พี่ซู ในใจของต่งหยวนจงคนนี้เห็นพี่เป็นพี่ชายแท้ ๆ นะ พี่ไม่ต้องการผมไม่ได้นะ!”

สิ้นประโยค เขาก็ร้องไห้ออกมา

เสี่ยวหยวนตะลึงงัน เกิดอะไรขึ้น?

คนบ้านซูสำคัญกับหัวหน้าขนาดนั้นเลยหรือ?

ไม่สิ ต่อให้สำคัญมาก แล้วทำไมไม่เคยมาเยี่ยมเยียนเลย?

แม้แต่ของขวัญก็ยังไม่มี?

“พี่สะใภ้ พวกเราเพิ่งมาเมืองหลวงไม่นานเลยไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ช่วงนี้จึงไม่กล้ามาหาพี่ กลัวจะทำให้พี่ลำบากค่ะ!”

ฟ่านชูฟางเอ่ยอย่างคลุมเครือ แต่ตรงนี้มีคนฉลาดอยู่เต็มไปหมด มีหรือจะไม่เข้าใจ?

ผ่านมาตั้งหลายปี ไม่รู้มีพวกเสือสิงห์กระทิงแรดแบบไหนบ้าง?

ถึงเขาจะกลับมา แต่ก็คิดไว้แล้วว่ามันไม่ได้สงบสุขแบบนั้นหรอก

ที่เว้นระยะห่างก็เพื่อป้องกันเอาไว้

คุณย่าซูถอนหายใจ

เสี่ยวเถียนมองต่งหยวนจงด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้

ชายผู้ไร้ความปรานียามอยู่ในสนามรบตอนนี้กำลังร้องไห้เหมือนคนโง่เลย

บอกไปใครจะเชื่อ?

แต่มันคือเรื่องจริงน่ะสิ

ต่งหยวนจงทั้งในชาติก่อนจนถึงชาตินี้ ผู้ที่ได้รับการขนานนามว่า ‘ชายผู้ไร้ความปรานี’ กำลังร้องไห้!

หัวใจที่แสนเย็นชาของคุณปู่ซูอ่อนลงเล็กน้อย

เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูง เข้าใจเหตุผลที่คนเขาไม่สมรู้ร่วมคิดกันแล้วล่ะ

แต่ดูต่งหยวนจงในตอนนี้สิ…

“พี่ซูอย่ากล่าวโทษผมเลยนะ มันเป็นเพราะเสี่ยวหยวนนั่นแหละ วันนี้ผมจะส่งเขากลับไป ไม่ต้องการแล้ว!”

ต่งหยวนจงไม่รู้ว่าตนร้อนรนอยู่หรือกำลังคิดแบบนั้นจริง ๆ จึงเอ่ยออกมา

เสี่ยวหยวนตะลึงงัน หมายความว่ายังไง?

ไม่ต้องการเขาแล้ว?

เขาแค่พูดเพื่อปกป้องหัวหน้าไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงไม่ต้องการเขาแล้วล่ะ

“หัวหน้า ผมทำเพื่อเพื่อประโยชน์ของท่านนะครับ”

เสี่ยวหยวนรู้สึกผิดมาก

ปู่ของเขาเป็นอดีตลูกน้องของหัวหน้า เพราะงั้นจึงมีโอกาสได้อยู่เคียงข้างท่าน

เดิมทีก็อยากจะตั้งใจทำงานสักสองสามปี จากนั้นก็ค่อยสร้างอนาคตดี ๆ ของตัวเอง

แต่ตอนนี้หลังจากพูดไปไม่กี่ประโยค ท่านหัวหน้าจะส่งเขากลับไป?

ไม่ได้การ แบบนี้ไม่ได้การแล้ว! ถ้าท่านส่งเขากลับ คุณปู่ได้ทุบเขาตายแน่!

แต่ต่งหยวนตงไม่ฟังเสี่ยวหยวนพูดต่อ

เพราะภายในใจของเขามีแต่คนบ้านซู

สูญเสียพวกเขาไปก็เหมือนสูญเสียความสดใสในชีวิต

เขาสูญเสียอะไรไปเท่าไรก็ได้ แต่จะเสียแสงสว่างไปไม่ได้

“เพื่อประโยชน์ของฉัน? แกก็เลยใช้ความไม่รู้ของตัวเองมาอ้างว่าทำเพื่อฉันงั้นหรือ? เสี่ยวหยวน ที่แกอยู่ข้างฉันเพราะฉันเห็นแก่ปู่ของแก แต่ตอนนี้…”

ต่งหยวนจงไม่ได้พูดถ้อยคำที่ทำร้ายจิตใจต่อ แต่ความหมายของเขาชัดเจน

ทว่ามีเพียงฟ่านชูฟางที่รู้ วันนี้เสี่ยวหยวนโชคดี

หลายปีมานี้ อารมณ์ต่งหยวนจงดีขึ้นเยอะ

ถ้าเป็นเมื่อสิบปีที่แล้ว สามีจะเอาชนะเด็กคนนี้ได้ทันที จากนั้นก็จะโยนออกจากบ้านไปเลย

“พวกเขามีอะไรดีครับ? สนิทได้เท่าผมกับท่านหรือเปล่า?” เสี่ยวหยวนทนไม่ไหวจนต้องร้องไห้ออกมาเหมือนกัน!

“แกต้องรู้บ้างนะว่ามีบางคนที่แกไม่มีทางเทียบเคียงเขาได้เลย แล้วก็ไม่ต้องมาบอกด้วยนะว่าแกเพิ่งจะอยู่กับฉันแค่ไม่กี่เดือน ต่อให้แกอยู่มาสิบแปดปี ก็ไม่อาจเทียบกับคนบ้านซูที่ไม่ได้พบหน้ากันมาสิบแปดปีได้เลย!” ต่งหยวนจงกล่าวอย่างหนักแน่น

คนบ้านซูไม่เชื่อวว่าสิ่งที่ต่งหยวนจงพูดจะเป็นความจริง

แต่ฟ่านชูฟางรู้

เธอรู้จักเหล่าต่งมายี่สิบปีแล้ว และช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เธอได้ยินมาตลอดถึงสิ่งที่ตระกูลซูช่วยเหล่าต่งไว้ในตอนนั้น

เหล่าต่งพูดเองเลยว่า ในปีนั้นเขาตกลงไปในหลุม ปีนออกมาไม่ได้ และกำลังจะถูกฝังในไม่ช้า

การปรากฏตัวของพี่ซูทำให้เขาได้ปีนออกจากหลุม จากนั้นก็มีอนาคตอันสดใส

นั่นแหละคือผู้ช่วยชีวิต!