ตอนที่ 475 ความสงสัยของเถาจืออวิ๋น

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 475 ความสงสัยของเถาจืออวิ๋น

เถาจืออวิ๋นขบริมฝีปาก แล้วพูดขึ้น “ฉันไม่สะดวกที่จะบอกขอบคุณหัวหน้าหลูเอง ก็เลยอยากให้พี่ชายพี่สะใภ้ช่วยไปขอบคุณเขาแทนฉันหน่อยน่ะค่ะ”

ผู้อาวุโสทั้งสองยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่

แม่เถาพูด “ถึงลูกจะไม่ได้ทำงานที่โรงงานแล้ว แต่ลูกกับหัวหน้าหลูก็ยังมีความสัมพันธ์เป็นเพื่อนร่วมงานกัน ลูกไปขอบคุณเขาด้วยตัวเองจะไม่สะดวกได้ยังไง?”

พ่อเถาขมวดคิ้วถาม “หรือว่าภรรยาของหัวหน้าหลูเป็นคนขี้หึงมากเหรอ? ลูกถึงต้องหลีกเลี่ยง?”

เถาจืออวิ๋นรู้สึกว่าไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีขึ้นมา “ภรรยาของหัวหน้าหลูเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ถึงจะขี้หึงไหมก็ไม่มีผลกระทบอะไรกับฉันหรอกค่ะ”

แม่เถาทำท่าทางเหมือนเพิ่งเข้าใจขึ้นมา “อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว ลูกกลัวว่าพวกลูกคนหนึ่งหย่าร้างมา อีกคนก็เป็นพ่อหม้าย ถ้าลูกไปขอบคุณเขาที่บ้าน จะถูกคนอื่นเอาไปนินทาได้สินะ? งั้นพ่อกับแม่จะไปขอบคุณหัวหน้าหลูแทนลูกเองแล้วกัน จำเป็นต้องให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ของลูกออกหน้าหรอก”

เถาจืออวิ๋นรีบพูด “พ่อแม่ไปไม่ได้นะ พี่ชายกับพี่สะใภ้ไปเหมาะสมที่สุดแล้ว”

ผู้อาวุโสทั้งสองถามอย่างแปลกใจ “ทำไมล่ะ?”

เถาจืออวิ๋นลังเลเล็กน้อย แล้วจึงเล่าเรื่องที่หัวหน้าหลูตามจีบหล่อนให้พ่อแม่ฟัง

เดิมทีหัวหน้าหลูก็พยายามเอาชนะหล่อนอยู่แล้ว ถ้าพ่อแม่ไปหาเขาถึงบ้านอีก เถาจืออวิ๋นนั้นกลัวเหลือเกินว่าเขาจะพูดพล่ามอะไรที่ไม่เป็นประโยชน์กับหล่อนออกมา

ตัวหล่อนยิ่งไม่อยากไปถึงบ้านเขาด้วยตัวเอง มีแต่ให้พี่ชายพี่สะใภ้ไปจึงเหมาะสมที่สุด

แม่เถาได้ยินก็ดีใจอย่างมาก “หัวหน้าหลูอยากจะจีบลูกเหรอ? รูปร่างหน้าตาเขาเป็นยังไง? ฐานะทางบ้านเป็นยังไง? พ่อแม่เขารักกันดีไหม? ถ้าเงื่อนไขพวกนี้ไม่ย่ำแย่นัก ลูกก็ลองคบกับเขาดูก่อน ผู้ชายคนหนึ่งที่กล้ายืนหยัดในสิ่งถูกต้องเพื่อลูก อย่างน้อยคุณสมบัตินี้ก็ไม่มีข้อโต้แย้ง”

เถาจืออวิ๋นเบิกตาอ้าปากค้างมองไปยังแม่ของตน “แม่คะ แม่เห็นว่าเรื่องมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ? เขากล้ายืนหยัดในสิ่งถูกต้องเพื่อฉัน ก็ถือว่าคุณสมบัติของเขาพอใช้ได้แล้วเหรอคะ?”

แม่เถาเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “แล้วแม่พูดไม่ถูกงั้นเหรอ? ใช่ว่าทุกคนจะมีความกล้าหาญยืนหยัดในคุณธรรมกันหมด กลัวจะนำความวุ่นวายมาถึงตัวทั้งนั้น ลูกดูที่หัวหน้าหลูกล้าทำลงไปเพื่อลูกสิ เขาออกแรงมากไปจนตีเจ้าสารเลวหม่าเทานั่นหัวแตกสลบไป โชคดีที่ไม่ได้ตีคนจนพิการปางตาย ไม่อย่างนั้นคงไม่จบเรื่องแค่จ่ายค่ารักษาพยาบาลนิดหน่อยหรอก น่ากลัวว่าคงได้ลงเอยด้วยการติดคุกแล้ว”

พ่อเถาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

เถาจืออวิ๋นถอนหายใจด้วยความไม่สบายใจจุกอก แล้วเอ่ยอย่างอดทนอดกลั้น “พ่อ แม่ เวลาพวกท่านมองคนมองเรื่องราวจะมองแต่ภายนอกไม่ได้นะคะ”

พ่อเถานั้นอย่างไรก็เป็นคนที่รับราชการมานานหลายปี จึงฟังเจตนาในคำพูดของลูกสาวของในทันที

เขาถามอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “ทำไมเหรอ? หัวหน้าหลูช่วยลูกด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์งั้นเหรอ?”

เถาจืออวิ๋นพูดอย่างช้าๆ ชัดๆ “ฉันสงสัยว่า ที่หัวหน้าหลูช่วยฉันนั้น เขาไม่ได้ออกแรงมากเกินไป แต่จงใจทำค่ะ”

พ่อเถาแม่เถาแสดงสีหน้าตะลึงงัน แล้วถาม “ลูกดูออกได้ยังไง?”

เถาจืออวิ๋นพูด “อย่าว่าแต่ตอนนั้นที่หม่าเทายังไม่ทันได้ทำอะไรรุนแรงกับฉันเลย ต่อให้ทำ หัวหน้าหลูใช้ท่อนไม้หวดเขาจากด้านหลังสักสองสามทีก็ไล่ตะเพิดเขาไปได้แล้ว จำเป็นต้องเล็งฟาดที่หัวเขา ตีให้เขาหัวแตกเลือดอาบด้วยเหรอ? หรือว่าเขาไม่รู้ว่าการตีที่หัวนั้นทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย?”

พ่อเถาแม่เถาใคร่ครวญในใจ ก็รู้สึกว่าหัวหน้าหลูช่วยลูกสาวของตนด้วยเจตนาอื่นขึ้นมาเหมือนกัน

เถาจืออวิ๋นเอ่ยวิเคราะห์ต่อ “ฉันเดาว่าที่เขาทำแบบนั้น ก็เพื่อให้ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นห่วงฉันมาก เป็นห่วงมากจนแม้แต่สติสตังก็หลุดหายไปหมด ลงมือไปหนักเบาเท่าไรก็ยังไม่รู้”

พ่อเถาพูดอย่างโมโห “ไอ้เจ้าสกุลหลูนี่หน้าเนื้อใจเสือเกินไปแล้ว เขามายืนหยัดทำในสิ่งถูกต้องขนาดนี้ จะต้องลือกันไปทั่วทั้งโรงงานและในหมู่บ้านแน่ๆ ถึงตอนนั้นเขาจะตามจีบลูกอีก ลูกก็ปฏิเสธเขาได้ยากแล้ว ถ้าลูกปฏิเสธเขา คนอื่นจะต้องว่าลูกไร้น้ำใจแน่”

เถาจืออวิ๋นพูดอย่างหงุดหงิด “ที่ฉันกังวลก็คือเรื่องนี้นี่แหละค่ะ ก็เลยอยากให้พี่ชายพี่สะใภ้ช่วยออกหน้าให้ ใช้โอกาสในการขอบคุณหัวหน้าหลูนี้เตือนเขา ให้เขาไม่สามารถพยายามเอาชนะฉันได้”

แม่เถาโบกมืออย่างมีแผนการอยู่ในใจ “จำเป็นต้องให้พี่ชายพี่สะใภ้ลูกออกหน้าให้วุ่นวายขนาดนั้นที่ไหนกัน แค่ไปพบกับคู่ดูตัวที่น้าหลี่แนะนำให้ลูกคนนั้นสักครั้ง ทั้งสองสร้างความสัมพันธ์กัน เจ้าสกุลหลูนั่นก็ไม่สามารถวางอุบายเอาชนะลูกได้อีกแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่เพียงแต่ทำให้เจ้าสกุลหลูนั่นไม่สามารถตามตื๊อได้อีกเท่านั้น แม้แต่ไอ้สารเลวหม่าเทานั่นเองก็ไม่กล้าตามราวีลูกด้วย”

เถาจืออวิ๋นมองแม่ของตนอย่างเอือมระอา “แม่~ แม่ยังไม่ยอมตัดใจอีกเหรอคะเนี่ย!”

หลายวันมานี้ แม่เถาไม่ได้บังคับให้หล่อนดูตัวอีกเลย เถาจืออวิ๋นก็นึกว่ามารดาจะปล่อยหล่อนไปแล้วเสียอีก

ไม่นึกว่านางจะยังนึกถึงผู้ชายที่นางคิดว่าสุดจะสมบูรณ์แบบคนนั้นอยู่ในใจตลอด

พ่อเถาพูดกับแม่เถาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เสี่ยวหลินก็มาถึงบ้านเรา ตั้งใจกำชับเราแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าถ้าจืออวิ๋นไม่อยากดูตัว เราก็อย่าไปบังคับหล่อน ทำไมคุณถึงคิดอยากจะให้หล่อนไปดูตัวอีกล่ะ แต่ได้เจอหน้าครั้งเดียวก็ตัดสินใจจะให้สานสัมพันธ์แล้ว คุณรีบร้อนจะให้ลูกสาวแต่งงานใหม่ขนาดนั้นเชียวเหรอ?”

แม่เถานั่งลงบนโซฟาอย่างไม่เป็นตัวของตัวเองพลางบิดตัวเล็กน้อย พูดอย่างเก้อๆ “ก็เพราะฉันไม่อยากให้จืออวิ๋นถูกเจ้าขยะสกุลหลูนั่นมาพัวพันไม่ใช่หรือไง?”

เถาจืออวิ๋นยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกว่าผิดปกติ “เมื่อกี้นี้พ่อพูดว่าอะไรนะคะ? ม่ายจื่อเคยมาที่บ้านพ่อแม่ แล้วยังโน้มน้าวให้พวกท่านอย่าบังคับฉันไปดูตัวด้วยเหรอคะ?”

แม่เถาถลึงจาใส่พ่อเถาอย่างดุร้าย “ตาแก่นี่ เสี่ยวหลินให้เราเก็บเป็นความลับ แต่คุณกลับพูดออกมาเสียได้!”

พ่อเถาเกาศีรษะอย่างเขินอาย “ฉัน…ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ก็แค่หลุดปากพูดไปเพราะความร้อนใจเท่านั้นเอง”

เขาพูดเปลี่ยนเรื่อง “เลิกพูดเรื่องนี้กันก่อน เรื่องที่เร่งด่วนที่สุด คือจะแก้ไขปัญหาของลูกสาวเรายังไง”

แม่เถากลอกตา “จืออวิ๋นก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าให้พี่ชายพี่สะใภ้ของหล่อนช่วยออกหน้าไปเตือนเจ้าสกุลหลูนั่น”

ว่าแล้วนางก็หันกลับมาพูดกับเถาจืออวิ๋น “เรื่องนี้ที่จริงไม่จำเป็นต้องหาพี่ชายพี่สะใภ้ของลูกจริงๆ แม่กับพ่อของลูกก็จัดการให้ได้”

“พ่อกับแม่ห้ามไปถึงบ้านของหัวหน้าหลูเด็ดขาดเลยนะคะ” เถาจืออวิ๋นเอ่ยขัดขวาง “พวกท่านผู้อาวุโสสองคนไปหาเขาถึงบ้าน นั่นจะไม่เป็นการให้เกียรติเขาไปเหรอคะ! นอกจากนี้ฉันยังกังวลว่า พ่อกับแม่ไปหาหัวหน้าหลูถึงบ้านเพื่อจะเตือนเขาไม่ให้ตามตื๊อฉันแท้ๆ แต่พอกลับมาถ้าบอกว่า พวกท่านพอใจเขา อยากจะจับคู่ฉันกับเขาขึ้นมาจะทำยังไง? แบบจะไม่ยิ่งทำให้เขามีเหตุผลที่จะตามจีบฉันขึ้นไปอีกหรอกเหรอ?”

แม่เถาเบิกตากว้างแล้วพูด “ถ้าเขากล้าพูดเหลวไหล แม่กับพ่อลูกจะเผชิญหน้ากับเขาต่อหน้าสาธารณะชนเลย!”

เถาจืออวิ๋นแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “เผชิญหน้าแล้วยังไงต่อคะ? คนอื่นเขาจะไม่พูดว่า พวกท่านไปสู่ขอกันถึงที่ แต่ตอนนี้ไม่ยอมรับ ก็เพราะว่าฉันไม่เห็นด้วยหรอกเหรอ”

แม่เถาสีหน้าหม่นหมองนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนขมวดคิ้วนิ่วหน้าพูด “ถ้าเป็นตามที่ลูกพูด ถึงพี่ชายพี่สะใภ้ของลูกไปเตือนเจ้าสกุลหลูนั่นไปก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน เขาก็สามารถแพร่ข่าวลือไปว่า พี่ชายพี่สะใภ้ของลูกไปสู่ขอถึงบ้านเขา แต่เพราะลูกไม่ยินยอมถึงได้เปลี่ยนใจ ถึงตอนนั้นลูกก็ยังถูกคนอื่นนินทาลับหลังอยู่ดี”

“พี่ชายกับพี่สะใภ้ต่างก็ใช้เครื่องบันทึกเสียงเป็นทั้งนั้น ฉันขอยืมเครื่องบันทึกเสียงขนาดเล็กจากม่ายจื่อให้พี่ชายกับพี่สะใภ้แอบพกติดตัวไปที่บ้านหัวหน้าหลูก็ได้ แอบบันทึกเนื้อหาการสนทนาของทั้งสองฝ่ายเอาไว้ ขอแค่หัวหน้าหลูกล้าปล่อยข่าวลือ เราก็จะเปิดเผยเสียงที่บันทึกไว้ทันที”

เมื่อนั้นพ่อเถาแม่เถาถึงเข้าใจว่าทำไมลูกสาวถึงยืนกรานจะให้พี่ชายพี่สะใภ้ช่วยออกหน้าให้หล่อน

ก็เพื่อให้พวกเขาใช้เครื่องบันทึกเสียงอัดเสียงเอาไว้

แต่คนแก่อย่างพวกเขาถึงจะมีความรู้การศึกษาแค่ไหน ก็ใช้เครื่องบันทึกเสียงไม่เป็น แต่ต่อให้ใช้เป็นก็อัดได้ไม่ดี ไม่เหมือนกับคนหนุ่มสาวที่สามารถใช้เครื่องมืออิเล็คทรอนิกส์ได้อย่างง่ายดาย

พ่อเถาแม่เถาเห็นพ้องต้องกันว่าลูกชายคนโตและลูกสะใภ้คนโตทำอะไรสุขุมรอบคอบ จึงตัดสินใจมอบหมายให้กับลูกชายคนโตสองสามีภรรยา

ตอนกลางคืนฉีฉีสองแม่ลูกก็ค้างคืนที่บ้านพ่อเถาแม่เถา

ตอนเถาจืออวิ๋นอาบน้ำให้ฉีฉีที่บ้าน ก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ลูกรัก บอกกับแม่หน่อยสิ ว่าลูกพูดโกหกได้เป็นเรื่องเป็นราวได้ยังไง ใครสอนมาเหรอ?”

แม้จะบอกว่าฉีฉีพูดโกหกเพื่อช่วยหล่อนที่โรงพยาบาล แต่เถาจืออวิ๋นก็ไม่อยากให้เขาพูดโกหกหน้าตายเสียตั้งแต่อายุยังน้อย

หล่อนอยากจะแก้ไขนิเสียไม่ดีในการพูดโกหกของเขาให้ถูกต้อง

ฉีฉีเงยหน้าน้อยๆ ขึ้น แล้วมองเถาจืออวิ๋นอย่างใสซื่อไร้เดียงสา “เรียนมาจากฮีโร่น้อยครับ”

เถาจืออวิ๋นมองเขาด้วยสีหน้าสงสัย แล้วทวนคำพูดของเขาอีกครั้ง “เรียนมาจากฮีโร่น้อย? ฮีโร่น้อยที่ไหนกันจ๊ะ?”

เจ้าตัวน้อยขมวดคิ้ว “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นฮีโร่น้อยจากไหน รู้แต่ว่าเป็นฮีโร่น้อยคนหนึ่งที่คุณครูเคยเล่าครับ ฮีโร่น้อยคนนี้ถูกคนร้ายจับตัวเอาไว้ ให้เขานำทางไปหากองกำลัง ฮีโร่น้อยพูดโกหกกับคนร้ายไปตลอดทาง จนหลอกให้คนร้ายถึงเขตกับระเบิด ทำให้พวกเขาเหยียบโดนกับระเบิดตายครับ”

เถาจืออวิ๋นพูดอย่างเข้าใจขึ้นมา “หนูพูดโกหกกับคุณลุงตำรวจเพื่อปกป้องแม่ใช่ไหมจ๊ะ?”

ฉีฉีพยักหน้า โผเข้าสู่อ้อมกอดของเถาจืออวิ๋นแล้วพูดเสียงสะอึกสะอื้น “ผมไม่ต้องการคุณพ่อ และยิ่งไม่อยากให้แม่ร้องไห้อีกแล้วครับ”

เถาจืออวิ๋นโอบกอดเขาเอาไว้แน่น “แม่หย่ากับพ่อแล้วจ้ะ จะไม่มีใครทำให้แม่เสียใจร้องไห้อีกต่อไปแล้ว”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ในเมื่อลูกไม่อยากมีคู่ใหม่ ก็อย่าบังคับคลุมถุงชนให้ลูกเลย จงถามตัวเองว่าทำไปเพื่อความสุขของลูกหรือทำไปเพื่อความสุขของตัวเองกันแน่

ไหหม่า(海馬)