ตอนที่ 426 โชคดี

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 426 โชคดี

ก่อนซือหม่าผิงจะออกเดินทาง ท่านปู่ของเขากำชับเอาไว้ว่าให้เขาตามติดหลู่หยวนเผิงเอาไว้เพราะหลู่เซียงต้องลอบส่งคนติดตามมาคุ้มครองหลู่หยวนเผิงแน่ เช่นนี้เขาจะพลอยได้รับการคุ้มครองไปด้วย

อีกอย่างซือหม่าผิงไม่ไว้ใจให้หลู่หยวนเผิงเดินทางไปสนามรบที่เป่ยเจียงคนเดียวจริงๆ

แม้ซือหม่าผิงจะดูสนิทสนมกับทุกคนในเมืองหลวง ทว่า คนที่ซือหม่าผิงเห็นเป็นสหายจริงๆ มีเพียงหลู่หยวนเผิงที่หลอกง่ายและไม่ค่อยฉลาดผู้นี้เท่านั้น เขาไม่อยากเสียสหายคนนี้ไป

ระยะทางไปเป่ยเจียงไกลมาก หากเขาไม่ตามไปด้วยหลู่หยวนเผิงอาจถูกหลอกโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว

เมื่อคิดได้ดังนี้ ซือหม่าผิงจึงถือเสื้อผ้าเดินไปเปลี่ยนที่หลังต้นไม้ สลัดคราบคุณชายเจ้าสำราญทิ้งจนไม่เหลือ

หลู่หยวนเผิงมองดูซือหม่าผิงที่แต่งกายด้วยชุดมอมแมมเหมือนกับตนแล้วยกมืออุดปากหัวเราะออกมา

เมื่อเห็นว่าม้าและสัมภาระของตัวเองหายไป เหลือเพียงดาบซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของหลู่หยวนเผิง ซือหม่าผิงจึงถามขึ้น “ม้าและสัมภาระของข้าเล่า”

“อ้อ…ข้าเห็นขอทานสองคนจึงให้พวกเขาไปแล้ว!”

ซือหม่าผิงสูดหายใจลึก หลับตาข่มความโกรธของตัวเอง

“หยวนเผิง ในสัมภาระนั่นมีค่าใช้จ่ายของพวกเราอยู่ตั้งห้าร้อยตำลึงเชียวนะ…”

หลู่หยวนเผิงตะลึง กระแอมออกมาเบาๆ จากนั้นเอ่ยขึ้น “แหม พวกเราไปเข้าร่วมกองทัพ เดินทางไปกับกองทัพ พวกเขาจะปล่อยให้เราอดตายหรืออย่างไรกัน! แค่ดูก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้อยากเข้าร่วมกองทัพจากใจจริง เจ้าคิดว่าพวกเราแต่งกายเป็นชาวบ้านธรรมดาเช่นนี้ หากพกเงินห้าร้อยตำลึงจะเหมาะสมอย่างนั้นหรือ ไม่มีประสบการณ์เลยจริงๆ รีบไปเถิด…”

“ได้!” ซือหม่าผิงกำชายเสื้อของตัวเองแน่นด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถึงเวลานั้นเจ้าอย่าร้องไห้ก็แล้วกัน!”

กองทัพต้าจิ้นไม่เหมือนกองทัพไป๋ หากไม่มีเงินซื้อความสะดวกสบาย อีกทั้งไม่เปิดเผยฐานะของตัวเอง พวกนั้นต้องให้พวกเขาทำงานที่สกปรกที่สุดแน่นอน ถึงเวลานั้นหวังว่าหลู่หยวนเผิงจะอดทนได้ก็แล้วกัน

ซือหม่าผิงไปที่โรงจำนำในตัวเมือง นำเสื้อที่เพิ่งเปลี่ยนไปจำนำ จากนั้นมุ่งหน้าไปยังเมืองทางเหนือพร้อมกับหลู่หยวนเผิง

ผู้ใดจะคิดว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าว พวกเขาก็ถูกคุณชายเจ้าสำราญที่ปกติกินดื่มด้วยกันจำได้เสียก่อน พวกนั้นลงมาจากหลังม้า ห้อมล้อมหลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงแล้วหัวเราะจนตัวงอ

“พวกเจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่!”

“ปลอมตัวไปเข้าร่วมกองทัพ!” หลู่หยวนเผิงตอบอย่างแน่วแน่ “ไปขับไล่สุนัขต้าเหลียงออกไปจากเป่ยเจียง”

เหมือนจะถูกอารมณ์ของหลู่หยวนเผิงพาไป บรรดาคุณชายเจ้าสำราญต่างลงมาจากหลังม้า พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าหลู่หยวนเผิงจะเลือดร้อนถึงเพียงนี้ หนึ่งในนั้นคิดแล้วก็ตะโกนขึ้นด้วยใจที่พุ่งพล่าน

“นี่ๆ ปกติพวกเราเล่นสนุกอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว ไปเข้าร่วมกองทัพด้วยดีหรือไม่!”

“อย่าล้อเล่น พวกข้าไปเข้าร่วมกองทัพ! ไม่ได้ไปเที่ยวเล่น” หลู่หยวนเผิงยืดอก

“เจ้ากล่าวเช่นนี้ยิ่งทำให้ข้าอยากไปมากขึ้น! ทุกคน ขนาดคนที่ชอบเล่นสนุกที่สุดอย่างหลู่หยวนเผิงยังไปเข้าร่วมกองทัพ พวกเราจะเที่ยวเล่นอยู่ในเมืองหลวงได้อีกหรือ! พวกเราก็ไปด้วยเถิด เมื่อขับไล่ทหารต้าเหลียงออกไปจากแคว้นได้ พวกเราค่อยกลับมาฉลองกัน เช่นนี้จะได้มีประสบการณ์มาเล่าอวดสาวงามแล้ว”

“กล่าวง่ายเสียจริง ท่านปู่ท่าน พ่อท่าน แม่ของพวกเจ้าอนุญาตให้พวกเจ้าไปแล้วหรือ”

ซือหม่าผิงยกมือกอดอกเลิกคิ้วยิ้มน้อยๆ

“พวกเจ้าสองคนทำให้พ่อแม่ของพวกเจ้ายอมตกลงได้อย่างไรกัน” คุณชายเจ้าสำราญคนหนึ่งถามขึ้น

“ง่ายนิดเดียว แอบไปอย่างไรเล่า! ปลอมตัวไป ข้าคือหวังซาน ซือหม่าผิงนามว่าหม่าซาน!”

หลู่หยวนเผิงหัวเราะออกมา

“พวกข้าก็แอบไปได้เหมือนกัน ครั้งนี้ทางการประกาศว่าไม่ว่าผู้นั้นก็สามารถเข้าร่วมกองทัพได้ แม้แต่ขอทานก็ได้! หากพวกเราปลอมตัวเป็นคนเร่ร่อน ไม่แน่พวกเขาอาจหาที่ลงหลักปักฐานให้พวกเราด้วยก็ได้ ข้ามีนามว่าหลี่ซานก็แล้วกัน!”

“พวกเจ้าไปเอาเสื้อผ้าเหล่านี้มาจากที่ใด”

“นั่นสิ ไปเอามาจากที่ใด พวกข้าจะหามาใส่บ้าง”

“ข้านามว่าอวี๋ซานแล้วกัน”

กลุ่มคุณชายเจ้าสำราญหัวเราะเฮฮา อาจเป็นเพราะความวู่วามชั่ววูบหรือเพราะอยากเล่นสนุกกับหลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิง พวกเขาจึงเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและรองเท้าเป็นแบบชาวบ้านธรรมดาจริงๆ จากนั้นทุกคนก็มุ่งตรงไปยังค่ายทหารเพื่อเข้าร่วมกองทัพ

เมื่อหลู่เซียงเข้าร่วมการว่าราชการตอนเช้าเสร็จก็ได้ยินว่ากลุ่มคุณชายเจ้าสำราญโดยมีหลู่หยวนเผิงเป็นแกนนำสวมเสื้อผ้าแบบชาวบ้านธรรมดาเดินทางไปสมัครเข้าร่วมกองทัพเพื่อไปรบที่เป่ยเจียง ขมับของหลู่เซียงเต้นรัว

เขากำชับให้หลู่หยวนเผิงแอบไปอย่างลับๆ แล้วแท้ๆ เหตุใดถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้!

บัดนี้ทุกคนในเมืองหลวงต่างรับรู้แล้วว่ากลุ่มคุณชายเจ้าสำราญไปเข้าร่วมกองทัพ

หลายชายของเขาคนนี้ไม่เคยได้เรื่องเลยสักครั้ง ทำสิ่งใดเกินความคาดหมายอยู่ตลอดเวลา เขารู้สึกปวดหัวเป็นที่สุด

ทว่า เมื่อคิดดูให้ดีเป็นเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน กลายเป็นเรื่องใหญ่ ฮ่องเต้จะได้ไม่ทรงคิดว่าเขาเป็นคนส่งหลานชายไปเข้าร่วมกองทัพเพื่อจุดประสงค์แอบแฝง แต่หลู่หยวนเผิงก่อเรื่องแอบพาบรรดาคุณชายเจ้าสำราญไปเข้าร่วมกองทัพเอง พวกเขาอยากเข้าร่วมกองทัพจิ้นเพื่อขับไล่ต้าเหลียงออกไปจากแคว้นต้าจิ้น เมื่อฮ่องเต้ทรงทราบต้องดีพระทัยอย่างแน่นอน

โชคดีที่หลู่หยวนเผิงไม่ได้ป่าวประกาศว่าจะเดินทางไปเป่ยเจียงเพื่อติดตามพี่สาวไป๋ มิเช่นนั้นฮ่องเต้ต้องหวาดระแวงแน่นอน

หลู่เซียงยกชาขึ้นจิบ เม้มปากเล็กน้อยพลางถอนหายใจยาว

หลู่หยวนเผิงเป็นคุณชายเจ้าสำราญที่ขึ้นชื่อที่สุดในเมืองหลวง ฮ่องเต้ย่อมไม่ใส่พระทัยเรื่องที่เขาไปเข้าร่วมกองทัพแน่ ได้แต่หวังว่าหลานชายของเขาจะมีความอดทน ไม่หนีกลับมาเพราะทนความลำบากไม่ไหว หากเขาสร้างผลงานในกองทัพขึ้นมาได้ก็ถือเป็นโชคดีของตระกูลหลู่

“นายท่าน! แย่แล้วขอรับ! หัวหน้าหน่วยตรวจเมืองฟ่านอวี๋ไหวมาร้องไห้อยู่หน้าจวน ขอร้องให้ท่านช่วยโน้มน้าวคุณชายหยวนเผิงว่าอย่าพาบุตรชายคนเดียวของเขาไปออกรบที่เป่ยเจียงเลยขอรับ หากมารดาของใต้เท้าฟ่านรู้เขาต้องเอาเขาตายแน่ขอรับ!”

“นายท่าน แย่แล้วขอรับ! นายท่านโซ่วซานกงมาขอร้องให้คุณชายหยวนเผิงคืนหลายชายคนสุดท้องให้เขาที่จวนด้วยตัวเองขอรับ…”

มือที่ถือน้ำชาของหลู่เซียงสั่นระริก เขารีบลุกขึ้นยืน “รีบเชิญโซ่วซานกงและใต้เท้าฟ่านเข้ามา”

ไป๋ชิงเหยียนขี่ม้าตามหลิวหงไปยังแม่น้ำหลงหมู่ซึ่งอยู่ระหว่างเมืองหลงหยางและค่ายทหารต้าเหลียงเพื่อรอพบสวินเทียนจาง

วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้ม ลมพัดแรง

ไม่นาน สวินเทียนจางซึ่งยืนอยู่บนรถม้าศึกก็มาถึง จ้าวเซิ่งขี่ม้านำกองทัพยอดฝีมือติดตามมาด้วย

หลิวหงให้คนนำศีรษะของทหารกองทัพจ้าวที่บุกเข้าไปในเมืองหลงหยางเมื่อคืนไปให้สวินเทียนจาง กล่าวยิ้มๆ

“หากแม่ทัพสวินอยากรู้สถานการณ์ของกองทัพต้าจิ้น ไม่จำเป็นต้องส่งคนมาสืบให้ยุ่งยากเช่นนี้หรอก ท่านสอบถามข้าและแม่ทัพไป๋ได้เลย หลิวหงจะบอกอย่างหมดเปลือกแน่นอน”

ก่อนมาที่นี่ ไป๋ชิงเหยียนกำชับเขาแน่นหนาว่าเขาต้องแสดงท่าทีแข็งกร้าว ต้องทำให้กองทัพต้าเหลียงเห็นว่าต้าจิ้นกระหายอยากทำสงคราม ต้าเหลียงถึงจะเชื่อว่ากองกำลังเสริมของต้าจิ้นเดินทางมาถึงแล้ว

สายตาของสวินเทียนจางหยุดอยู่ที่ศีรษะของทหารกองทัพจ้าว เขาจับที่พิงแขนบนรถม้าศึกแน่น มองดูไป๋ชิงเหยียนซึ่งสวมชุดเกราะสีเงินนั่งอยู่บนหลังม้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย

ดูเหมือนว่ากองกำลังเสริมของต้าจิ้นจะมาถึงแล้วจริงๆ พวกเขาจึงมีท่าทีแข็งกร้าวถึงเพียงนี้ มิเช่นนั้นพวกเขาต้องมีท่าทีลังเลเหมือนแม่ทัพจางตวนรุ่ยแน่นอน