ตอนที่ 325 ช่วยชีวิตต้นไม้อาจารย์ป้า! (1)
ในห้องที่เตี้ยและมืดมิด เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยได้พาหลี่ฉางโซ่วมาที่นี่ หลังจากค้นหาอยู่สักพัก เขาก็หยิบหยกชิ้นหนึ่งออกมาแล้วร่ายเวทบนหยกอย่างชำนาญ
ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีถ้อยคำเล็กๆ สองสามบรรทัดปรากฏขึ้นมาบนพื้นผิวหยก…
เมื่อดูข้อมูลที่แสดงบนหยก หลี่ฉางโซ่วก็รู้สึก…โล่งใจในทันที
โชคดีที่อาจารย์ป้าผู้นี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับต้นไม้วิญญาณของเขา!
แค่กๆ เขายังคงกังวลอยู่แม้จะมีโอกาสเช่นนั้นเกิดขึ้นน้อยมาก
ยิ่งไปกว่านั้น ความคิดนั้นก็ไร้สาระ
ทว่าก่อนหน้านี้ หลี่ฉางโซ่วยังกังวลเล็กน้อยว่า อาจารย์ป้าจะกลับชาติมาเกิดใหม่เป็นหนึ่งในท่ามกลางต้นไม้โบราณที่เขาเลี้ยงเอาไว้ ซึ่งบังเอิญว่า เขาฟันไปแล้ว บัดนี้ เมื่อได้เห็นบันทึกของแดนยมโลกว่า การกลับชาติมาเกิดของอาจารย์ป้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา เขาจึงไม่กังวลอะไรอีกต่อไป!
นางได้กลับชาติมาเกิดในโลกมหาตรีสหัสโลกธาตุ!
หลี่ฉางโซ่วมองอย่างระมัดระวังอยู่ชั่วขณะหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าเขาจำถ้อยคำได้ถูกต้องแล้ว เขาก็ประสานมือคารวะเพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยที่อยู่ข้างๆ เขาก่อนจะรีบกลับไปหาท่านเจ้าสำนักและพวกของเขา
การรักษาต้นไม้นั้นเร่งด่วนพอๆ กับการดับไฟ
พวกเขาทั้งห้าคนไม่กล้ารอช้าอีกต่อไป เมื่อพวกเขาตัดสินใจจะร่วมมือกันจัดการเรื่องนี้ต่อไป ทั้งหมดก็มุ่งหน้าตรงไปยังสถานที่ที่วิญญาณต้นไม้ของว่านเจียงอวี่กำเนิดขึ้น เพื่อดูว่าพวกเขาจะได้รับรู้อะไรอีกบ้างหรือไม่
ทว่า… นอกจากเจียงหลินเอ๋อร์ที่ยังไม่อยากยอมแพ้แล้ว โหย่วฉินเสวียนหย่าผู้ยังคงเชื่อมั่นว่า…ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน[1]และบุปผางามยามจันทร์เต็มดวง[2]” แต่ไม่ว่าจะทั้งสามคนใหญ่ เล็กและอีกสองหยางบริสุทธิ์ ต่างก็รู้สึกเช่นกันว่า การเดินทางของพวกเขาครั้งนี้ ถูกลิขิตให้ไร้ผล
หลี่ฉางโซ่วกล่าวว่า “มหาตรีสหัสโลกธาตุนั้นค่อนข้างไกล ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนในการบินไปที่นั่น ข้าคิดว่าเราน่าจะใช้เวลาสักครึ่งชั่วยามเพื่อไปถามให้ทั่วเมืองเฟิงตู และดูว่าเราจะหาวิธีใดได้บ้าง และใช้เส้นทางของแดนยมโลกเพื่อเร่งเดินทางไปยังมหาตรีสหัสโลกธาตุได้หรือไม่ ”
ต่อจากนั้น แผ่นป้ายที่หัววัวมอบให้มา ก็มีบทบาทสำคัญยิ่ง
ในชีวิตก่อนหน้านี้ หลี่ฉางโซ่วมักได้ยินคนว่ากันว่า หลายคนย่อมดีกว่าคนเดียว[3] ซึ่งกับศาลสวรรค์และแดนยมโลกก็เฉกเช่นกัน
หนึ่งชั่วยามต่อมา ภายใต้การนำของเจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลก ทั้งห้าคนก็ผ่าน “ป่าบ่อน้ำ” นอกเมืองเฟิงตูไปอย่างรวดเร็ว ที่เรียกว่า “ป่าบ่อน้ำ” นั้น เพราะความจริงแล้ว มันเป็นทางผ่านจากแดนยมโลกเพื่อไปตามจับผียังทุกส่วนของดินแดนเทวะทั้งห้าและตรีสหัสโลกธาตุ และมันยังเชื่อมต่อกับวิหารเทพเมือง[4] ซึ่งในสถานที่ต่างๆ
สถานที่นั้นคล้ายกับมุขห้องโถงด้านหลังของตำหนักแห่งการครองคู่ของเทพจันทรา มองจากภายนอก มันดูเหมือนบ่อน้ำแห้งหลายสิบบ่อแห่งที่มีพลังแห่งเต๋าสวรรค์ พวกมันถูกจัดเรียงอยู่ที่นี่ในค่ายกลเวทลึกลับ เมื่อก้าวเข้าไปแล้ว ก็จะตระหนักว่า ได้ตกลงไปในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ของ “บ่อน้ำแห้ง”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจ…
มีมหาตรีสหัสโลกธาตุและตรีสหัสโลกธาตุมากมายนับไม่ถ้วนจริงๆ!
นอกจากนี้ การจัดการของแดนยมโลกนี้ก็สับสนวุ่นวายยิ่ง ดินแดนแห่งเต๋าสวรรค์ถูกโยนออกไปนอกเมืองและยังได้รับการปกป้องด้วยเพียงค่ายกลป้องกันเล็กน้อยโดยปราศจากทหารคอยคุ้มกันเท่านั้น
พวกเขาไม่ได้ไว้หน้าให้เต๋าแห่งสวรรค์เลยจริงๆ
ดูไม่ได้ เขาไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป หากหลี่ฉางโซ่วมองต่อไปอีก เขาย่อมไม่อาจทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ในตอนนี้ ไม่ว่าอย่างไร หลี่ฉางโซ่วก็ช่วยอะไรไม่ได้ เขาจะเริ่มวางแผนเพื่อบุญแห่งแดนยมโลก
หากเขาทำให้แดนยมโลกอยู่ภายใต้ศาลสวรรค์ และเสริมกำลังด้วยระเบียบในแดนยมโลกให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ครึ่งหนึ่งของร่างทองแห่งบุญของเขาก็อาจจะเสร็จสมบูรณ์ได้ทันที! ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาแห่งการสะสมบุญเครื่องสักการะจากสำนักเทพทะเลนั้น เขาสะสมเอาไว้ได้เพียงพอแค่จะสร้างนิ้วได้ครึ่งนิ้วเท่านั้น
นิ้วทองแท้ๆ
เมื่อเปรียบเทียบดูแล้ว มีโอกาสมากมายอย่างยิ่งในแดนยมโลกจริงๆ
ภายใต้การนำของเจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลก ขณะนี้ คนของสำนักตู้เซียนทั้งห้าก็มาถึงบ่อน้ำแห้งที่ระบุคำว่า ‘วิญญาณพิภพเก้าห้าสองเจ็ด’ เอาไว้
หลี่ฉางโซ่วยังคงพยายามให้แน่ใจว่าบ่อน้ำนั้นเป็น “เส้นทาง” ที่ถูกต้องเพื่อตรงไปที่นั่นหรือไม่ ในขณะที่ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่ง ซึ่งสวมเสื้อคลุมสีขาวและเจียงหลินเอ๋อร์ ในชุดกระโปรงสีขาวก็ได้จับมือกันกระโดดลงไปในบ่อน้ำแห้งด้วยกันแล้ว
ช่างเป็นภาพเหตุการณ์ที่งดงามสุดจะพรรณนาได้จริงๆ
จี้อู๋โหย่วได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลกก่อนจะก้มศีรษะลงแล้วกระโดดลงไปในบ่อน้ำ จากนั้นเขาก็ส่งข้อความเสียงไปบอกหลี่ฉางโซ่วและโหย่วฉินเสวียนหย่าให้สบายใจและสั่งให้พวกเขากระโดดลงไปในบ่อน้ำด้วยกัน
ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วถือถุงเก็บสมบัติที่บรรจุศิลาวิญญาณ และของล้ำค่าเอาไว้พลางยิ้มแล้วมอบมันให้กับเจ้าหน้าที่แห่งแดนยมโลก ที่พาพวกเขามาที่นี่ จากนั้นเขาก็หันศีรษะไปกล่าวว่า “ศิษย์น้องหญิงโหย่วฉิน เจ้าลงไปก่อนเถิดได้” ทว่าโหย่วฉินเสวียนหย่าส่ายศีรษะเบา ๆ และกล่าวว่า “ไม่ ศิษย์พี่ฉางโซ่ว ท่านกระโดด แล้วข้าจะกระโดดตามไปด้วยกัน”
หลี่ฉางโซ่วตะลึงงัน
ไฉนจู่ๆ ถึงกลายเป็นเรื่องความรักไปได้?
เขาไม่ได้ปฏิเสธด้วยรู้ว่า โหย่วฉินเสวียนหย่าต้องการเป็นราชินีปิดท้ายรายการ เขาจึงยกชายเสื้อคลุมเต๋าขึ้นเล็กน้อยแล้วก้าวเข้าไปในบ่อน้ำแห้ง โหย่วฉินเสวียนหย่าจึงติดตามหลังไปอย่างใกล้ชิดพร้อมด้วยกระบี่ใหญ่บนหลังของนาง
ทันใดนั้น แสงที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา และภาพเหตุการณ์โดยรอบก็เปลี่ยนไป
ขณะนี้ มีทางยาวและมืดอยู่ข้างหน้าเขา และมีลำแสงสีเหลืองอ่อนๆ กะพริบวิบวับอยู่ทั่วทุกที่…
เจ้าสำนักจี้อู๋โหย่วรออยู่ที่จุดซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกล จากนั้น เขาก็ใช้พลังเซียนจินของเขาเข้าห่อหุ้มพวกเขาทั้งห้าอีกครั้งก่อนจะใช้พลังเวท พาพวกเขาพุ่งกลับไปที่ทางออกของเส้นทางนี้อย่างรวดเร็ว
เพียงชั่วเวลาสั้นๆ พวกเขาก็บินไปไกลโดยไม่รู้ระยะทางที่แน่นอน ก็พบว่ามีแสงเบาบางอยู่ข้างหน้าขณะที่พวกเขามาถึงปลายทางแล้ว
บัดนี้ พวกเขาได้เข้าไปในบ่อน้ำแห้งและเดินออกมาจากบ่อน้ำแห้งอีกบ่อหนึ่ง ซึ่งอยู่ในวิหารเล็กๆ ที่ผุพัง หมดสภาพแล้ว
แต่เมื่อผ่านเส้นทางของแดนยมโลกไปไม่นาน พวกเขาก็อยู่ไกลจากดินแดนเทวะทั้งห้าแล้ว ครั้นเมื่อมาถึงมหาตรีสหัสโลกธาตุ พวกเขาต่างก็รู้สึกว่า…มันเหมือนฝันอยู่เล็กน้อย
ในขณะนั้น จี้อู๋โหย่วก็ชื่นชมว่า “เป็นไปตามคาด มันเป็นดินแดนสมบัติแห่งการกลับชาติมาเกิดจริง ๆ และความจริงแล้ว แดนยมโลกก็จัดการจักรวาลได้ยอดเยี่ยมยิ่ง”
ดูเหมือนว่า ปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งจะรู้อะไรบางอย่างขณะพึมพำว่า “พลังแห่งเต๋าสวรรค์ย่อมอยู่เหนือเกินกว่าที่มนุษย์จะไปถึงได้”
ทว่าหลี่ฉางโซ่วไม่ได้คิดซับซ้อนเพียงนั้น มันเรียบง่ายกว่าผู้อาวุโสทั้งสองคนนี้มาก…
ข้าย่อมอาศัยระบบบ่อน้ำแห้งเฉิงหวงนี้ มาปรับใช้ในการระดมกำลังพล ขนส่งและขับเคลื่อนกองกำลังทหารผ่านระบบนี้อย่างรวดเร็วได้ ทั้งยังทำแบบลับๆ หลบซ่อนได้อย่างดีอีกด้วย
ใช่แล้ว เมื่อกลับไปแล้ว ข้าต้องวิเคราะห์ให้ถี่ถ้วนและสร้าง ‘ระบบขนส่งของวิหารเทพเมืองซึ่งสามารถใช้ในการวางแผนต่างๆ ได้’
เจียงหลินเอ๋อร์รีบกล่าวว่า “ฉางโซ่ว … ”
“ทางนี้ ตามข้ามาเถิดขอรับ!”
ในขณะนี้ หลี่ฉางโซ่วได้ระบุทิศทางของเขาแล้ว จึงรีบนำทางไป
บัดนั้น จี้อู๋โหย่วก็สะบัดแขนเสื้อ แล้วกวาดม้วนตัวคนทั้งสี่คนขึ้น จากนั้นก็มุ่งหน้าตรงไปยังเทือกเขาที่อยู่ห่างออกไปหลายพันลี้
ในระหว่างทาง พวกเขาเคลื่อนที่ผ่านเมฆหมอกด้วยความเร็วราวสายฟ้า ประหนึ่งว่าพวกเขาจะพบวิญญาณต้นไม้ของว่านเจียงอวี่ที่กลับชาติมาเกิดได้ หากรีบรุดไปที่นั่น
ในเวลาไม่นาน พวกเขาทั้งห้าก็มายืนอยู่ในส่วนลึกของป่าเขียวชอุ่มในหุบเขาลึก พวกเขามองดูต้นไม้ที่คดเคี้ยวเก่าแก่ซึ่งมีใบไม้ร่วงหล่นลงมาอยู่ตรงหน้าพวกเขา และรู้สึกหนักอึ้งในใจ
บัดนั้น เจียงหลินเอ๋อร์ ซึ่งกลั้นน้ำตาเอาไว้ตลอดการเดินทาง ก็อดจะหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้
ดวงตาของนางกลายเป็นสีแดงก่ำขณะกล่าวเสียงแหบแห้งว่า “ศิษย์ใหญ่ของข้า…เจียงอวี่ อาจารย์มาช้า…”
ปรมาจารย์หว่างผู้สูงส่งจึงกอดเจียงหลินเอ๋อร์เอาไว้และปลอบโยนนางอย่างนุ่มนวล
แม้จี้อู๋โหย่วจะรู้มานานแล้วว่ามันจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แต่เขาก็อดจะถอนหายใจออกมาไม่ได้ เขายืนเอามือไพล่หลังขณะที่ดวงตาเต็มไปด้วยความเศร้า
เขาคิดถึงผู้คนที่ปลิดปลิวไปจากปลายนิ้วของเขาในช่วงเวลาหลายปีอันยาวนานที่ผ่านพ้นไป
“ศิษย์พี่ฉางโซ่ว” โหย่วฉินเสวียนหย่าถามเบาๆ ว่า “ช่วยนางไม่ได้จริงๆ หรือเจ้าคะ?”
“ไม่ต้องห่วง” หลี่ฉางโซ่วพึมพำกับตัวเอง แล้วก้าวไปข้างหน้าสองก้าวพลางยกมือขึ้น แล้วกดลงไปที่โคนของต้นไม้เก่าแก่ จากนั้นก็หลับตาลงและสัมผัสมันอย่างระมัดระวัง
วิญญาณต้นไม้ถูกดึงออกมาอย่างแรงและกระทั่งพลังชีวิตของต้นไม้เก่าแก่นี้ก็หายไป ในสถานการณ์เช่นนี้…
หากข้าเป็นคนทำเรื่องนี้ แล้วไยต้องทำเช่นนั้น?
ต้นไม้เก่าแก่นี้ น่าจะมีอายุหลายพันปีแล้ว มันยังไม่ได้บ่มเพาะให้เป็นวิญญาณต้นไม้ และพลังชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ของมันก็ได้ให้กำเนิดและหล่อเลี้ยงวิญญาณต้นไม้ ซึ่งก็คือการกลับชาติมาเกิดของว่านเจียงอวี่
แม้วิญญาณและสิ่งมีชีวิตวิญญาณจะคล้ายกัน แต่ก็มีรายละเอียดแตกต่างกัน
ต้นไม้เก่าแก่ต้นนี้เปรียบเสมือนบิดามารดาของอาจารย์ป้าว่านเจียงอวี่ในชาตินี้…
ดังนั้น ผู้ที่จะสกัดดึงเอาวิญญาณต้นไม้ไปได้ ก็ไม่น่าจะสูงกว่าเซียนเทียน ยังคงมีอักขระเต๋าหลงเหลืออยู่ในสถานที่นี้ อีกฝ่ายหนึ่งได้ฝึกฝนเต๋าหลีกไฟ…
………………………………………………………………..
[1] คนเราย่อมสามารถเอาชนะธรรมชาติได้ด้วยความพยายามพากเพียร
[2] เปรียบว่าทุกอย่างล้วนดี สวยงาม ทั้งยังมักใช้เป็นคำอวยพรในพิธีแต่งงานให้คู่รักมีชีวิตคู่งดงามดั่งบุปผา และกลมเกลียวดุจจันทรา รวมถึงอวยพรในเทศกาลมงคล อย่างเทศกาลไหว้พระจันทร์ เทศกาลปีใหม่ ช่วงฤกษ์งามยามดี เป็นมงคล
[3] ความหมายเหมือนกับหลายมือดีกว่ามือเดียว หรือ หลายหัวดีกว่าหัวเดียวคือ มีคนหลายคนร่วมกันทำงาน การงานต่าง ๆ นั้นก็ย่อมจะช่วยให้แต่ละคนเบาแรงลงและจัดการได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้นด้วยกำลังคนที่มากขึ้น
[4] หรือวิหารเฉิงหวง ซึ่งผู้เขียนปรับมาจากความเชื่อของเต๋าที่ว่า เทพที่เดิมทีเป็นมนุษย์นั้น จะเรียกว่าเฉิงหวงจินเสินหรือเฉิงหวงกงซึ่งมีหน้าที่เชื่อมต่อโลกมนุษย์และสวรรค์หรือยมโลก หากเปรียบวิหารนี้ก็คือ ศาลหลักเมือง และเฉิงหวงกงก็คือ เจ้าพ่อหลักเมือง