บทที่ 330 เจอเมิ่งเจียงอีกครั้ง

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 330 เจอเมิ่งเจียงอีกครั้ง

เสี่ยวรุ่ยอานมาถึงที่นี่ก็ตาสว่างเลย เขาหยิบพู่กันด้ามหนึ่งไม่ยอมปล่อย เจ้าของร้านเห็นเช่นนี้ก็ตาสว่างขึ้นมาเหมือนกัน

“ฮูหยินขอรับ นี่เป็นพู่กันที่ดีที่สุดในร้านของข้า ตัวด้ามพู่กันใช้ไม้ไผ่เกล็ดมังกร(ไผ่ชนิดหนึ่งที่มีลำต้นคล้ายเกล็ดมังกร )ในการทำนะ ลวดลายที่แกะสลักเป็นดอกไม้ชนิดต่างๆ ท่านดูสิว่าดอกไม้ประณีตขนาดไหน?และขนที่ใช้เป็นขนหมาป่า ละเอียดไหมล่ะ?ตัวหนังสือที่เขียนออกมาจะต้องดูแข็งแกร่งและทรงพลังแน่ๆเลย!”

โจวกุ้ยหลานกระตุกปาก ฟังจากที่คนนี้พูด นางก็รู้ว่าพู่กันด้ามนี้ไม่ถูกเลย

“เถ้าแก่ขอรับ ท่านหลอกคนอีกแล้ว ขนหมาป่าจะเหมาะกับคนที่พึ่งเรียนพู่กันได้อย่างไรล่ะ?คนที่พึ่งเรียนก็ต้องใช้ขนผสม”

เสียงผู้ชายที่ค่อนข้างคุ้นเคยส่งมาจากข้างหลัง โจวกุ้ยหลานหันไปมอง ได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งใส่เสื้อคลุมสีเทา อุ้มของหลายๆอย่างในอ้อมอกและยืนอยู่หน้าประตู ย้อนแสงเลยทองใบหน้าของเขาไม่ค่อยชัดเจน

สีหน้าของเถ้าแก่คนนั้นปรากฏความไม่เป็นธรรมชาติขึ้น แต่หายไปทันที”เจ้าพูดเกินไปนะ ลูกค้าชอบเอง ข้าเลยอธิบายให้ฟังไง หากลูกค้าไม่อยากได้ ข้าก็ไม่บังคับหรอก”

ผู้ชายคนนั้นรีบเดินมา วางของไว้บนตู้ ก้มหน้าทำความเคารพต่อเสี่ยวรุ่ยอาน”คุณพี่ เราเจอกันอีกแล้วนะ รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆเลย!”

โจวกุ้ยหลาน”……”

นางว่าแล้ว ทำไมเสียงถึงคุ้นเคยขนาดนี้ คือเมิ่งเจียงที่ตั้งแผงคนนั้นนี่เอง?

วินาทีต่อไป ก็เห็นเสี่ยวรุ่ยอานเลียนแบบเขา ทำความเคารพต่อผู้ชายคนนั้น พูดอย่างจริงจัง”พี่เมิ่ง!”

โจวกุ้ยหลาน”……”

จบแล้ว บุตรชายนางจะกลายเป็นหนอนหนังสือแล้ว!

เมิ่งเจียงทำความเคารพต่อโจวกุ้ยหลาน พูดอย่างอ่อนโยน”ฮูหยินขอรับ”

โจวกุ้ยหลานพยักหน้า”สวัสดี”

จากนั้นเมิ่งเจียงก็หันไปทางเสี่ยวรุ่ยหนิง ทำความเคารพทักทายเขาด้วน เสี่ยวรุ่ยหนิงทำตัวไม่ถูก เสี่ยวรุ่ยอานที่ข้างๆกดหัวของเขาลวไป ถือเป็นการตอบกลับการทักทายของเมิ่งเจียง

เมิ่งเจียงทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ก็หันตัวไป ทำความเคารพต่อเถ้าแก่”เถ้าแก่ขอรับ ขออภัยด้วย”

ตอนที่เถ้าแก่คนนั้นยังรู้สึกตัวมาไม่ทัน เมิ่งเจียงก็หันหน้าไปอธิบายกับโจวกุ้ยหลานและเสี่ยวรุ่ยอาน”พู่กันแบ่งเป็นสามอย่างหลักๆ ประเภทแข็ง ประเภทอ่อน และประเภทผสม พู่กันในมือของพี่รุ่ยอานเป็นประเภทผสม ไม่เหมือนกับผู้ฝึกใหม่”

พูดเสร็จ เขาหยุดพูดสักพักหนึ่ง แล้วพูดต่อ”ข้าไม่ได้พูดว่าพี่รุ่ยอานเป็นผู้ฝึกใหม่ แต่พี่รุ่ยอานอายุยังน้อย ข้อมือไม่ค่อยมีแรง ไม่เหมาะกับประเภทแข็ง ควรจะเลือกพู่กันประเภทผสมและด้ามตรง”

ระหว่างที่พูดเขาก็หันหน้าไป มองไปบริเวณที่วางพู่กัน หยิบพู่กันด้ามหนึ่งที่ดูธรรมดาขึ้นมา พูดว่า”อย่างพู่กันด้ามนี้ก็เหมาะกับพี่รุ่ยอาน!”

เถ้าแก่อ้าปาก”เมิ่งเจียง……”

“เถ้าแก่ ท่านจะมาหลอกให้ลูกค้าใช้พู่กันที่ไม่เหมาะกับเขาเพื่อหวังกำไรไม่ได้นะขอรับ?”เมิ่งเจียงหันมา พูดอย่างมีเหตุมีผล

เถ้าแก่คนนั้นกลืนน้ำลาย มองโจวกุ้ยหลานทีหนึ่ง แล้วถึงค่อยๆอ้าปาก”ด้ามนี้ก็ไม่ได้ถูกเลย”

“ราคาเท่าไหร่?ข้าจะซื้อให้พี่รุ่ยอาน”

เถ้าแก่ค่อยๆพูดว่า”ด้ามในมือของเขาแค่สองร้อยตำลึง แต่ด้ามในมือของเจ้า ต้องใช้สามร้อยตำลึง”

เมิ่งเจียง”!”

โจวกุ้ยหลาน”……”

เสี่ยวรุ่ยอาน”……”

เสี่ยวรุ่ยหนิงดูอันนี้บ้าง ดูอันนู้นบ้าง ไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆพวกเขาถึงมีปฏิกิริยาแบบนั้น รู้สึกสนุก เลยปรบมือและดีใจจนกรีดออกมา

เสียงปรบมือนี้ทำให้สีหน้าของทุกคนแปลกประหลาดไปกว่าเดิม

โจวกุ้ยหลานอุ้มเสี่ยวรุ่ยหนิงเอาไว้ จับมือทั้งสองข้างของเขาไว้ในมือตัวเอง เพื่อห้ามให้เขาปรบมือ

เด็กคนนี้คงโง่จริง ไม่เห็นสีหน้าของคนอื่นหรือไง?ถ้าเป็นแบบนี้อนาคตจะต้องโดนคนอื่นต่อยตีแน่เลย

กำลังคิดอยู่เช่นนี้ ก็ได้ยินเมิ่งเจียงถามเถ้าแก่ด้วยเสียงสั่น”นี่……ทำไมพู่กันนี้ถึง……แพงขนาดนี้?”

เถ้าแก่คนนั้นรับพู่กันในมือของเมิ่งเจียงกลับมาอย่างระมัดระวัง และยื่นด้ามพู่กันให้เขาดู”เห็นหรือเปล่า?ข้างบนเป็นตัวหนังสือของหลิวห้าวหราน”

“หลิว……หลิว……หลิว……”เมิ่งเจียงพูดติดอ่าง พูดชื่อออกมาไม่ออกสักที

โจวกุ้ยหลานเห็นว่าเขาพูดอย่างลำบาก เลยเตือนเขาว่า”หลิวห้าวหราน”

“หลิวห้าวหรานหรือ? หลิวห้าวหรานที่เป็นนักปราชญ์อันดับหนึ่งของเมืองหลวงหรือ?”เมิ่งเจียงกรีด

เสียงนี้ทำให้แม่ลูกสามคนล้วนตกใจไปหมด

แต่เวลานี้เถ้าแก่กลับพยักหน้า”หลิวห้าวหรานคนนั้นนั่นแหละ”

เมิ่งเจียงเบิกตากว้าง จ้องตัวหนังสือเล็กๆแถวหนึ่งบนด้ามพู่กัน ในใจรู้สึกตื่นเต้นมาก

นี่……นี่เป็นตั้งตัวหนังสือของหลิวห้าวหรานนะเนี่ย!

“ข้า……ข้าซื้อ!”ระหว่างที่พูด เมิ่งเจียงใช่มือที่สั่นคิดจะไปหยิบพู่กันด้ามนั้น

โจวกุ้ยหลาน”……”

ใครเป็นคนบอกให้นางว่าอย่าโดนหลอก?

เถ้าแก่คนนั้นเก็บมือกลับมา สายตาที่มองเมิ่งเจียงปรากฏความดูถูกออกมา”เจ้าต้องเขียนจดหมายกี่ฉบับถึงซื้อพู่กันด้ามนี้ได้ ช่างเถอะ”

แต่เมิ่งเจียงกลับเหมือนได้รับความอัปยศยิ่งนัก ขอบตาแดงไปหมด”จะมาดูถูกข้าแบบนี้ไม่ได้!ถึงข้าจะไปกู้เงิน ก็จะซื้อพู่กันด้ามนี้ให้ได้!”

ระหว่างที่พูดเขาก็ยื่นมือไปอุ้มของที่ตัวเองไว้บนตู้และคิดจะไปเลย

โจวกุ้ยหลานกระตุกตา เห็นลักษณะที่คร่ำครของเขา จะฆ่าตัวตายเพราะพู่กันด้ามนี้หรือเปล่าเนี่ย?

งั้นนางก็บาปหนักเลย ยังเกี่ยวโยงกับบุตรชายของนางด้วย

เมื่อนึกถึงที่นี่ นางก็อ้าปากเรียกหยุดเมิ่งเจียง

เมิ่งเจียงหันมา ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยความโมโห

โจวกุ้ยหลานพูดปากเปียกปากแฉะเพื่อโน้มน้าวใจเขา”เป็นเพียงพู่กันด้ามหนึ่งเท่านั้น พ่อแม่ของเจ้าเลี้ยงเจ้ามาตอบป่านนี้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เจ้าอย่าคิดไปทางผิด”

หลังจากเป็นแม่นางถึงสามารถเข้าใจความรู้สึกในการเป็นแม่ หากเขาเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นต่อหน้าต่อตา นางไม่อาจทนได้หรอก

เมิ่งเจียงส่ายหน้า”ข้าเขียนจดหมายวันละร้อยฉบับ วันหนึ่งก็ได้หนึ่งตำลึง อีกหนึ่งปีข้าก็สามารถมาซื้อพู่กันด้ามนี้ได้!”

โจวกุ้ยหลาน”……”

เถ้าแก่”อย่าเล่นเลย เจ้าเขียนจดหมายได้วันละสิบฉบับก็ถือว่าดีแล้ว ยังต้องซื้อของกินของใช้และเครื่องเขียนอีก พอเถอะๆ เจ้าไม่ต้องมาฝันว่าจะได้พู่กันด้ามนี้เลย”

“สิ่งที่ไม่มีวันแพ้ก็คือความอดทน ขอแต่มีความอดทน ถึงแม้ต้องใช้เวลาสิบปี ข้าก็จะสะสมเงินมาซื้อพู่กันด้ามนี้จนได้!”

เถ้าแก่คนนั้นไม่สนใจ หยิบไม้ปัดฝุ่นมากวาดชั้นวางของๆเขา”ถ้าสิบปีข้ายังขายพู่กันด้ามหนึ่งไม่ได้ งั้นครอบครัวของข้าก็ต้องรอตายแล้ว!”

เมิ่งเจียงอึ้งไปเลย เหมือนยอมรับไม่ได้ ถอยลงไปหลายก้าว

“ทำไม……ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?”

“เป็นแบบนี้อยู่แล้ว พู่กันด้ามนี้ถ้าสามารถขายออกไปได้ภายในหนึ่งเดือน เจ้าอย่าฝันเถอะ รับซื้อหมึกแล้วไสหัวไปเลย อย่ามากวนข้า”เถ้าแก่ไล่เขาโดยไม่ไว้หน้าใดๆ

โจวกุ้ยหลาน”……”

คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้

เสี่ยวรุ่ยอานข้างๆก็อึ้งไปเลย เหมือนเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนถูกเงินทองทางลายขนาดนี้

โจวกุ้ยหลานใช้โอกาสนี้ดึงพู่กันที่เสี่ยวรุ่ยอานจับไว้ไม่ยอมปล่อยออกมา และวางไว้บนชั้นวางของ

ชี้ไปที่พู่กันที่ว่านักปราชญ์ผู้โด่งดังเป็นคนเขียนตัวหนังสือบนนั้น และพูดว่า”เถ้าแก่ ข้าเอาพู่กันด้ามนี้”

“อะไรนะ?อ้อ ได้ขอรับ!ข้าจะห่อขึ้นมาให้ลูกค้าทันทีเลยขอรับ รอสักครู่ขอรับ……”