ตอนที่ 869 หมอเถื่อน (2) ตอนที่ 870 หมอเถื่อน (3)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 869 หมอเถื่อน (2) / ตอนที่ 870 หมอเถื่อน (3)
ตอนที่ 869 หมอเถื่อน (2)

คำพูดนั้นไม่เพียงแต่ดับโทสะของสยงป้าไม่ได้ แต่มันกลับยิ่งทำให้เขาโกรธหนักเข้าไปใหญ่ เขาจ้องตาจวินอู๋เสียเขม็ง ดูราวกับว่าจะกลืนนางเข้าไปทั้งตัวอยู่แล้ว

แม้แต่ชายหนุ่มที่สงบนิ่งใจเย็นมาโดยตลอดก็ยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ส่วนเฟิงเย่ว์หยางก็ส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ

เหลยเชินกับจวินอู๋เสียกลายเป็นเป้าโจมตีของทุกคนในทันที

เหลยเชินกำหมัดแน่นด้วยความรู้สึกกระสับกระส่าย ถึงแม้สถานการณ์ตอนนี้จะยังเป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้แล้ว แต่เขาก็อดกังวลเล็กน้อยไม่ได้ เขาหันไปมองจวินอู๋เสียโดยไม่รู้ตัว ตอนที่จวินอู๋เสียพูดขึ้นเมื่อครู่ มันรู้สึกเหมือนกับว่านางกำลังชี้นำสยงป้าและคนอื่นๆ ให้กดดันเรื่องนี้ให้มากขึ้น

เขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคุณหนูใหญ่จวินกำลังคิดอะไรอยู่

เมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธของสยงป้าที่มีหมอหลวงหลี่เติมเชื้อเพลิงเข้าไป จวินอู๋เสียก็ยังมีสีหน้าเย็นชาเหินห่างเช่นเดิม ดวงตาเย็นเยียบของนางกวาดผ่านใบหน้าของสยงป้าและคนอื่นๆ นางเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าท่านหัวหน้าตึกสยงเลือกที่จะเชื่อคำพูดของพวกหมอเถื่อนกลุ่มนี้สินะ” ใบหน้าของหมอหลวงหลี่ซีดขาว เขาไม่คิดว่าขนาดตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ จวินอู๋เสียยังจะกล้าพูดจาถากถางเช่นนี้อีก

คำตอบของสยงป้าก็คือ “ข้าจะถามเจ้าแค่ว่า เจ้าได้ทำการรักษาคุณหนูใหญ่ของเราหรือไม่”

จวินอู๋เสียพยักหน้าทันทีโดยไม่ลังเล

“อย่างนั้นเจ้าจะมาโต้แย้งอะไรได้อีกเล่า!” สยงป้าตะโกนขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด

แต่จวินอู๋เสียกลับยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ และพูดอย่างเย็นชาว่า “ท่านหัวหน้าตึกสยง ทำไมท่านไม่ถามพวกเขาเล่าว่าหลังจากข้าทำการรักษาแล้ว อาการของชวีหลิงเย่ว์เป็นอย่างไรบ้าง”

สยงป้าเลิกคิ้วขึ้น “หมายความว่าอย่างไร”

จวินอู๋เสียมองเจี่ยงอิงหลงแล้วพูดว่า “เจี่ยงอิงหลง ท่านบอกเขาเองเถอะ หลังจากที่ข้ารักษาชวีหลิงเย่ว์แล้ว นางหายสนิทดีหรือไม่”

สยงป้ากับกลุ่มของเขาพากันสะดุ้ง พวกเขาทุกคนหันไปมองเจี่ยงอิงหลงโดยไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อเจี่ยงอิงหลงพบว่าตัวเองถูกสยงป้าจ้อง เขาก็ไม่กล้าบิดเบือนความจริง จึงพูดตะกุกตะกักออกมาว่า “คุณหนูจวิน…หลังจากทำการรักษา…ชวีหลิงเย่ว์แล้ว…อาการของชวีหลิงเย่ว์ก็…ดูเหมือนจะหายสนิทดีแล้ว แต่…แค่อ่อนเพลียเล็กน้อยจากการเสียโลหิตไปมากเท่านั้น…”

ขณะที่พูด เขาก็หยุดครู่หนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นพูดทันทีว่า “แต่นั่นก็แค่ครึ่งวันเท่านั้น หลังจากนั้นหลิงเย่ว์ก็ทรุดลงอีกและเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ตอนนั้น…”

สยงป้าขมวดคิ้วจนแทบจะผูกกันเป็นปมแล้ว คำพูดที่ได้ยินทำให้เขาสับสน จากการพูดเป็นนัยของหมอหลวงหลี่ บอกว่าการรักษาของจวินอู๋เสียไม่เพียงทำให้อาการของชวีหลิงเย่ว์ดีขึ้นไม่ได้เท่านั้น ยังทำให้อาการของนางแย่ลงอีกด้วย แต่เจี่ยงอิงหลงกลับบอกว่าหลังจากการรักษาของจวินอู๋เสีย อาการบาดเจ็บของชวีหลิงเย่ว์หายสนิทดีแล้ว ถึงแม้ว่าจะแค่ครึ่งวันก็ตาม แต่จากการตรวจของเฟิงเย่ว์หยางเมื่อครู่ อาการบาดเจ็บของนางสาหัสมาก เป็นไปได้อย่างไรที่นางจะทำให้ชวีหลิงเย่ว์หายสนิทในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนั้น

หมอหลวงหลี่ด่าเจี่ยงอิงหลงอยู่ในใจที่ทำให้แผนของเขาพังยับ เขารีบก้าวออกมาพูดอย่างร้อนรนว่า “เรื่องนี้ข้าได้อธิบายให้อาจารย์เจี่ยงฟังแล้ว ที่อาการของคุณหนูชวีดีขึ้นก็เพราะหมอทุกคนที่นี่ช่วยกันรักษาคุณหนูชวีตลอดเวลาโดยไม่ได้หยุดพัก เมื่อได้โอสถวิเศษสมุนไพรไปมากขนาดนั้นและการดูแลเอาใจใส่อย่างต่อเนื่องจากพวกเราทุกคน ก็ทำให้อาการของคุณหนูชวีมีสัญญาณที่ดีขึ้น คุณหนูจวินแค่บังเอิญมาขโมยความดีความชอบที่ควรจะมาจากความพยายามอันไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของพวกเราไปเท่านั้น นั่นเป็นเหตุผลที่แท้จริงที่อาการของนางดีขึ้น พวกท่านคงไม่ลืมว่าตอนนั้นที่คุณหนูจวินทำก็แค่ป้อนโอสถรวมจิตให้คุณหนูชวีอย่างเดียวเท่านั้น ข้าขอถามท่านผู้อาวุโสเฟิง อาการของคุณหนูชวีนั้นเป็นไปได้หรือว่าจะรักษาได้ด้วยโอสถรวมจิตแค่เม็ดเดียว”

เฟิงเย่ว์หยางส่ายหัวทันที “โอสถรวมจิตเป็นแค่โอสถเสริมพลังปราณธรรมดาเท่านั้น ด้วยอาการบาดเจ็บของคุณหนูใหญ่ มันย่อมไม่ส่งผลต่อนางมากนัก”

ตอนที่ 870 หมอเถื่อน (3)

หมอหลวงหลี่รีบพูดด้วยรอยยิ้มทันทีว่า “แม้แต่ท่านผู้อาวุโสเฟิงก็พูดแบบเดียวกัน ยังจะมีข้อสงสัยอะไรอีกหรือไม่ ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเราทุกคนพยายามรักษากันทุกทางที่ทำได้แล้วละก็ อย่าบอกข้านะว่าคุณหนูจวินใช้โอสถรวมจิตแค่เม็ดเดียวก็รักษาอาการบาดเจ็บสาหัสของคุณหนูชวีได้ มันไม่ฟังดูน่าตลกเกินไปหรอกหรือ”

สยงป้าขมวดคิ้วจ้องจวินอู๋เสีย ดูเหมือนเขากำลังพิจารณาคำพูดของหมอหลวงหลี่

จวินอู๋เสียจึงพูดขึ้นด้วยเสียงเรียบว่า “ในเมื่อหมอหลวงหลี่พูดว่ามันเป็นเพราะความพยายามของท่านและกลุ่มของท่าน เช่นนั้นข้าก็ขอถามว่า ตั้งแต่วันนั้นชวีหลิงเย่ว์ได้อยู่ภายใต้การดูแลของพวกท่านอย่างเต็มที่ พวกท่านทั้งหมดสามารถทำให้อาการของนางดีขึ้นได้หรือไม่”

เสียงนั่นเหมือนกับทะเลสาบน้ำแข็งที่ไหลเข้ามาในใจของผู้คน ความเย็นยะเยือกนั้นได้ทำให้บุรุษทั้งสามจากเมืองพันอสูรตระหนักถึงความจริงในคำพูดของจวินอู๋เสีย

ถ้าช่วงเวลาครึ่งวันที่อาการของชวีหลิงเย่ว์ดีขึ้นเป็นเพราะจวินอู๋เสียบังเอิญขโมยความดีความชอบไปจากหมอหลวงหลี่และกลุ่มของเขาจริงๆ ละก็ ด้วยเหตุผลนั้นความดีความชอบก็ควรตกอยู่ที่หมอหลวงหลี่กับหมอคนอื่นๆ แต่ภายใต้การดูแลรักษาของพวกเขาตั้งแต่วันนั้น อาการของชวีหลิงเย่ว์กลับไม่มีทีท่าจะเปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิด นางยังคงไม่ได้สติเช่นเดิม นั่นมันไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย

หมอหลวงหลี่นิ่งงันไปกับคำพูดของจวินอู๋เสีย เขาทำได้แค่ยืนหน้าซีดอยู่ตรงนั้นพลางจ้องจวินอู๋เสียด้วยความโกรธ

จวินอู๋เสียไม่อยากจะเสียเวลาไปกับพวกคนโง่เช่นนั้น นางจึงหันไปหาเฟิงเย่ว์หยางทันที

“ในเมื่อท่านผู้อาวุโสเฟิงจับชีพจรของชวีหลิงเย่ว์แล้ว และเห็นโอสถวิเศษกับสมุนไพรที่หมอหลวงหลี่ให้กับชวีหลิงเย่ว์ ข้าเชื่อว่าด้วยความสามารถและความรู้ทางด้านการแพทย์ของท่านผู้อาวุโสเฟิง ท่านย่อมรู้ดีว่าโอสถวิเศษพวกนี้จะสามารถส่งผลได้มากแค่ไหน”

เฟิงเย่ว์หยางพยักหน้า “โอสถวิเศษพวกนี้ทำได้แค่ประคองอาการของนางให้คงที่เท่านั้น แต่ไม่อาจทำให้คุณหนูใหญ่ของเราหายได้หรอก”

จวินอู๋เสียพยักหน้าอย่างพอใจและหันไปทางหมอหลวงหลี่แล้วพูดว่า “หมอเถื่อน”

ดวงตาของหมอหลวงหลี่ลุกวาบ เขาอยากจะกระโจนเข้าฉีกเด็กน้อยนั่นเป็นชิ้นๆ เพราะปากเน่าๆ ของนาง

“เจ้าพยายามจะพูดอะไร ยัยเด็กสารเลว! ถ้าอาการของคุณหนูชวีไม่ได้ดีขึ้นเพราะการดูแลรักษาอย่างพิถีพิถันของพวกเรา อย่าบอกนะว่ามันเป็นเพราะโอสถรวมจิตเม็ดเดียวของเจ้า!”

เฟิงเย่ว์หยางก็กำลังรู้สึกสับสน อาการของชวีหลิงเย่ว์นั้นไม่ว่าจะเป็นวิธีรักษาที่ส่งผลอ่อนๆ ของหมอหลวงหลี่หรือโอสถรวมจิตของจวินอู๋เสีย ทั้งสองวิธีต่างก็ไม่สามารถทำให้อาการบาดเจ็บของชวีหลิงเย่ว์ดีขึ้นได้ ถึงจะเถียงกันให้ตาย ก็มีจุดหนึ่งที่เขาไม่เข้าใจอยู่ดี

นั่นก็คืออาการของชวีหลิงเย่ว์หายสนิทเป็นเวลาครึ่งวันจริงๆ

เรื่องนั้นสร้างความสับสนงุนงงให้แก่เฟิงเย่ว์หยางที่เป็นที่เคารพนับถือในความสามารถทางการแพทย์เป็นอย่างมาก

จวินอู๋เสียมองหมอหลวงหลี่ที่โกรธจนแทบคลั่งอย่างเย็นชา แล้วพูดต่อว่า “ใครบอกท่านว่าข้าใช้แค่โอสถรวมจิตเม็ดเดียว”

หมอหลวงหลี่สะดุ้ง เขายืนแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง ดวงตายังเต็มไปด้วยความโกรธขณะที่มองไปยังจวินอู๋เสีย

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรือ วันนั้นข้าเห็นกับตา เจ้าแค่ป้อนโอสถรวมจิตให้คุณหนูชวีเม็ดเดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีก! อย่ามาพูดจาเหลวไหลที่นี่ให้มากนัก!”

จวินอู๋เสียยังคงมองหมอหลวงหลี่ที่โกรธเกรี้ยวขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับส่ายหน้าช้าๆ นางมองเข้าไปในดวงตาของหมอหลวงหลี่ด้วยสายตาที่แสดงความดูถูกเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด

“ในฐานะหมอแล้ว ท่านเหมาะสมกับคำว่าหมอเถื่อนจริงๆ”

ใบหน้าซีดขาวของหมอหลวงหลี่แปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธ

ยิ่งฟังทั้งสองคนพูด สยงป้าก็ยิ่งสับสน “ข้าสยงป้า เป็นแค่ตาสีตาสาไม่เข้าใจคำพูดที่พวกหมอๆ พูดกันหรอก ข้าอยากจะถามแค่หนึ่งคำถามเท่านั้น เจี่ยงอิงหลง เจ้าบอกความจริงข้ามา ก่อนหน้านี้อาการของคุณหนูใหญ่เราดีขึ้นจริงๆ ใช่หรือไม่”

เจี่ยงอิงหลงพยักหน้าโดยไม่กล้าปกปิดสิ่งใดเอาไว้

สยงป้าจึงหันไปมองจวินอู๋เสีย “คุณหนูจวิน เจ้าบอกว่าอาการของคุณหนูใหญ่ดีขึ้นก็เพราะเจ้า เช่นนั้นก็บอกข้ามา นอกจากโอสถรวมจิตแล้วเจ้าทำอะไรอีก โปรดบอกมาให้หมดด้วย”

จวินอู๋เสียเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งแล้วถามเขาว่า “นี่พวกท่านทุกคนคิดว่าชวีหลิงเย่ว์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจริงๆ หรือ”