แม้ว่าจะมองไม่เห็นปฏิกิริยาของนักร้องด้านหลังเวที แต่ผู้ชมค่อนข้างคึกคักทีเดียว
หลังจากความเงียบไม่กี่วินาที ในห้องส่งก็มีเสียงปรบมือเกรียวกราวดังขึ้นฉับพลัน พร้อมกับเสียงเชียร์ของผู้ชมบางส่วน
“โอ้มายก้อด!”
“หลานหลินอ๋องมาจริงด้วย!”
“ปากแบบเขาไม่ได้มาเล่นๆ แน่!”
“ทีมงานรายการรู้งานสุด”
“ผู้กำกับรู้สินะว่าผู้ชมชอบดูอะไร!”
“ทีนี้หลานหลิงอ๋องจะได้เชือดแบบไม่ยั้งมือ!”
“ตื่นเต้นๆ!”
“นักร้องที่มาเวทีนี้คุ้มแล้ว!”
“…”
อีกด้านหนึ่ง คณะกรรมกรรมการตัดสินก็มีความสุขเช่นกัน
คณะกรรมการตัดสินของทุกทีมจะมีการเปลี่ยนแปลง ทีมนี้ก็เช่นกัน
คณะกรรมการในรอบนี้ประกอบด้วยพ่อเพลงและผู้ทรงคุณวุฒิในวงการเพลงอีกสามท่าน
นำทีมโดยพ่อเพลงอิ่นตง
เผื่อใครลืมไปแล้ว อิ่นตงก็ตือพ่อเพลงซึ่งผู้ซึ่งเป็นอัมพาตใบหน้าและร่วมงานกับเฟ่ยหยางมาแล้วสองครั้ง ปรากฏว่าคว้าอันดับสองทั้งสองครั้ง
“คุณได้ดูรอบก่อนๆ ของรายการแล้วใช่ไหม”
“หลานหลิงอ๋องคนนี้ฝีปากเผ็ดร้อน”
“บางครั้งฉันก็คิดว่าเขาพูดจารุนแรงกว่าอาจารย์อิ่นตงซะอีก แต่ส่วนมากฉันก็เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด”
“…”
คณะกรรมการตัดสินพูดคุยกัน
พิธีกรบนเวทีกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “อาจารย์หลานหลิงอ๋องเพียงแค่มาร่วมแสดงคิดเห็น ไม่ได้ร่วมโหวตครับ และจะแสดงความคิดเห็นหลังจากที่ทุกท่านทำการโหวตให้นักร้องแล้ว ดังนั้นไม่ต้องกังวลครับว่าอาจารย์หลานหลิงอ๋องจะมีผลต่อการแข่งขัน ต่อจากนี้ขอเชิญนักร้องท่านที่หนึ่งขึ้นเวทีครับ!”
ผู้ชมปรบมือเสียงดังยิ่งขึ้น!
ไม่รู้ว่าทุกคนปรบมือให้นักร้องหรือปรบมือให้หลานหลิงอ๋อง หรือเพียงแค่ตื่นเต้นที่จะได้ชมเรื่องสนุก?
หลินเยวียนนั่งบนเก้าอี้
รับชมการแสดงบนเวที
นักร้องคนแรกสวมหน้ากากกระต่าย เป็นนักร้องหญิง หลินเยวียนเคยดูการแสดงเวทีแรกของอีกฝ่าย อีกฝ่ายน่าจะเป็นนักร้องแถวหน้า
เมื่อร้องเพลงจบ
คณะกรรมการตัดสินทั้งหมดแสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็นโดยภาพรวมนับว่าค่อนข้างดี
เมื่อกระบวนการทั้งหมดใกล้เสร็จสิ้น ทันใดนั้นอันหงก็หันไปทางขวามือ “ไม่ทราบว่าอาจารย์หลานหลิงอ๋องคิดอย่างไรครับ”
มาแล้ว!
ช่วงเวลาของหลานหลิงอ๋อง!
ผู้ชมกระตือรือร้นขึ้นมาทันที!
หน้ากากกระต่ายซึ่งอยู่บนเวทีสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว ฝีปากคมกริบของหลานหลิงอ๋องคนนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะทนได้!
หลินเยวียนเงียบ
ทุกคนจ้องมองเขา
ในที่สุด หลินเยวียนก็เอ่ยขึ้น “กระต่ายใช้เทคนิคในการร้องเยอะมาก นี่ไม่ได้ต่อต้านการโชว์สกิลบนเวที แต่ไม่ใช่ทุกเพลงจะใช้โชว์สกิลได้ เพลงนี้ควรใช้การถ่ายทอดอารมณ์มากกว่าเทคนิค ถ้าคุณชอบเล่นเทคนิค แนะนำให้คุณเลือกเพลงที่ต้องใช้วิธีการขับร้องที่ซับซ้อนกว่านี้”
กระต่าย “…”
มาจนได้!
ด้านล่างมีเสียงฮือฮาขึ้นมาทันที ช่วงแสดงความคิดเห็นของหลานหลิงอ๋องที่ทุกคนเฝ้ารอกลับมาอีกครั้ง ยังใจกล้าบ้าบิ่นเหมือนเดิม!
“ใช้ได้!”
“เป็นหลานหลิงอ๋องคนเดิม!”
“หมอนี่พูดจาไม่เคยอ้อมค้อม!”
“ใส่หมดไม่สนลูกใครของจริง!”
“ก็พูดตรงเกิ๊น!”
“วุฒิภาวะทางอารมณ์ต่ำไง ถึงได้พูดจาขวานผ่าซากแบบนี้!”
“ฮ่าๆ อันหงกลั้นขำอีกแล้ว!”
“…”
ทุกคนมองดูสีหน้าของอันหงแล้วอดหัวเราะไม่ได้
อันหงพยายามข่มกลั้นรอยยิ้มสุดชีวิต “เอาละครับ ต่อจากนี้ขอเชิญนักร้องท่านที่สองในวันนี้ของพวกเรา…”
นักร้องคนที่สองน่าจะเป็นราชาเพลง!
เขาคือนักร้องชายซึ่งแต่งกายเป็นนักรบ
เมื่อเผชิญหน้ากับราชาเพลง หลานหลิงอ๋องจะยังคงรักษาความเฉียบคมนี้ไว้หรือเปล่า?
ผู้ชมต่างสงสัย
ไม่นานคำตอบก็ชัดเจน
“เวทีนี้เต็มไปด้วยไฮโน้ต แต่ปัญหาของคุณคล้ายกับมู่สือก่อนหน้านี้ คือจัดการจังหวะหายใจได้ไม่ดี การเปลี่ยนลมหายใจมีปัญหาเล็กน้อย” หลานหลิงอ๋องแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการแสดงของหน้ากากนักรบ
เอาแล้ว!
เป็นราชาเพลงแล้วยังไงล่ะ!
หลานหลิงอ๋องยังคงเป็นหลานหลิงอ๋องคนเดิม หลานหลิงอ๋องผู้ซึ่งกล้าวิจารณ์ราชาเพลงเฟ่ยหยางอย่างตรงไปตรงมา!
ด้านล่างเวทีฮือฮาขึ้นเรื่อยๆ!
คณะกรรมการประเมินก็คึกคักเช่นเดียวกัน!
“หลานหลิงอ๋องโหดไปอีก พอวิจารณ์หน้ากากนักรบเสร็จ ก็ลากมู่สือออกมาเฆี่ยนอีกรอบ!”
“กล้ามาก!”
“ตอนนี้ฉันละอยากเห็นสีหน้าใต้หน้ากากนักรบจริงๆ ก่อนหน้านี้กรรมการตัดสินเดาว่าหน้ากากนักรบคือราชาเพลงนี่นา!”
“อันหงไม่กลั้นขำแล้ว”
“ผ่านไปนานเข้าเดี๋ยวก็ชินเอง”
“พอรายการออกอากาศไป หลานหลิงอ๋องต้องถูกคนด่าอีกเยอะแน่เลย!”
“ผมขอพูดแบบเดิม ผมว่าเขาพูดมีเหตุผล”
“มีเหตุผลแล้วมีประโยชน์อะไร การแสดงของหลานหลิงอ๋องไม่มีที่ติเลยเหรอ แค่หาเรื่องติใครๆ ก็ทำได้ แต่ฉันยอมรับว่าฉันเองก็ชอบดูเขาพูดเรื่องพวกนี้ น่าตื่นเต้นดี!”
“…”
บนเวที
อันหงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ขอบคุณสำหรับคำวิจารณ์ของอาจารย์หลานหลิงอ๋องครับ ไม่ทราบว่าอาจารย์นักรบมีความเห็นว่าอย่างไรครับ”
“ผม?”
ชั่วขณะนั้นหน้ากากนักรบหันไปทางหลานหลิงอ๋อง ก่อนจะเอ่ยทีละคำอย่างหนักแน่น “ผมไม่เห็นด้วยกับความคิดของอาจารย์หลานหลิงอ๋อง!”
ผู้ชมตกตะลึง!
ทันใดนั้นก็พลันตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม!
เอาแล้ว!
ได้กลิ่นดินปืน!
จะตีกันบนเวทีไหมเอ่ย
หลานหลิงอ๋องไม่ตอบ
นักรบมองไปทางหลานหลิงอ๋องและพูดต่อ “จู่ๆ ผมก็อยากเจอกับอาจารย์หลานหลินอ๋องในการแข่งขันหลังจากนี้ขึ้นมา พอถึงตอนนั้นหวังว่าอาจารย์หลานหลิงอ๋องจะช่วยชี้แนะผมต่อไป!”
หน้ากากนักรบคนนี้อาจเป็นราชาเพลง!
แถมเป็นราชาเพลงที่ค่อนข้างมุทะลุคนหนึ่งด้วย!
ในรายการเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเขาเคยแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว และไม่ลงรอยกับคณะกรรมการตัดสินด้วยซ้ำ แม้จะหยุดยั้งได้ทันการณ์ แต่ผู้ชมก็รู้ว่าเขามีอารมณ์รุนแรง
กระต่ายเลือกที่จะเงียบเมื่อเผชิญกับคำวิจารณ์ของหลานหลิงอ๋อง
แต่เมื่อนักรบเผชิญกับคำวิจารณ์ของหลานหลิงอ๋อง เขากลับเลือกที่จะ…
ประกาศสงครามในทันที!
คณะกรรมการตัดสินทั้งสี่สนทนากันอย่างสนุกสนาน
“คมเฉือนคม!”
“รู้อยู่แล้วว่าต้องมีนักร้องที่ทนไม่ได้ต้องตอบโต้กลับ”
“ก่อนหน้านี้หลานหลิงอ๋องวิจารณ์ที่ด้านหลังเวที ไม่ได้พูดต่อหน้านักร้อง ครั้งนี้วิจารณ์ต่อหน้า นักร้องที่อารมณ์ร้อนไม่มีทางทนไหว”
“น่าสนใจ”
อิ่นตงจ้องมองหลานหลิงอ๋อง ราวกับอยากมองผ่านหน้ากาก เพื่อดูว่าใครอยู่ภายใต้หน้ากากนี้กันแน่ เขารู้สึกว่าการจัดการของทีมงานมักมีเจตนาแอบแฝง
หลานหลิงอ๋องจะตอบอย่างไร
สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังเขา
หลินเยวียนไม่ได้คิดมาก เขาไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายท้าทายตนเองด้วยซ้ำ เพียงแค่หยิบไมโครโฟนขึ้นมา
“ได้”
เขาตอบรับแล้ว!
สั้นกระชับ!
สมแล้วที่เป็นหลานหลิงอ๋อง!
อันหงกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “อาจารย์นักรบดูเหมือนจะไม่ยอมรับคำวิจารณ์ของอาจารย์หลานหลิงอ๋อง เห็นทีพวกเราต้องตั้งตารอการแข่งขันหลังจากนี้ไว้ล่วงหน้าได้เลยนะครับ!”
“…”
นักรบย่างสามขุมลงจากเวที
นักร้องสี่คนต่อมาทยอยขึ้นเวที รวมไปถึงคนที่หกซึ่งเป็นนักร้องลึกลับที่อาจเป็นราชินีเพลง
อย่างไรก็ตาม
ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับราชาหรือราชินีเพลง หลานหลิงอ๋องล้วนปฏิบัติอย่างเท่าเทียม เขาเอ่ยคำพูดจากใจท่ามกล่างการจับจ้องของเลนส์กล้องและผู้ชม สานต่อสไตล์ที่ผ่านมาของเขาอย่างสมบูรณ์แบบ นักร้องทุกคนล้วนได้รับความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา
“ไฮโน้ตไม่พุ่งพอ เพลงนี้ควรถ่ายทอดผ่านไฮโน้ตที่ทรงพลัง”
“เป็นบาริโทนที่ไพเราะมาก แต่ท่อนที่สองตอนเข้าดนตรีเร่งไปสักหน่อย ผิดพลาดอย่างเห็นได้ชัด คุณต้องขอบคุณนักดนตรีที่รับมือได้เป็นอย่างดี”
“นักร้องชายสิบคนมีเก้าคนที่ร้องได้แบบคุณ ไม่ดีไม่แย่ แต่ขาดเอกลักษณ์”
“…”
คมกริบ!
เฉือนขั้วหัวใจ!
ไร้ปรานี!
ต่อให้หลานหลิงอ๋องจะกล่าวชื่นชมบ้างเป็นบางครั้ง ด้านหลังมักจะตามมาด้วย ‘แต่’ ซึ่งเป็นจุดขัดแย้งเสมอ!
หกคนติดต่อกัน
ทั้งห้องส่งเดือดปุดๆ!
หลานหลิงอ๋องคนนี้ผิดมนุษย์มนา ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาแข่ง จะพูดจาค่อนแคะนักร้องสัปดาห์ละหนึ่งคน
แต่เมื่อเขามาเป็นกรรมการรับเชิญ ก็เปิดฉากรัวใส่ราวกับเป็นปืนกล!
ประหนึ่งนำนักร้องมากองรวมกันแล้วกระหน่ำยิงอย่างไรอย่างนั้น!
นักร้องทีมที่สามถูกหลานหลิงอ๋องวิจารณ์ทีละคนๆ!
โดยเฉพาะนักร้องคนสุดท้าย…
มั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายคือนักร้องระดับราชินีเพลง
แต่ถึงกระนั้น คำวิจารณ์ของหลานหลิงอ๋องคือ “เวทีนี้ร้องได้ไม่เลว จัดอยู่ในระดับกลางของราชินีเพลง”
ไม่เลว?
ระดับกลางของราชินีเพลง?
นี่คุณกำลังชื่นชมใช่ไหม แต่ทำไมฉันฟังแล้วรู้สึกแปลกๆ
ชมแบบนี้อย่าชมเลยดีกว่า!
ทว่าราชินีเพลงสวมหน้ากากคนนี้กลับไม่ได้โกรธเคือง เพียงแค่กล่าวอย่างซุกซน “ฉันยอมรับคำพูดนี้ แต่ฉันหวังว่าหลานหลิงอ๋องจะเอาชนะฉันซึ่งเป็นราชินีระดับกลางอย่างเป็นทางการในการแข่งขันหลังจากนี้ ถ้าทำได้ คำวิจารณ์ของคุณจะมีน้ำหนักมากขึ้น”
เอาแล้ว
นักร้องซึ่งแลดูเหมือนจะอารมณ์ดี ยังประกาศสงครามกับหลานหลิงอ๋อง หลานหลิงอ๋องคุณชอบใช้ปากตะไกรของคุณแขวะนักร้องคนอื่นใช่ไหม เก่งนักก็เอาชนะฉันให้ได้สิ!
“ได้”
หลานหลิงอ๋องยังคงพูดสั้นกระชับดังเคย
ทั้งห้องส่งแตกตื่นยกใหญ่ การแสดงความคิดเห็นหลังจากการแสดงทุกเวทีเรียกได้ว่าเป็นจุดไคลแม็กซ์ของรายการ และสำหรับฝีปากของหลานหลิงอ๋องนั้น…
มีคนโมโห!
มีคนตื่นเต้น!
มีคนก่นด่า!
มีคนสนับสนุน!
ประเด็นโต้เถียงซึ่งเกิดขึ้นจากหลานหลิงอ๋อง กลายเป็นหัวข้อสนทนาซึ่งได้รับความนิยมสูงสุดอีกครั้ง ลำพังแต่เรตติงของรายการก็ทะยานขึ้นสูงเต็มปรอท!
ในห้องควบคุม
ผู้กำกับถงซูเหวินยิ้มแฉ่งจนแทบหุบยิ้มไม่ลง เมื่อมีหลานหลิงอ๋อง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเรตติงของรายการในสัปดาห์หน้าอีกต่อไป!
อยากให้ใครถอดหน้ากากมากที่สุดน่ะหรือ
ถงซูเหวินมั่นใจ ว่าถ้าหากผู้ชมสามารถเลือกเปิดหน้ากากนักร้องได้เพียงหนึ่งคน ทุกคนจะเลือกหลานหลิงอ๋อง!
………………………………………………………..