บทที่ 437 ตัวตนของลูกศิษย์ที่ถูกหลบซ่อน

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 437 ตัวตนของลูกศิษย์ที่ถูกหลบซ่อน

บทที่ 437 ตัวตนของลูกศิษย์ที่ถูกหลบซ่อน

ขณะที่สองปู่หลานกำลังสนทนากันอยู่ พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นทางประตูเลยไม่ได้คุยกันต่อ แล้วหันไปมองที่ต้นเสียงแทน

จากนั้นก็มีกลุ่มคนจำนวนหลายคนเดินเข้ามา เมื่อมองจนแน่ชัดแล้วก็กลายเป็นคนที่ตนเองรู้จัก

เสี่ยวเถียนยิ้มกว้างแล้วก้าวเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย

“หัวหน้าหลี่ มาได้ยังไงคะ? วันนี้ลมหอบอะไรมากันเนี่ย?”

อีกฝ่ายประหลาดใจเมื่อเห็นเสี่ยวเถียนที่นี่ จากนั้นก็คลี่ยิ้มกว้าง

“วันนี้มีนัดกินข้าวน่ะ ฉันจำได้ว่าร้านอาหารบ้านเธออร่อยดีก็เลยพาคนมา! แล้วสาวน้อยยังอยู่ร้านหรือ?”

น้ำเสียงของหัวหน้าหลี่ฟังดูสบาย ๆ ท่าทางเป็นกันเองอย่างมาก

ซูเสี่ยวเถียนยิ้มหวาน

“วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ค่ะหัวหน้าหลี่ หนูเลยมาช่วยทำงานที่ร้าน”

“เป็นเด็กเป็นเล็กต้องตั้งใจเรียนนะ” หัวหน้าหลี่เอ่ยตือน จากนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าไม่มีความจำเป็น

“หัวหน้าหลี่ ที่ร้านของหนูมีห้องส่วนตัวนะคะ อยู่ตรงหัวมุมฝั่งโน้น เป็นมุมอับค่ะ เหมาะที่จะคุยกับแขกคนสำคัญด้วยนะคะ”

พอเด็กหญิงพูดจบ ทุกคนในบริเวณนั้นก็เกิดอาการตกใจ จากนั้นก็มองเห็นสีหน้าที่พลันย้ำแย่ลง

อยู่ในมุมอับ เด็กคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่? หรือคิดว่าพวกเรากำลังคุยเรื่องน่าละอายใจ?

ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป พวกเราคงไม่มีชีวิตที่ดีในอนาคตแน่ ๆ

“เรื่องที่พวกเราจะคุยไม่มีอะไรที่คนอื่นฟังไม่ได้หรอกนะ”

หัวหน้าหลี่มองไปรอบ ๆ ก่อนจะโล่งที่ในร้านไม่มีลูกค้า เขาตอบกลับไปอย่างหนักแน่น

เสี่ยวเถียนเพิ่งนึกได้ว่าต้องเป็นช่วงอีกหลายปีให้หลัง คนถึงจะให้ความสนใจกับความเป็นส่วนตัวกัน แต่จะแตกต่างไปจากยุคนี้

เป็นเพราะเธอประมาทเอง!

ซูเสี่ยวเถียนรีบยิ้มกว้างและแสดงท่าทีจริงใจ “หนูเห็นว่าพวกคุณอุตส่าห์ได้มาด้วยกัน ก็คงอยากจะดื่มไปด้วยคุยไปด้วยค่ะ แล้วก็คงไม่อยากให้คนอื่นเข้ามารบกวน หนูเลยแนะนำมุมนั้นให้”

ว่าจบก็มองไปที่ห้องโถง “ถ้าอยากนั่งในโถงกลางริมหน้าต่างก็ไม่เลวนะคะ”

สีหน้าของหัวหน้าหลี่ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด ต้องแบบนี้แหละ!

“สหายหลี่รู้จักสาวน้อยคนนี้ด้วยหรือ? คุยกันสนิทสนมเลยนะ!” ชายวัยกลางคนยิ้ม “ถึงสาวน้อยจะแนะนำตรงนี้ แต่เราไปห้องส่วนตัวกันเถอะ”

ดูเหมือนคนผู้นี้จะอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า น่าจะเป็นคนตัดสินใจ

“ใช่ครับหัวหน้าหลี่ พวกเรารื่นเริงดื่มสุรา น่าจะเสียงดัง รบกวนคนอื่นไม่ใช่เรื่องดีนะ!”

เสี่ยวเถียนได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจ

ถึงการนั่งในห้องส่วนตัวจะให้ความรู้สึกกดดันอยู่บ้าง แต่น่าจะมีคนชอบความเป็นส่วนตัวบ้างแหละ

เสี่ยวเถียนพาพวกเขาเข้าไปก่อนจะเชิญให้นั่งลง

หัวหน้าหลี่มองเสี่ยวเถียนที่กำลังยุ่งวุ่นวาย พลางคิดว่าเด็กที่เก่งขนาดนี้ ทำไมถึงมาเป็นพนักงานร้านอาหารได้กันนะ?

มือของเธอควรถือปากกาเพื่อแปลเอกสารสิ

เสียความสามารถหมด!

“มา ๆ เสี่ยวเถียน ฉันจะแนะนำให้เธอรู้จักเอง ท่านนี้คือผู้อำนวยการหู เป็นเจ้าของโรงงานน่ะ ส่วนท่านนี้คือหัวหน้าแผนกเฉียนของฝ่ายการผลิตในโรงงานของเราน่ะ…”

หัวหน้าหลี่แนะนำทีละคน แต่เขาไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรมาก

ส่วนใหญ่พวกเขามาจากโรงงานไฟฟ้าตงเฟิง มีแค่คนเดียวที่ไม่ใช่คนของทางโรงงาน หัวหน้าหลี่จึงไม่ได้แนะนำอะไรเป็นพิเศษ เสี่ยวเถียนจึงไม่ได้ถามอะไร

เธอทักทายทุกคนอย่างระมัดระวัง ทั้งยังถ่อมตัว จึงได้รับความประทับใจจากพวกเขา

คนอื่น ๆ ไม่คิดว่าหัวหน้าหลี่จะแนะนำให้กับเด็กสาวคนนี้อย่างจริงจัง หลากหลายสายตาจ้องมองด้วยความงุนงง

ได้แต่สงสัยว่าทำไมเขาถึงปฏิบัติกับเธอดีเป็นพิเศษ

“หัวหน้าหลี่ เธอคือ…” หัวหน้าแผนกเฉียนอดไม่ได้ที่จะถามออกมา

“นี่คือซูเสี่ยวเถียนที่ผมเล่าให้ฟังครับ สาวน้อยผู้เก่งภาษาฝรั่งเศส!” หัวหน้าหลี่รีบแนะนำ

น้ำเสียงโอ้อวดทำให้คนอื่น ๆ คิดว่าหัวหน้าหลี่ไม่ได้กำลังแนะนำให้รู้จักเธอในฐานะคนทั่วไป แต่กำลังแนะนำรุ่นน้องต่างหาก

ผู้อำนวยการหูผงะไป เขาเคยได้ยินมาว่าหัวหน้าหลี่เจอเด็กที่เชี่ยวชาญภาษาฝรั่งเศสด้วย

ตอนนั้นก็คิดว่าน่ามหัศจรรย์อยู่เลย แต่เขาก็เชื่อว่าน่าจะเป็นผู้ใหญ่แล้วใช่ไหมล่ะ?

แต่ไม่เคยเห็นเด็กหญิงที่อายุน้อยขนาดนี้มาก่อน

เด็กตรงหน้าอายุน้อยเกินไปหน่อยไหม?

อายุเท่าไรเนี่ย? ถึงเกณฑ์หรือยัง?

ถ้าสหายหลี่ทำแบบนี้มันจะถือว่าเป็นการจ้างแรงงานเด็กหรือเปล่า?

ไม่รู้ทำไมถึงคิดแบบนี้ แต่โชคดีที่ตนไม่ได้พูดออกไป

“สหายหลี่ เด็กคนนี้อายุยังน้อยอยู่เลย เชี่ยวชาญภาษาฝรั่งเศสจริง ๆ หรือครับ?”

หัวหน้าหลี่พูดอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนสิครับผู้อำนวยการหู ผมจะโกหกคุณได้ยังไง? อย่าเห็นว่าเธอเป็นเพียงเด็กเชียวนะ นี่คือลูกศิษย์คุณฉือเก๋อเลยนะครับ”

ตั้งแต่ที่ฉือเก๋อกลับมาเมืองหลวง มีหลายคนที่อยากจะเกาะแข้งเกาะขาฉือเก๋อ

ได้ยินว่ามีหลายตระกูลอยากส่งลูก ๆ ไปหาฉือเก๋อ และขอให้เขาเป็นผู้สอนแทน แต่อันที่จริงมันก็แค่การพูดคุยทั่วไปนั่นแหละ

หากอีกฝ่ายยอมรับเป็นศิษย์แล้ว พวกเขาต้องมีอนาคตไกลแน่นอน

แต่ช่วงนี้ฉือเก๋อบอกว่าเขารับศิษย์เป็นการส่วนตัว และจะไม่รับต่อแล้วด้วย

แม้แต่ผู้อำนวยการหูก็ได้ยินข่าวนี้

“เธอเป็นศิษย์ของคุณฉือจริง ๆ หรือ?”

“ผู้อำนวยการหู ผมไม่กล้าปิดบังคุณหรอกนะครับ แต่เสี่ยวเถียนเป็นลูกศิษย์ลับ ๆ ของเขาครับ!”

คำตอบนี้สร้างความประหลาดใจอย่างมาก ทำให้คนอื่นตกอยู่ในอาการตกตะลึง

นี่คือลูกศิษย์ลับ ๆ ของฉือเก๋องั้นหรือ?

จะเป็นไปได้ยังไง?

เขาหาคนเก่ง ๆ ไม่ได้แล้วหรือ ถึงได้รับเด็กที่ไม่ค่อยเจริญหูเจริญตามาน่ะ

“ไม่ได้เข้าใจผิดใช่ไหม?”

ผู้อำนวยการหูแทบไม่อยากจะเชื่อเลย

สาวน้อยผู้ช่วยงานในร้านอาหาร จะเป็นศิษย์ของฉือเก๋อได้หรือ?

อย่ามาทำเป็นตลกไปหน่อยเลยน่า!

ขณะที่เขากำลังคิดก็มีคนเอ่ยขึ้นมา

“หัวหน้าหลี่ คุณเข้าใจผิดหรือเปล่าครับ?”

“ไม่อยู่แล้ว เสี่ยวเถียนเป็นศิษย์ของคุณฉือเก๋อมานานเป็นปี ๆ แล้วนะ! ต่อให้ฉันเลอะเลือนก็ไม่น่าจะสับสนกับเรื่องแบบนี้หรอกนะ!”

เสี่ยวเถียนเอาแต่ฟัง ไม่ได้พูดอะไรเลย

ใบหน้าเล็ก ๆ มีรอยยิ้มจางประดับอยู่

ทันใดนั้น ทุกคนก็มองเสี่ยวเถียนด้วยสายตาที่ต่างออกไป

ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใด แค่พุ่งไปยังความจริงที่ว่าเด็กคนนี้เป็นศิษย์ลับ ๆ ของฉือเก๋อ และเสี่ยวเถียนก็ไม่ได้ทำตัวโอ้อวดหรือหยิ่งผยองเลย

สถานะของเธอ ต่อให้อายุน้อยก็พอให้เทียบเทียมกับพวกเขาแล้ว

โอ๊ะ ไม่สิ ถ้าเท่าเทียมกันจริง พวกเขาก็จะได้ประโยชน์ด้วย!

ผู้อำนวยการหูเริ่มต่อสู้กับความคิดที่ว่าจะชวนเสี่ยวเถียนมากินข้าวด้วยกันดีไหม

ตอนนั้นเองที่เด็กสาวได้เอ่ยขึ้น