บทที่ 481 แขกที่ไม่ได้รับเชิญของห้องหนังสือ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 481 แขกที่ไม่ได้รับเชิญของห้องหนังสือ

รู้ตั้งนานแล้วว่าก่อนนางจะมาก็ควรแก้ไขมันอย่างรวดเร็ว

ตอนนี้กลับดี ถูกแย่งขาหมูไปอีก

เมื่อหลานเยาเยาเห็นว่าเป็นเขาจริงๆ ก็ไม่สนใจสีหน้าใดๆ สีหน้าเย็นชาและเอ่ยออกมาเสียงเย็น:

“ตาเฒ่าเย่น ท่านมาที่นี่ทำไม? ไม่ใช่ว่าท่านมีเรื่องที่ใหญ่กว่านี้ต้องทำหรือ?”

พวกการกอบกู้ราชวงศ์เก่า อัครเสนาบดีโอรสแห่งสวรรค์อะไรนั่น เรื่องสำคัญใหญ่ๆรอเขาทำอยู่ จะมาที่นี่ทำไม?

จะไปรนหาที่ตายกับนางที่ทะเลทรายหรือ?

“เฮอะ! เรื่องสำคัญอะไรจะไปสำคัญกว่าชีวิตของหลานสาว?”

ประโยคนี้ทำให้หลานเยาเยาอบอุ่นหัวใจ

ตาเฒ่าเย่นมักจะชอบพูดประโยคน่าฟัง นางเองก็ประทับใจ แต่จู่ๆตาเฒ่าเย่นก็พูดมาอีกว่า:

“ที่ข้าพูดเช่นนี้ พอถึงตอนอาหารเช้า ก็สามารถเพิ่มขาหมูอีกสองขาได้ใช่ไหมหล่ะ?”

หลานเยาเยาหมดคำพูดทันที

เหลือบตามองเขาแล้วพูดอย่างรังเกียจว่า: “ท่านกลับไปเถอะ! ไม่ใช่ว่าทุกที่จะมีขาหมู และก็ไม่ใช่ว่าขาหมูทุกที่จะอร่อยเหมือนกับที่เมืองหลวงนี่

อีกอย่าง พูดคำกินใจขนาดนี้เพียงเพื่อจะได้ขาหมูเพิ่ม ยังพูดออกมาอย่างไม่อาย ไม่รู้จักเก็บเอาไว้หรือไง?”

“ไม่มีจริงๆหรือ?” ตาเฒ่าเย่นถามอย่างไม่ล้มเลิกความตั้งใจ

“ไม่มี! เมื่อถึงทะเลทรายแล้ว แม้แต่ดินก็ไม่มีให้กิน”

“งั้นก่อนจะถึงทะเลทราย ก็กินเนื้อมากขึ้นหน่อยได้ไหม?” ไม่มีขาหมู ก็น่าจะมีเนื้อนะ? ถ้าไม่มีแม้แต่เนื้อ มันจะทำให้อิ่มได้อย่างไร!

“วางใจได้ ทุกมื้อมีเนื้อ”

สำหรับการเดินทางไปทะเลทราย พื้นที่ว่างในระบบการรักษาโรคภัยไข้เจ็บของนางแทบจะเต็มไปด้วยของ นางพกไปมากที่สุดชนิดที่ว่าห้ามขาดของโดยเด็ดขาด

“พูดได้ดี พูดได้ดี หลานสาวเด็กดี ปู่ชอบเจ้าแบบนี้”

ขณะพูด เขาก็แย่งขาหมูที่หลานเยาเยาแย่งไปไว้ในมือกลับมา “นี่เป็นของปู่ คนรุ่นเด็กอย่างเจ้าจะมาแย่งอะไร ไปไหนก็ไป”

หลานเยาเยามองมือที่ว่างเปล่า เหลือแต่เพียงมือที่มีน้ำมัน กำลังคิดว่าจะแย่งกลับมาอีกดีไหม?

ก่อนหน้านี้สู้กับเย่แจ๋หยิ่งมาสามร้อยรอบ ท้องก็หิวแล้ว ตอนนี้เมื่อเห็นว่าขาหมูที่แย่งมาถูกแย่งกลับไปก็แอบกลืนน้ำลายเงียบๆ จากนั้นก็มองสีหน้าของทุกคนในศาลา รีบสะบัดแขนเสื้อ พูดอย่างสง่าว่า:

“ใช่ นอกจากนั้นหลานเองก็เป็นเจ้าสำนัก มีเงินกองใหญ่ ของกินกองใหญ่ จะไปแย่งของกับท่านได้อย่างไร?”

พูดไปมาก็ได้กลิ่นหอม สายตาก็อดชำเลืองไปอยู่ที่ขาหมูไม่ได้ สุดท้ายก็ตัดสินใจย้ายสายตาไปมองเนินเขาต้นไม้สีเขียวอันแสนไกล

รอจนหลังจากตาเฒ่าเย่นจัดการขาหมูสองขาในมือเสร็จถึงจะเงยหน้ามีกำลังใจสู้ มายืนอยู่ข้างหลานเยาเยา และพูดเสียงดังกังวานว่า:

“ปู่เป็นแบบนี้ อีกครู่เดี๋ยวคนเลวพวกนั้นก็มาแล้ว จะจำข้าได้ไหมนะ?”

เมื่อได้ยินเขาพูด หลานเยาเยาก็เงยหน้ามองเขา มองขึ้นลงสามรอบ หลังจากนั้นก็ลง และพูดยิ้มอย่างดูถูกว่า:

“ตาเฒ่าเย่น ตอนนี้ท่านไม่ต่างไปจากยาจกเลย ไม่ต้องกังวลว่าจะจำได้ไหมหรอก ควรจะกังวลว่าพวกเขาจะไล่ท่านออกมาไหมดีกว่า”

ตาเฒ่าเย่นไม่สบอารมณ์ ชำเลืองมองหลานเยาเยา

“นี่พูดอะไร? ข้าแต่งตัวอย่างนี้มันสุดจะทนขนาดนั้นเลยหรือไง?”

ไม่ใช่ว่าคนเลวพวกนั้นเคยบอกเขาว่าหลานเยาเยาคิดถึงเขาอย่างไรๆ แทบอยากจะเจอเขาแล้วเข้าไปทำความเคารพปู่คนนี้หรือ?

แต่จะแบบไหนก็ไม่ใช่หลานเยาเยาที่คุกเข่าอยู่กับพื้นประเคนของอร่อย เครื่องดื่มอร่อยให้ แต่มันเหมือนกับแต่ก่อน ที่ทำกับเขาชายชราอย่างอาฆาต……

ตาเฒ่าเย่นเบ้ปาก ฮึดฮัดเย็นชา

“ไม่ได้สุดจะทน แต่มันสุดจะทนอย่างยิ่ง!”

อย่างไรเส้นทางการถกเถียงกันของตาเฒ่าเย่นและหลานเยาเยาก็ยิ่งไกลไปเรื่อย เถียงกับตาเฒ่าเย่นไปด้วย และก็คิดในใจไปด้วย

ทั้งสองคนกำลังถกเถียงกันในระดับที่เกินไปแล้ว……

“พวกเขามาแล้ว!” ไม่รู้ว่าเป็นเสียงใครพูดขึ้นมา