บทที่ 480 ข้าเป็นคนที่ยุติธรรมเสมอมา

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 480 ข้าเป็นคนที่ยุติธรรมเสมอมา

บทที่ 480 ข้าเป็นคนที่ยุติธรรมเสมอมา

ทุกสายตาหันไปทางเฉิงโซวผิง ซึ่งกำลังเชียร์และส่งเสียงกรีดร้องให้ซูอัน

“เฉิงโซวผิง สิ่งที่พวกเขาพูดจริงหรือเปล่า?”

เฉิงโซวผิงยืดอก “ถูกต้องแล้ว! แม่นางชิวยอมควักเงินตัวเองเพื่อปลดปล่อยตัวนางจากหอสุขนิรันดร์ด้วยซ้ำ!” เขาคิดว่าสิ่งนี้ควรค่าแก่การสรรเสริญ

“ไม่มีทาง!”

“นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย!”

“บางทีมันอาจจะเป็นความจริง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ แม่นางชิวได้ส่งคำเชิญส่วนตัวมาหานายน้อยเพื่อให้ไปพบกับนางที่หอสุขนิรันดร์”

“หรือว่าจริง ๆ แล้วเขามีบางอย่างที่แสนวิเศษและเราไม่รู้?”

เฉิงโซวผิงไม่ได้หยุดการสรรเสริญของเขา “นายน้อยของตระกูลเราทั้งโดดเด่นและสง่างาม! เสน่ห์ของเขาช่างเหนือชั้น! ทำไมพวกเจ้าถึงรู้สึกแปลกที่แม่นางชิวชอบนายน้อย? อย่าใช้มาตรฐานที่ต่ำต้อยของตัวเองประเมินนายน้อยของเรา ไม่มีใครเทียบเขาได้เลย…ฮ…เฮ้! เดี๋ยวสิ! พวกเจ้าทุกคนมารุมชกข้าทำไม อ๊ากกก!”

“ไอ้ลูกหมา! เพียงเพราะเราไม่กล้าทุบตีนายน้อย มันไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่กล้าทุบตีเจ้า! เจ้ากล้าดียังไงถึงทำตัวอวดดีต่อหน้าเราแบบนี้!”

คนรับใช้เหล่านี้กำลังเดือดดาลเพราะซูอัน ดังนั้นเมื่อเฉิงโซวผิงยังคงสรรเสริญซูอันต่อไป ไฟแห่งโทสะจึงปะทุขึ้นในท้ายที่สุด

เมื่อความอดทนของฝูงชนถึงขีดจำกัด ฉากต่อมาจึงลงเอยด้วยการใช้กำลังทุบตี!

เฉิงโซวผิงอยากจะร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตาออกมา นายน้อยเป็นคนที่ได้ประโยชน์ทุกอย่าง แต่ทำไมข้าถึงเป็นคนที่ถูกตีอยู่เสมอล่ะ?!

“ฮัดชิ่ว!”

ซูอันถูจมูกของตัวเองอย่างแรง

“เป็นอะไร? ท่านเป็นหวัดหรือเปล่า?” ชิวฮัวเล่ยถามด้วยความสงสัย

ซูอันหัวเราะคิกคักก่อนจะตอบ “ไม่หรอก น่าจะเป็นเพราะมีใครบางคนกำลังนึกถึงใบหน้าที่หล่อเหลาของข้าอยู่มากกว่า”

ชิวฮัวเล่ยยิ้ม “อาซูเป็นคนตลกจริง ๆ”

ทั้งสองคุยกันแบบสบาย ๆ ซึ่งทำให้สาวใช้ที่เป็นผู้นำทางรู้สึกขวางหูขวางตา!

เมื่อพวกเขามาถึงเรือนของฉู่ชูเหยียน ชิวฮัวเล่ยก็มองไปที่ป้ายซึ่งแขวนอยู่บนขื่อหลังคา นางอ่านออกเสียงช้า ๆ ว่า “ ‘เรือนไร้เสียง’

บรรยากาศของสถานที่แห่งนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีชื่อที่ไพเราะ พี่หญิงใหญ่จะต้องเป็นบุคคลที่มีบทกวีในหัวใจอย่างแท้จริง หัวใจของข้ารู้สึกสงบขึ้นมากเมื่อได้อ่านคำนี้”

ซูอันตกตะลึง เขาไม่เคยใส่ใจกับสถานที่นี้มากนัก แม้จะมาเยือนหลายครั้งแล้วก็ตาม

“แม่นางชิวยกย่องข้าเกินไปแล้ว หอสุขนิรันดร์ของเจ้าก็มีชื่อเสียงเช่นกัน น่าเสียดายจริง ๆ ที่ข้าไม่เคยมีโอกาสได้ไปเยี่ยมชมมาก่อน” ฉู่ชูเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ร่างที่อ่อนหวานและสง่างามยืนอยู่ที่ทางเข้าแล้ว

ชิวฮัวเล่ยเริ่มแปลกใจ ทำไมฉู่ชูเหยียนไม่แสดงอาการป่วยหรืออ่อนแอที่เกิดขึ้นจากเมื่อวานเลย! ในทางกลับกัน ผิวของนางกลับเป็นสีชมพูเปล่งประกาย! และยิ่งไปกว่านั้นนางดูไม่เย็นชาเหมือนข่าวลือด้วยซ้ำ!

แม้จะสับสน แต่ปากของนางก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว “ข้าอยากจะเชิญพี่สาวมาเป็นแขกเสมอ แต่น่าเสียดายที่หอสุขนิรันดร์เป็นสถานที่อโคจร ดังนั้นข้าจึงไม่ต้องการทำให้ชื่อเสียงของพี่สาวแปดเปื้อน”

“แม่นางชิวพูดเกินไปแล้ว อันที่จริง ข้าชื่นชมเจ้าจริง ๆ ที่เจ้ายังคงความบริสุทธิ์งดงามเช่นเดิมหลังจากที่อยู่ในสถานที่เช่นนั้นมาหลายปี” ฉู่ชูเหยียนกล่าวขณะที่นางต้อนรับพวกเขา

ซูอันตกตะลึง เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทั้งสองถึงคุยกันอย่างกับเป็นพี่น้องมาหลายปีแบบนี้?

ชิวฮัวเล่ยเองก็สับสนเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเมื่อวานนี้ฉู่ชูเหยียนยังคงโกรธอยู่ แต่ทำไมวันนี้นางกลับพูดคุยกับข้าด้วยอารมณ์ที่สงบนิ่งได้ขนาดนี้? เกิดอะไรขึ้นกับนางในชั่วข้ามคืน?

หญิงสาวทั้งสองใช้เวลาที่เหลือพูดคุยกันอย่างสบาย ๆ ในหัวข้อต่าง ๆ สิ่งเดียวที่พวกนางไม่ได้พูดถึงคือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซูอัน

แม้ชิวฮัวเล่ยจะเรียกนางว่า ‘พี่หญิงใหญ่’ อย่างต่อเนื่อง แต่ฉู่ชูเหยียนก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยามากนัก และนางก็ไม่ได้คัดค้านคำเรียกนี้ แต่ก็ไม่ได้แสดงว่าเห็นด้วยอย่างชัดเจนเช่นกัน นางยังคงเรียกฝ่ายตรงข้ามอย่างสุภาพว่า ‘แม่นางชิว’

ซูอันคิดอยากจะกรีดร้องอยู่หลายครั้ง แต่หญิงงามทั้งสองก็ไม่สนใจเขามากนัก แต่ละคนต่างก็จดจ่ออยู่ที่อีกฝ่าย ตอนนี้พวกนางจะมายุ่งเกี่ยวกับเขาได้ยังไง?

ซูอันไม่มีความสุข มีบางอย่างผิดปกติอย่างร้ายแรง! แผนการของเขาที่จะกวาดคะแนนความโกรธแค้นได้ล้มเหลวซะแล้ว!

หลังจากการพูดคุยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปครู่หนึ่ง ฉู่ชูเหยียนก็พูดถึงประเด็นหลักของนางในที่สุด “แม่นางชิวตั้งใจจะแต่งงานกับซูอันจริง ๆ เหรอ?”

ชิวฮัวเล่ยกำลังรอช่วงเวลานี้ “แน่นอน” นางพูดด้วยรอยยิ้ม

การแสดงออกของฉู่ชูเหยียนไม่สามารถอ่านได้ “เจ้าจะไม่ปฏิเสธ แม้ว่าเจ้าจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลฉู่?” ฉู่ชูเหยียนถามต่อ

ชิวฮัวเล่ยถอนหายใจ “เนื่องจากอาซูไม่ต้องการทิ้งพี่หญิงใหญ่ ข้าเองก็คงทำได้แต่ตามใจเขาเท่านั้น พูดตามตรงข้าเองก็รู้สึกวิตกเช่นกัน ข้าหวังว่าหลังจากนี้พี่หญิงใหญ่จะสงสารข้า พี่หญิงใหญ่มีชื่อเสียงว่าเป็นผู้สูงส่งและเอื้ออาทร ดังนั้นข้าจึงคิดว่าท่านคงไม่สร้างความยากลำบากให้กับข้าจริงไหม?”

ฉู่ชูเหยียนส่ายหัวเล็กน้อย “ข่าวลือไม่ได้เป็นข้อเท็จจริงเสมอไป เจ้าคิดว่าผู้หญิงจะใจกว้างแค่ไหนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวกับสามีของนางเอง”

ชิวฮัวเล่ยแสดงสีหน้าสลดลง อย่างไรก็ตามนางรีบสลัดสีหน้าหดหู่ออกไปอย่างรวดเร็ว “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่าระหว่างพวกท่านไม่ได้มีความรักที่แท้จริงต่อกัน ดูเหมือนว่าจริง ๆ แล้วทุกคนเข้าใจผิดอย่างมหันต์”

ซูอันกระโจนเข้าหาโอกาสนี้ เขาพุ่งไปนั่งที่ด้านข้างของฉู่ชูเหยียนและคล้องแขนภรรยาของเขาไว้ “แน่นอน! ความรักที่เรามีต่อกันเป็นเรื่องจริง! ใช่ไหมที่รัก?”

ฉู่ชูเหยียนรู้สึกเขินอายทันที นางต้องการผลักเขาออกไปตามสัญชาตญาณ แต่ก่อนที่จะได้ทำเช่นนั้นเหตุการณ์ในคืนก่อนผุดขึ้นในใจของนางอย่างฉับพลันจนทำให้ร่างกายของนางอ่อนระทวย

เมื่อสังเกตเห็นวิธีที่ซูอันคล้องแขนฉู่ชูเหยียน และท่าทางเขินอายของฉู่ชูเหยียน ความมั่นใจของชิวฮัวเล่ยก็สะดุดทันที แผนของนางก่อตั้งขึ้นโดยอาศัยหลักที่ว่า ซูอันไม่ได้รับการยกย่องในตระกูลฉู่ และเมื่อไหร่ที่เขาถูกกดดันจนทนไม่ไหว นางจะเข้ามาช่วยเหลือเขาในช่วงเวลาที่ชายหนุ่มต้องการ

อย่างไรก็ตาม เมื่อนางได้เห็นทั้งซูอันและฉู่ชูเหยียนเป็นเช่นนี้ นางจึงตระหนักได้ว่า ความเป็นจริงนั้นห่างไกลจากข้อมูลที่นางมีมาก

ซูอันตบต้นขาของตัวเอง เชิญชวนให้นางมานั่งกับเขา เขาพูดอย่างร่าเริงว่า “ข้าเป็นคนยุติธรรมมาตลอด ข้าสัญญาว่าจะแบ่งปันตัวเองอย่างเท่าเทียมกันระหว่างพวกเจ้าทั้งสองคน!”

ชิวฮัวเล่ยตกตะลึง ฉู่ชูเหยียนก็ประหลาดใจกับสิ่งที่นางเพิ่งได้ยิน

ขณะที่ทั้งสองกำลังจะระเบิดอารมณ์ มีคนขัดจังหวะพวกนาง “คุณหนูใหญ่ ท่านอ๋องต้องการให้รายงานท่านว่ามีการประท้วงของพ่อค้าที่หน้าคฤหาสน์เจ้าเมือง ดูเหมือนว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพ่อบ้านตระกูลเจิ้ง”

“พ่อค้าประท้วง?” ฉู่ชูเหยียนขมวดคิ้ว ความเป็นไปได้มากมายเกิดขึ้นในใจของนาง

ชิวฮัวเล่ยยิ้ม “ดูเหมือนว่าคุณหนูฉู่กำลังยุ่ง งั้นข้าขอตัวก่อนก็แล้วกันเพื่อไม่ให้รบกวนท่านต่อไป”

ฉู่ชูเหยียนสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในวิธีที่ชิวฮัวเล่ยพูดกับนางทันที ทำไมจู่ ๆ ผู้หญิงคนนี้ถึงหยุดเรียกข้าว่า ‘พี่หญิงใหญ่’?

“ไม่มีปัญหา จริงสิ ข้าสงสัยว่าแม่นางชิวมีคำขอพิเศษอะไรไหมเมื่อเรารับเจ้าเข้าตระกูล?”

“ขอเวลาให้ข้าตัดสินใจหน่อย หอสุขนิรันดร์ดูแลข้ามาหลายปี พวกเขาน่าจะลังเลที่จะปล่อยข้าไป ข้ากลัวว่าอาจจะต้องใช้เวลาสักพักกว่าข้าจะได้ออกมา”

ในหัวของชิวฮัวเล่ย ตอนนี้คิดว่าสถานะของซูอันในตระกูลฉู่ค่อนข้างมั่นคงแล้ว และความสัมพันธ์ของเขากับฉู่ชูเหยียนก็ห่างไกลจากคำว่าห่างเหินมาก นางคงต้องพิจารณาแผนทั้งหมดของนางใหม่

แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของชิวฮัวเล่ยจะทำให้ฉู่ชูเหยียนประหลาดใจ แต่นางก็ปล่อยไป เพราะจริง ๆ แล้วนางก็ไม่ปรารถนาที่จะรับชิวฮัวเล่ยเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลฉู่อยู่เลย “ถ้าเช่นนั้นตระกูลฉู่จะไม่ขัดต่อความปรารถนาของแม่นางชิว”

ชิวฮัวเล่ยยืนขึ้นและโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อร่ำลา แต่เมื่อนางไปถึงประตู นางก็หันกลับมา “ว่าแต่…คุณหนูฉู่คิดว่าตอนนี้ท่านอ๋องจะยอมอนุญาตให้ข้ากลับไปที่หอสุขนิรันดร์ได้แล้วหรือยัง?”