บทที่ 441 ใครให้ความมั่นใจเธอมาหรือ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 441 ใครให้ความมั่นใจเธอมาหรือ

บทที่ 441 ใครให้ความมั่นใจเธอมาหรือ

ในการเจรจาจะต้องต่อสู้ทางด้านไหวพริบและความกล้า เสี่ยวเถียนเชื่อเลยว่าฉือเก๋อไม่สามารถทนได้แน่นอน

เธอเอ่ยอย่างสุภาพก็จริง แต่เป็นการปฏิเสธโดยสิ้นเชิง

สีหน้าของผู้อำนวยการหูและคนอื่น ๆ สลดลงทันที

โดยเฉพาะผู้อำนวยการหม่า เขามีสีหน้าย่ำแย่มาก!

แต่จะทำอะไรได้ล่ะ?

เพราะฉือเก๋ออายุมากแล้วจริง ๆ

เขาเดินทางมาจากตะวันตกเฉียงเหนือ สภาพยากลำบาก ร่างกายย่ำแย่ สิ่งที่เธอพูดก็ถูกต้อง

หัวหน้าหลี่รีบยิ้ม “เสี่ยวเถียนช่วยแนะนำทีนะ พวกเราแค่อยากพบคุณฉือสักครั้ง เผื่อว่าเขาจะพอแนะนำใครได้บ้างหรือเปล่าน่ะ”

เขาคิดว่ามันเป็นวิธีที่ดีหากคุณฉือชี้เป้าให้ได้สักคน มันอาจรับประกันได้สักหน่อย

เสี่ยวเถียนไม่ได้ตอบ แต่เอ่ยถามแทน “พวกคุณหาคนที่รู้ภาษาเยอรมันเพื่อมาเป็นล่าม หรือเป้าหมายคือพบคุณปู่ฉือคะ?”

เธอรู้สึกว่าระดับภาษาเยอรมันของเธอก็ไม่ได้แย่อะไร ถ้ารับหน้าที่นี้อีกสักครั้งก็คงทำเงินได้เยอะสินะ?

นับตั้งแต่ที่เธอซื้อบ้านหลังที่สอง เสี่ยวเถียนยิ่งรู้สึกว่าเธอเป็นคนยากจน จนเข้าไปทุกที!

ทุกคนไม่คิดว่าเสี่ยวเถียนจะพูดเช่นนั่น ได้แต่มองหน้ากันด้วยความตกตะลึง

จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่รู้จะตอบยังไง

“คำถามมันยากไปหรือคะ?” เสี่ยวเถียนยังคงยิ้มการค้าอยู่

และคราวนี้เป็นผู้อำนวยการหม่าที่ตอบแทน

“สาวน้อย เป้าหมายสูงสุดของเราคือการหาล่ามที่เข้าใจภาษาเยอรมัน เพราะตอนนี้คนรู้ภาษารัสเซียเยอะมากขึ้น แต่ภาษาเยอรมันน้อยเกินไป”

มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาพอจะพูดด้วยความสุภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้

เสี่ยวเถียนพยักหน้ารับรู้

น้อย?

ในยุคนี้คนที่รู้ภาษาต่างประเทศหายากมากจริง ๆ นั่นแหละ

“งั้นหนูแนะนำตัวเองได้ไหมคะ!” เธอพูดออกมาอย่างไม่เกรงใจเลย

แนะนำตัวเอง?

ทุกคนไม่คิดถึงผลตอบรับเช่นนี้เลย

ผู้อำนวยการหม่ามองเด็กสาวขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่นาน แววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ

เด็กคนนี้เพิ่งจะอายุเท่าไรเอง?

ได้ยินว่าเชี่ยวชาญภาษาฝรั่งเศสอยู่แล้วไม่ใช่หรือ

และจะรู้ภาษาเยอรมันได้ยังไง?

เคยได้ยินภาษาเยอรมันหรือ?

แค่สบตาก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อ จึงทำแค่ยิ้มและเอ่ยออกมาเป็นภาษาเยอรมัน

เขาติดต่อกับชาวเยอรมันมาหลายปี ถึงจะไม่เชี่ยวชาญแต่กับประโยคง่าย ๆ ก็แปลได้

แต่ตอนนี้เสี่ยวเถียนกำลังทักทายเขา เขารู้สึกคุ้นมากๆ

สีหน้าผู้อำนวยการหม่าพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอเข้าใจจริง ๆ หรือ?

“เสี่ยวเถียน เธอพูดอะไรอยู่น่ะ?”

หัวหน้าหลี่เข้าใจภาษาฝรั่งเศสได้แค่หนึ่งหรือสองประโยคเท่านั้น แต่กับภาษาเยอรมันเขาไม่รู้อะไรเลย

“หัวหน้าหลี่ หนูเพิ่งพูดภาษาเยอรมันไปค่ะ คาดว่าผู้อำนวยการหม่าน่าจะเข้าใจนะคะ?” เสี่ยวเถียนตอบ

ผู้อำนวยการหม่าพยักหน้า

เข้าใจอยู่แล้ว แถมเธอยังออกสำเนียงดีด้วย ใครรู้ภาษานี้ก็ฟังเข้าใจทั้งนั้น

“เธอออกเสียงดีเลยนะ ชัดมาก” ผู้อำนวยการหม่ามองเด็กสาวด้วยความเสียใจ

การออกเสียงชัดเจนเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเป็นล่าม

แต่พวกเราไม่ได้ต้องการการแปลธรรมดา ๆ แต่ต้องการคนที่เข้าใจศัพท์เฉพาะ และมันเป็นความต้องการที่สูงมาก ดู ๆ แล้วในเมืองหลวงคงมีไม่กี่คน

เสี่ยวเถียนสังเกตเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า จึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เหมือนผู้อำนวยการหม่าจะไม่ชอบหนูนะคะ?”

สายตาที่เขามองมาเหมือนกำลังหาข้อเท็จจริง

ท่าทางเหมือนอยากจะบอกว่า ยัยเด็กคนนี้ถ่อมตัวหน่อยไม่ได้หรือไง?

และคิดว่าแค่ใช้ได้ดีจะได้ทำงานเป็นล่ามหรือ?

“สาวน้อย เธอออกเสียงได้ดีมากเลย แต่ว่าตอนที่เราเจรจากับทางนั้น มันจะมีศัพท์เฉพาะเยอะเลย เข้าใจเรื่องทั่วไปมันไม่พอหรอกนะ!”

ท่าทางไม่ใส่ใจเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ชอบเสี่ยวเถียน

อุตส่าห์มีโอกาสได้พบผู้สืบทอดของฉือเก๋อสักที แต่ไม่คิดเลยว่าจะเสียใจขขนาดนี้

เด็กสาวยังมองอยู่ เป็นผู้อำนวยการหม่าที่พูดต่อ “ไม่ใช่แค่เข้าใจเรื่องการแปรรูปผ้าไหมเท่านั้น แต่ยังต้องเข้าใจศัพท์เรื่องกฎหมายและเศรษฐกิจด้วย”

ท่าทางดูไม่ชอบใจพอสมควร แต่เสี่ยวเถียนแค่อยากหาเงิน จึงต้องพยายามขึ้นอีกหน่อยแล้ว

เธอพยักหน้า “ไม่ต้องห่วงค่ะ หนูเข้าใจอยู่”

เธอเชื่อว่าตัวเองพูดภาษาเยอรมันได้ดีเพราะเรียนรู้จากระบบ แต่อาจจะรับมือกับการเจรจาไม่ได้ เพราะถึงเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นก็ยังมีระบบอยู่ไม่ใช่หรือไง?

แต่ปัญหาตอนนี้คือเธอไว้ใจตัวเอง แต่ไม่ใช่กับอีกฝ่ายแน่นอน

อย่างที่คิด เจ้าตัวร้องเหอะแล้วส่ายหัว

“เธอยังเด็กเกินไป!”

วัยแค่นี้ยังพูดภาษาจีนไม่เก่งเลย แล้วจะมีความรู้เยอะแยะและแปลได้อย่างมืออาชีพได้ยังไง?

ฉือเก๋อรับเด็กแบบนี้มาเป็นศิษย์หรือ? แต่ดูเหมือนเขาไม่ใช่คนแบบนั้นนะ อย่างน้อยก็มองคนออกน่ะ!

ผู้อำนวยการหม่าไม่เชื่อ แต่หัวหน้าหลี่เชื่อ

เมื่อพิจารณาจากเอกสารที่เสี่ยวเถียนแปลให้แล้ว ความรู้เฉพาะทางที่เสี่ยวเถียนมีเพียงพออย่างแน่นอน

แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเด็กที่เก่งภาษาฝรั่งเศสอยู่แล้วจะเข้าใจภาษาเยอรมันด้วย

แต่ตามความคิดของเขาคือ เพราะเป็นศิษย์ของคุณฉือเก๋อ การจะรู้หลายภาษาก็ใช่ว่าจะยอมรับกันไม่ได้เสียหน่อย

การทำให้ฉือเก๋อชื่นชอบได้ ไม่มีทางเป็นคนธรรมดาอยู่แล้ว

เขาเชื่อว่าเสี่ยวเถียนแตกต่างไปจากคนอื่น

“ผู้อำนวยการหม่า ไม่งั้นให้เสี่ยวเถียนลองหน่อยไหมครับ?” หัวหน้าหลี่ยิ้มจาง ๆ

เราต้องเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ เสมอ ในมุมมองของเขาคือ จะเป็นการดีกว่าถ้าเราสร้างความสัมพันธ์ต่อกันนะ

“คุณก็เพิ่งจะลองไปนี่ครับ ความรู้ของเธอน่าจะใช้ได้นะ” ผู้อำนวยการหูสนับสนุนยามที่เห็นความมุ่งมั่นของหหัวหน้าหลี่

เห็นคนทั้งสองช่วยพูดเพื่อเสี่ยวเถียน ผู้อำนวยการหม่าคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย

“ลองก็ได้ แต่ว่าถ้าผิดพลาดขึ้นมามันอาจทำลายผลประโยชน์ของประเทศนะสาวน้อย เธอคิดดีแล้วใช่ไหม?”

สิ่งที่พูดมีความหมายชัดเจน โดยหวังว่าเสี่ยวเถียนจะยอมแพ้ไป

เขาไม่อยากให้คนโรงงานขุ่นเคืองใจนะ แต่ก็ไม่อยากได้เสี่ยวเถียนเหมือนกัน จึงทำได้แค่บังคับให้เธอยอมแพ้

เขาพูดทั้ง ๆ ที่มองเด็กสาวไปด้วยราวกับกลัวไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร

และเสี่ยวเถียนก็เข้าใจดี เดิมทีคิดจะรับงานและหาเงินนะ แต่อีกฝ่ายรังเกียจกันขนาดนี้ มีหรือจะหน้าด้านหน้าทนน่ะ?

เธอหัวเราะ

“ถ้าอย่างนั้น หนูไม่บังคับตัวเองดีกว่าค่ะ”

เพราะถ้าเจรจาไม่ผ่าน เขาจะโทษล่าม

หัวหน้าหลี่เองก็ไม่คิดเลยว่าเสี่ยวเถียนจะยอมแพ้

นี่ไม่ใช่คนที่เขารู้จักเลย

ในความคิดเขา เธอเป็นคนที่มีความพยายามมาก เห็นได้จากการแปลงานกับทางเราหลาย ๆ ครั้ง

แต่เขาไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าเสี่ยวเถียนคงไม่ชินกับเรื่องอุตสาหกรรมแปรรูปผ้าไหมเท่าไรจึงปฏิเสธ

“สาวน้อย ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยแนะนำคุณฉือให้พวกเราทีสิ”

ผู้อำนวยการหม่ากล่าวด้วยท่าทางยโสโอหัง รูปลักษณ์ชัดเจนมาก ฉันยินดีให้โอกาสแก่เธอในการประจบฉันนะ รับไว้สิ!

เห็นเช่นนั้น เสี่ยวเถียนก็พูดไม่ออก ดูแคลนกันไม่พอ ยังขอให้ฉันช่วยอีก แบบนี้มันไร้ยางอายเกินไปไหม?

อีกอย่างนะ คุณฉือเป็นคนของชาติ คิดจะเจอก็เจอได้งั้นหรือ?

“งั้นหนูจะไปคุยกับคุณปู่ฉือก่อนตัดสินใจนะคะ ถ้าพวกคุณได้ยินมาว่าเขารู้ภาษาเยอรมัน ก็น่าจะได้ยินมาเหมือนกันนะคะว่าเขาไม่ได้เจอชาวต่างชาติมานานแล้ว”

เธอพูดจริงนะ แต่เหตุผลหลักคือ ฉือเก๋อจะต้องเหนื่อยใจแน่ ไม่อยากให้เขาข้องเกี่ยวกับคนที่ไม่รู้จักเลย ตั้งแต่มาถึงเมืองหลวงก็อยู่คนเดียวมาตลอด

เสี่ยวเถียนตอบพร้อมแย้มยิ้มสดใส แม้แต่หัวหน้าหลี่ก็คิดว่าสิ่งที่เธอพูดไม่ได้เป็นปัญหาอะไร

แต่ผู้อำนวยการหม่ากลับโมโหมากที่ตนโดนดูถูก

เขาเป็นผู้อำนวยการโรงงานผ้าไหมเลยนะ แล้วทำไมยัยเด็กนี่ถึงไม่สนใจกันเลย?

ใครให้ความมั่นใจเธอมาหรือ?

ฉือเก๋อใช่ไหม?