ตอนที่ 494 ปล้นดาวเคราะห์

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 494 ปล้นดาวเคราะห์?

ตอนที่ 494 ปล้นดาวเคราะห์?

“พวกแกทำอะไร? สั่งให้ต้นกล้าสองต้นนี้บุกรุกเข้ามาในร่างกายของพวกเรางั้นเหรอ?”

ต่อให้ต้องตายก็ต้องรับรู้ให้ได้ องครักษ์โจรสลัดเอ่ยถามมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้า

สวี่หลิงอวิ๋นยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้วและโบกไปมา “โน โน พวกแกไม่ได้ถูกพืชบุกรุกหรอก พวกแกก็แค่ถูกมันสมองของตัวเองทำร้าย!”

“ฉันก็บอกแกแล้วไงว่าอย่าเล่นกับระเบิด ระเบิดแปดหกหกมันน่าสนุกตรงไหน? ดูสมองของพวกแกสิ ถูกทำลายไปหมดแล้ว!”

สวี่หลิงอวิ๋นพูดสั่งสอน “พวกแกใจแข็งระเบิดสมบัติมากมายพวกนี้ได้ยังไง? สำหรับคนที่ไม่สนใจสมบัติน่ะ สมองคงกลับมาปกติไม่ง่ายหรอก!”

“เอาล่ะ เพื่อเห็นแก่พวกแกที่คอยปกป้องสมบัติ ฉันจะไว้ชีวิตพวกแกก็ได้!”

ชาวเน็ตตกตะลึง ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงอัธยาศัยดีจัง ก่อนหน้านี้ยังฆ่านองเลือดอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?

หรือเป็นเพราะคนพวกนี้คอยปกป้องทรัพย์สมบัติก่อนหน้านี้?

ไม่น่าใช่สิ โจรสลัดพวกนี้ต้องการจะระเบิดสมบัติทิ้งต่างหาก!

ชาวเน็ตยังคงคาดเดาต่อไป และความสงสัยในใจของแต่ละคนก็กระโดดลงผิวน้ำทีละคน รู้สึกไม่สบายใจอยู่เสมอ สงสัยว่าผู้หญิงคนนี้จะมีกลอุบายอะไรอีก?

ขณะที่คิดเช่นนั้น สวี่หลิงอวิ๋นก็แสยะยิ้มและพูดประโยคที่ทำให้พวกเขาสั่นสะท้าน

“ต่อจากนี้ไปพวกแกจะอยู่ที่นี่ก็ได้นะ ถึงจะขยับตัวไม่ได้ แต่พวกแกก็ยังระลึกถึงอดีตและมองไปข้างหน้าได้ บางทีชีวิตหน้าอาจจะดีกว่านี้ก็ได้นะ ว่าไหม?”

“แต่จงจำไว้ว่าชาติหน้าอย่าได้มาเป็นโจรสลัดอีก ไปเป็นอสุรกายก็ดี!”

สีหน้าขององครักษ์โจรสลัดเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง!

การต้องยืนนิ่ง ๆ แบบนี้มันแย่เกินไป ไม่มีทางไหนที่จะควบคุมร่างกายของตัวเองได้เลย แม้แต่แมลงยังมานอนเล่นบนตัวพวกเขา พวกเขาไม่สามารถปัดไล่พวกมันไปได้ และที่น่าตกใจกว่าคือพวกเขาไม่สามารถเค้นพลังดวงดาวออกมาได้เลย!

นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องยืนนิ่งอยู่ที่นี่และตายไป…

หลังจากเสี่ยวอวิ๋นกับเสี่ยวโอทำภารกิจเสร็จสิ้น พวกมันก็กลับเข้ามาพักผ่อนในหัวของสวี่หลิงอวิ๋นกับโอคาซีอีกครั้ง

ก่อนหน้านี้พวกมันดูดซับคลื่นพลังแสงอาทิตย์มากเกินไป จึงจำเป็นจะต้องรวบรวมความแข็งแกร่งอีกครั้ง

สมบัติมากมายสามารถทำให้ผู้คนตาบอดได้! อีกทั้งยังทำให้ดูเพลินจนลืมกลับบ้าน!

“ฮ่า ๆ มีสมบัติเยอะแยะเลย ท่านว่าเราจะเอาไปใช้ทำอะไรดีคะ?” สวี่หลิงอวิ๋นตบไหล่โอคาซีเบา ๆ กอดเอวของเขา และถามด้วยรอยยิ้ม “เงินเยอะขนาดนี้ ต่อให้ลูกของเราต้องดื่มนมผงที่ทำจากเหรียญทองอินทนิลก็ยังได้!”

“อืม…”

หัวใจของโอคาซีเต้นแรงเมื่อเขาได้ยินคำพูดของสวี่หลิงอวิ๋น เขาถึงกับจินตนาการภาพในหัวถึงเด็กน้อยสองคนว่าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อพวกเขาได้ลืมตาดูโลก?

ให้เหมือนแม่น่าจะดีกว่า!

สวี่หลิงอวิ๋นมีบุคลิกภาพที่ดี ร่าเริงแจ่มใสและใจกว้าง ใครเห็นก็รัก มีเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล ลูกของพวกเขาจะต้องเป็นเด็กที่มองโลกในแง่ดีและมีเหตุผลเหมือนกับแม่ของพวกเขา!

จะต้องมีดวงตาคู่โตเหมือนสวี่หลิงอวิ๋น และเฉลียวฉลาดเหมือนแม่!

โอคาซียังคงเฝ้าเพ้อฝันถึงลูกน้อยของเขาอยู่ที่เดิม ขณะที่สวี่หลิงอวิ๋นทรุดตัวลงและคลานเข้าไปหาทะเลสาบแห่งเหรียญทองอินทนิล!

“ฮ่า ๆๆ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันนึงฉันจะได้แหวกว่ายในมหาสมุทรสมบัติ!”

สวี่หลิงอวิ๋นมีความสุขมากจนลืมทุกสิ่งอย่าง เพลิดเพลินไปกับความสุขที่มาจากความมั่งคั่ง!

เธอยังคงจดจำคำพูดของคนดังในชาติก่อนได้เป็นอย่างดี “คุณไม่มีวันจิตนาการถึงความสุขของคนรวยได้หรอก!”

ตอนนี้เธอเข้าใจประโยคนี้อย่างถ่องแท้แล้ว เธอมีเงิน และมันเป็นความรู้สึกที่เจ๋งสุด ๆ ไปเลย!

โอคาซีมองดูความคลั่งไคล้เงินของแฟนสาวอย่างทำอะไรไม่ถูก ครุ่นคิดถึงเงินจำนวนมหาศาล มันคงจะดีไม่น้อยถ้าได้ใช้เงินจำนวนนี้ไปกับตัวเอง แต่ตามลักษณะนิสัยของสวี่หลิงอวิ๋นแล้ว เงินจำนวนนี้คงจะถูกใช้ไปกับการกุศลในไม่ช้า…

เพราะฉะนั้นตอนนี้ปล่อยให้เธอมีความสุขไปก่อนแล้วกัน

หลังจากมีความสุขอยู่พักหนึ่ง สวี่หลิงอวิ๋นก็ลุกขึ้นและพูดอย่างมีความสุขว่า “ฉันอยากจะทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์หลาย ๆ แห่งบนดาวเคราะห์ที่ฉันปล้นมาได้ค่ะ จะเพาะเลี้ยงเอเลี่ยนให้เยอะเลย แล้วก็เปิดร้านอาหารหลายสาขาด้วย ฉันจะทำให้ทุกเผ่าพันธุ์ในเขตดาวต่างแดนโหยหาอาหารที่ฉันทำ!”

เธอยกนิ้วขึ้นมานับว่าการทำฟาร์มหลายแห่งจะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ และคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ที่จักรวรรดิชิงเหย้าของเรามีคนธรรมดาอยู่กี่คน พวกเขาไม่มีพลังดวงดาว ไม่มีพลังจิต เราเคยบอกว่าเราอยากจะเปิดโรงเรียนให้คนธรรมดาพวกนี้ไม่ใช่เหรอ?”

“ก่อนหน้านี้เคยบอกว่าไม่มีเงิน แต่ตอนนี้มีเงินเยอะแล้ว คงจะเปิดได้แล้วใช่ไหม?”

“เราต้องศึกษากฎเกณฑ์ในอนาคตด้วย มนุษย์เราคงไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ในต้นไม้แห่งชีวิตได้ตลอดใช่ไหม? เราต้องคอยรับมือกับพวกมนุษย์ต่างดาวอยู่ตลอด ฉันว่าเราคงต้องไปปล้นดาวเคราะห์เพิ่มแล้วล่ะ และปล่อยให้มนุษย์ออกมาข้างนอกนี้มากขึ้น คุณคิดว่ายังไงคะ?”

คำพูดของสวี่หลิงอวิ๋นฟังดูอบอุ่นสำหรับชาวเน็ตในตอนแรก แต่ยิ่งพวกเขาฟังมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรู้สึกสะพรึงกลัวมากเท่านั้น

การออกไปปล้นดาวเคราะห์เพิ่มและปล่อยให้มนุษย์ออกมาข้างนอกหมายความว่าอย่างไร? คุณไม่คิดอะไร! แต่ตอนนี้แค่เผ่ามนุษย์บนยานรบก็ทำให้พวกเขาแทบจะทนไม่ไหวแล้ว ถ้าคุณปล่อยพวกมนุษย์ออกมาอีก จะไม่ก่อให้เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในเขตดาวต่างแดนเลยเหรอ?

นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว นับว่าเป็นข่าวน่าสยดสยองที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยได้ยินมาในวันนี้ ในที่สุดโจรสลัดก็พังพินาศลง เผ่ามนุษย์กลายเป็นผู้แข็งแกร่งกว่าพวกโจรสลัด!

พวกโจรสลัดต้องการเงิน แต่พวกคุณต้องการดินแดน!

พวกเขามองดูดาวเคราะห์ของตัวเองด้วยความวิตกกังวล สงสัยว่าดาวเคราะห์ของพวกเขาจะเผลอไปเข้าตาพวกมนุษย์บ้างไหม?

จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามันเข้าตาพวกมนุษย์เข้า? พวกเขาจะต้องย้ายบ้านไหม?

บรรพบุรุษอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว จะให้พวกเขาย้ายออกได้อย่างไร…

ยิ่งคิดก็ยิ่งอึดอัดใจ พากันกอดคอร้องไห้กับครอบครัว

ราชวงศ์ในจักรวรรดิทั้งหลายเริ่มเป็นกังวล พวกมนุษย์หมายความว่ายังไง? ควรพูดคุยกับพวกเขาดีไหม?

ราชวงศ์จากหลายจักรวรรดิเริ่มเชื้อเชิญผู้บัญชาการทางทหารและรัฐมนตรีมาปรึกษาหารือเกี่ยวกับวิธีการแก้ปัญหาและการรับมือกับเผ่ามนุษย์

“พวกเจ้าคิดว่ายังไง?”

“ฝ่าบาท กระหม่อมขอแนะนำให้พวกเราจัดเตรียมดาวเคราะห์ให้พวกเขาไว้ล่วงหน้า เพื่อที่เราจะได้เป็นฝ่ายเลือกเอง หากเรามัวแต่รอให้อีกฝ่ายเข้ามาสู้ เกรงว่าพวกเราจะทำอะไรไม่ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”

“ไม่ขี้ขลาดตาขาวไปหน่อยเหรอ? พวกเราสู้กลับไม่ได้เลยหรือไง?”

ในมุมมองของข้าราชการที่มีต่อเหตุการณ์นี้ พวกเขาคิดว่าพวกเขาสามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มกำลัง ถึงอย่างนั้นข้าราชการประจำจักรวรรดิก็ตระหนักได้ถึงพลังการต่อสู้อันน่าสะพรึงกลัวของเผ่ามนุษย์

หากพวกเขาต้องจบลงเหมือนพวกโจรสลัด สู้ยอมจำนนล่วงหน้าดีกว่า

“สู้เหรอ ท่านจะเอาอะไรไปสู้กับอีกฝ่าย ท่านเอาชนะโจรสลัดได้ไหมล่ะ? จะต่อสู้กับอสุรกายนับหมื่นตัวได้ยังไง?”

ข้าราชการทั้งหลายเริ่มสาปแช่งอย่างหยาบคายทันทีที่ได้ยินคำพูดของเวิ๋นเฉิน ข้าราชการพวกนี้ซ่อนตัวอยู่ข้างหลัง หวาดกลัวว่าจะไม่มีชีวิตอยู่ต่อ ขณะที่ผู้บัญชาการทหารหาเรื่องใส่ตัวโดยการพูดจู่โจมอีกฝ่าย!