บทที่ 443 ภาคภูมิใจอย่างมาก

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 443 ภาคภูมิใจอย่างมาก

บทที่ 443 ภาคภูมิใจอย่างมาก

หัวหน้าหลี่เหลือบมองเสี่ยวเถียน แล้วก็เห็นแววตาตกใจของเธอ แล้วเขาจะไม่เข้าใจได้ยังไงว่าเด็กคนนี้คิดอะไร!

เขาจึงอดด่าในใจไม่ได้ ไอ้หม่าว่านกั๋วโง่จริง ๆ มาขอความช่วยเหลือจากคนอื่นแท้ ๆ เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ไม่เข้าใจอีกหรือ!

โดยเฉพาะตอนที่ขอผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคอย่างคุณฉือเนี่ย

มีตาหามีแววไม่จริง ๆ! ไม่รู้ว่าปีนขึ้นมาสูงขนาดนี้ได้ยังไง!

ฉือเก๋อแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนจะหันไปคุยกับหลานสาวตัวน้อย

เสี่ยวเถียนพูดคุยกับชายชราอย่างมีความสุข

หม่าว่านกั๋วรู้สึกว่าตัวเองกำลังเสียหน้า แถมยังไม่มีความสุขกว่าเก่าอีก เขาเอ่ยประโยคเมื่อครู่อีกรอบโดยพูดเสียงดังกว่าเดิม

คราวนี้ฉือเก๋อแสร้งตีมึนไม่ได้แล้ว

ชายชราเงยหน้าขึ้นมอง รอยยิ้มบนใบหน้าที่เคยมีให้เสี่ยวเถียนพลันหายไปทันที และเหลือเพียงความเฉยเมยบนใบหน้าเท่านั้น!

“โอ้ ฉันแก่แล้วน่ะ เกรงว่าคงจะรับผิดชอบหน้าที่ใหญ่ ๆ แบบนี้ไม่ได้หรอก วานคุณหม่า ไม่สิ รองผู้อำนวยการหม่าหาคนอื่นเถอะ!” สีหน้าว่าเฉยเมยแล้วน้ำเสียงราบเรียบยิ่งกว่านั้น

ว่าจบเขาก็ไม่คิดอยู่จะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป ไม่อยากจะยุ่งกับพวกโง่เขลาอีกแล้ว จึงจับมือเสี่ยวเถียนหมายจะเดินเข้าไปในร้าน

ตั้งแต่ที่หม่าว่านกั๋วได้ขึ้นเป็นรองผู้อำนวยการของโรงงานผ้าไหม เวลาไปไหนก็มีแต่คนตามต้อย ๆ เคยโดนดูถูกขนาดนี้ที่ไหนล่ะ?

ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นดำทะมึน แล้วเอ่ยด้วยความโกรธจัด “คุณทำแบบนี้ได้ยังไง?”

ฉือเก๋อพ่นลมหายใจเย็นชา แต่ไม่ได้พูดต่อ

หม่าว่านกั๋วเอ่ยว่า “คุณรู้ไหมว่าหากเราเจรจาธุรกิจล้มเหลว มันจะส่งผลเสียต่อโรงงานขนาดไหนน่ะ?”

ชายชรามองคนตรงหน้าด้วยใบหน้าเย็นชา ไม่มีใจจะคุยด้วยอยู่แล้ว

พูดไปเยอะเท่าไรก็ไม่ได้ยินคำตอบกลับมาเลย หม่าว่านกั๋วยิ่งอับอายมากขึ้นกว่าเดิมอีก แถมยังรู้สึกว่าสายตาผิดแผกจากคนรอบข้างด้วย

และตอนนั้นเองที่เสียงของเสี่ยวเถียนได้ดังขึ้น ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ดัง ทว่าคนรอบข้างกลับได้ยินอย่างชัดเจน

“คุณหัวหน้า ไม่ว่าโรงงานจะขาดทุนหรือได้กำไร มันก็เป็นเรื่องของพวกคุณค่ะ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา”

เสี่ยวเถียนคิดว่าผู้อำนวยการหม่าก็ไม่น่าจะโง่นะ? เขาคิดอะไรอยู่น่ะ?

หม่าว่านกั๋วไม่ได้ยินคำตอบจากฉือเก๋อ แต่กลับได้ยินมันมาจากปากของเสี่ยวเถียนแทน ดังจึงยิ่งกระตุ้นอารมณ์โกรธของเขามากกว่าเดิม

“แกเป็นแค่เด็กจะไปรู้อะไร? แกรู้ไหมว่าโรงงานของเราทำเงินได้ขนาดไหน? โรงงานเราทำเงินในอัตราต่างประเทศด้วยนะ ถ้าพวกแกช่วยเรา ก็ถือว่าช่วยประเทศสร้างเงินด้วย!”

เสี่ยวเถียนร้องเหอะ

กล่าวหาคนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างไร้เหตุผล แม้กระทั่งโยนเรื่องเช่นนี้ทำเงินมาใส่คนไม่เกี่ยวข้องอีก คนแบบนี้เนี่ยนะ?

“ถ้าจัดการกับปัญหาของตัวเองไม่ได้ คนเป็นผู้นำก็ไม่ควรจะไปเซ็นสัญญาด้วยนะคะ อีกอย่างมันก็เป็นความสามารถของหัวหน้าโรงงานของคุณในการจัดการด้วย ไม่ใช่มาโทษคนอื่น!”

ดวงหน้าเล็กเย็นเฉียบ อีกทั้งคำพูดยังเฉียบขาดจนคนรอบ ๆ มองเสี่ยวเถียนต่างออกไป แม้แต่หัวหน้าหลี่ที่เคยพบเสี่ยวเถียนมาแล้วก็ไม่คิดว่าเธอจะมีด้านนี้ด้วย

เสี่ยวเถียนที่เจอเป็นเด็กอ่อนโยนและอ่อนหวาน เป็นเด็กผู้หญิงที่น่ารัก แต่ตอนนี้เสี่ยวเถียนที่มีใบหน้าเย็นชา ช่างสง่างามจริง ๆ

เขาตัดสินใจแล้วว่าจากนี้จะไม่ทำให้เธอขุ่นเคือง

สาวน้อยคนนี้ไม่ใช่คนที่จะยั่วยุได้ง่าย ๆ เลย

สิ่งที่เธอกล่าวทำให้หม่าว่านกั๋วไม่มีความสุขยิ่งกว่าเดิม

“เด็กแบบแกจะไปเข้าใจอะไร? ฉันจะไม่พูดกับแกแล้ว ให้ผู้ใหญ่มาคุยซะ” หม่าว่านกั๋วตวาด

ผู้ใหญ่?

เด็กสาวหัวเราะด้วยความโกรธ ก็ให้ปู่ฉือคุยอยู่ไม่ใช่หรือไง?

แต่คุณปู่ฉือเป็นคนที่สูงส่งเกินไป เขาจะคุยกับไอ้คนแบบนี้จริง ๆ หรือ? เธอคิดว่าควรพาย่าออกมาดีหรือเปล่า

แต่ยังไม่ทันจะไป ผู้อำนวยการหูดันเอ่ยขึ้นมา

“ช่างเถอะ ๆ ผู้อำนวยการหม่า สิ่งที่สาวน้อยพูดก็ถูกนะครับ เธอไม่ใช่พนักงานของโรงงานเสียหน่อย!”

ไอ้บ้านี่ เขาเชื่อว่าปัญหาของทางโรงงาน คนอื่น ๆ จะยอมช่วยหมดหรือไง? เวลาจ่ายค่าข้างก็ให้แค่นิดหน่อยไม่ใช่หรือ?

เสี่ยวเถียนยิ้มให้ เขาเป็นคนดีจริง ๆ นะ ยืนหยัดช่วยเธอด้วย

“ผู้อำนวยการหูพูดถูกค่ะ โรงงานจะดีหรือไม่ดีก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหนูค่ะ!”

หม่าว่านกั๋วจ้องมองชายคนนั้นด้วยสายตาไม่พอใจ ท่าทางเหมือนผู้อำนวยการหูทำสิ่งที่ชั่วร้ายมาก

พอโดนมองเช่นนั้นก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา และสงสัยว่าตนทำอะไรผิดไปหรือเปล่า

“ยังมีสามัญสำนึกอยู่ไหม? มัวแต่ชื่นมื่นกับสิ่งที่ประเทศมอบให้ แล้วทำไมไม่คิดจะช่วยเหลือกลับบ้างเลย?”

คำกล่าวหาของอีกฝ่ายทำเอาเสี่ยวเถียนตะลึง

หมายความว่ายังไง?

เธอจะไม่เข้าใจการตอบแทนประเทศได้ยังไง?

พูดแบบนี้มันก็เหมือนเธอคนเป็นชั่วร้ายเลยน่ะสิ

หรือจะบอกว่าทุกคนยกเว้นผู้อำนวยการหูเป็นคนไม่ดี?!

“ในฐานะพลเมืองของประเทศ แกจะคิดถึงแต่ตัวเองได้ยังไง? สิ่งที่แรกที่แกควรจะนึกถึงคือผลประโยชน์ของประเทศไม่ใช่หรือ?”

หม่าว่านกั๋วคิดว่าสิ่งที่ตนพูดมีเหตุผลมาก และยิ่งพูดเท่าไรเสียงก็ยิ่งดังขึ้นมากเท่านั้น

คำว่าไอ้เวรแวบเข้ามาในหัว แต่เสี่ยวเถียนไม่ได้แสดงความโกรธออกไป

“ทำไมคะ แค่ไม่ได้เป็นล่ามให้โรงงานคุณ ถือว่าไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเลยหรือ?”

“แล้วไม่ใช่หรือไง? ยัยเด็กน้อย ฉันจะไม่คุยกับเด็กแบบแกหรอกนะ ฉันจะคุยกับคุณฉือ ฉือเก๋อผู้มีชื่อเสียงคนนี้ต่างหาก คุณฉือเก๋อ ด้วยความเคารพ คุณก็คู่ควรกับการเรียกแบบนี้ไม่ใช่หรือ? คุณเองก็รู้ว่าโรงงานเราสร้างรายได้ แต่ก็ยังไม่ยอมช่วย หรือจะรอให้เราสูญเสียเงินไปก่อนล่ะ?”

ฉือเก๋อพูดไม่ออก

มันกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย?

ไม่ช่วยก็ไม่ได้?

มีเหตุผลแบบนี้อยู่บนโลกด้วยหรือ?

ซูเสี่ยวเถียนอยากจะถ่มน้ำลายออกมา ถึงจะเคยเจอคนหน้าด้าน แต่ก็ไม่เคยเจอใครที่ด้านขนาดนี้มาก่อนเลย

เดิมทีก็ทนได้นะ แต่เพราะมันไม่ได้เรื่องใหญ่อะไร แถมเธอก็เป็นเด็ก แต่กลับใส่ร้ายคุณฉือ ทำได้ยังไงกัน?

“แล้วพวกคุณเอาค่าจ้างที่ประเทศมอบให้มาช่วยประเทศแทนไม่ได้หรือ? ตั้งแต่เมื่อไรที่ความรับผิดชอบเดิมของพวกคุณถูกยัดเยียดให้กับเราน่ะ?”

เสี่ยวเถียนลอบบ่น ไหนจะท่าทางตอนขอความช่วยเหลืออีก มันควรเป็นแบบนั้นหรือ

แต่การที่โรงงานผ้าไหมจะอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ผู้อำนวยการหูเห็นท่าไม่ค่อยดีก็กลัวหม่าว่านกั๋วพูดเรื่องไม่น่าฟังอีกจึงรีบเกลี้ยกล่อม “ผู้อำนวยการหม่าใจเย็น ๆ”

แต่ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นตนที่โดนแทน

“สหายหู คุณเองก็มีประสบการณ์แท้ ๆ แล้วทำไมถึงใจแคบเหมือนไอ้คนพวกนี้ด้วย?”

ผู้อำนวยการหูตกตะลึง เขาเป็นอะไรเนี่ย? แล้วตนทำอะไรหรือถึงได้โดนกล่าวหาว่าเป็นพวกใจแคบ? ไม่ช่วยไอ้คนแซ่หม่าแล้วมันถึงกับใจแคบเลย?

อุตส่าห์ช่วยพูดแท้ ๆ มีเหตุผลกันหน่อยก็ได้มั้ง! ไม่เข้าท่าไม่พอ ยุ่งเหยิงกันไปหมดอีกต่างหาก มันมีคนแบบนี้อยู่บนโลกด้วยหรือเนี่ย?

ตอนนั้นผู้อำนวยการหูเสียใจกับเรื่องราวทั้งหมดจริง ๆ เขาเสียใจที่ว่าทำไมตนถึงทำให้กลายเป็นแบบนี้?

ทำเป็นไม่รู้ก็ดีแล้ว!

ผู้อำนวยการหม่าภาคภูมิใจมากที่อีกฝ่ายโดนตนด่า แถมยังคิดว่าเห็นด้วยกับตนอีก

เขายังคิดอีกว่ารอสักพักจะไปคุยกับผู้อำนวยการหูเป็นการส่วนตัว

เป็นหัวหน้าแท้ ๆ จะทำตัวไม่ดีต่อหน้าลูกน้องไม่ได้หรอกนะ