บทที่ 450 ได้พบกัน

บทที่ 450 ได้พบกัน

ในอุทยานหลวงเต็มไปด้วยอาภรณ์สีสันหลากหลายของผู้คน เหยาซูถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าฮูหยิน เพียงแต่หญิงสาวรับประกันว่าหลินซือจะอยู่ในสายตาของตน ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรนางจะรีบเข้าไปหาทันที

หลินซือลอบมองจากไกล ๆ เห็นสวีกุ้ยเฟยกำลังสนทนาอะไรบางอย่างกับหลิ่วกุ้ยเฟย เด็กสาวค่อย ๆ เดินตรงเข้าไปทางนั้นพลางทำเป็นชื่นชมหมู่มวลดอกเบญจมาศหลากสี “ไม่น่าเชื่อว่าพระองค์จะชื่นชอบดอกเบญจมาศตั้งแต่เยาว์วัย ข้าไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้สักเท่าไรนัก เช่นนั้นข้าไม่ขอรบกวนเวลาสุนทรีย์ของฝ่าบาทแล้วเพคะ”

“โอ้ พี่อาซือ ข้าไม่ได้มาเพื่อชื่นชมดอกเบญจมาศหรอกนะ”

องค์รัชทายาทรีบหยุดหลินซือที่กำลังจะจากไป “ข้ามาเพราะเจ้า ข้าขอลาราชครูเป็นกรณีพิเศษเชียวนะ”

หลินซือใช้โอกาสเมื่อครู่เพื่อที่จะเข้าใกล้สวีกุ้ยเฟยขึ้นมาอีกนิด เพื่อจะให้นางได้ยินการสนทนาของตนกับองค์รัชทายาท เด็กสาวจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา

“ฝ่าบาท เหตุใดพระองค์จึงใช้เวลาเที่ยวเล่นได้ แต่กลับไม่ไปเข้าเรียนเพคะ?”

หลินซือมองไปยังองค์รัชทายาทตัวน้อยอย่างช่วยไม่ได้ “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระราชครูเซี่ยไม่มีทางให้ลาด้วยเหตุเช่นนี้แน่ ๆ ฝ่าบาทไม่ได้โกหกใช่ไหมเพคะ?”

องค์รัชทายาทได้แต่ก้มหัวไม่ได้เอ่ยคำใด

“เอาล่ะ ฝ่าบาท อย่าทำให้มันยุ่งยากนักเลย ใช้โอกาสที่ราชครูเซี่ยยังไม่มาเห็น รีบกลับไปเสียเถิดเพคะ”

หลินซือค่อย ๆ ดันองค์รัชทายาทเบา ๆ “ตั้งใจเรียนจึงจะเป็นเรื่องที่เห็นสมควร ฝ่าบาทอย่าลำดับความสำคัญผิดเลยเพคะ”

“แต่ว่า การเรียนในทุก ๆ วันก็ได้เรียนอยู่แล้ว แต่ว่าพี่อาซือไม่ได้เจอทุกวันนะ!”

องค์รัชทายาทปฏิเสธที่จะจากไป “แต่ว่า วันนี้ไม่ใช่แค่ข้าที่อยากพบกับพี่อาซือ”

“ยังมีใครอีกหรือเพคะ?” หลินซือประหลาดใจ ภายในหัวของนางพยายามคิดเรื่องที่จะเป็นไปได้

ซานเป่าเป็นสหายกับองค์รัชทายาท แต่ก่อนหน้านี้ท่านพ่อเคยบอกว่า องค์รัชทายาทมักจะพาซานเป่าทำเรื่องวุ่นวายเล็ก ๆ น้อย

ถ้าหากเป็นไปตามที่เขากล่าวแล้ว คนคนนั้นคงจะไม่ใช่…

“พี่หญิง!”

เสียงร้องด้วยความดีใจดังชัดเจน และร่างหนึ่งก็โผเข้าหาหลินซืออย่างรวดเร็ว

หลินซือเอื้อมมือรับโดยที่นางเองก็ไม่รู้ตัว ทันใดนั้นก็โดนสวมกอดอย่างเต็มอ้อมแขน ปรากฏว่าเขาคือน้องชายของตนนี่เอง

“พี่หญิง ครั้งก่อนที่พบกับท่าน พี่บอกว่าจะมาหาข้า ท่านก็ไม่ได้มา ครั้งนี้เป็นข้าเองที่มาหาท่าน”

ศีรษะของเซี่ยเซินยังคงอยู่ในอ้อมแขนของหลินซือ ขณะที่เด็กชายบ่นออกมา

หลินซือกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เด็กสาวลูบศีรษะของเซี่ยเซินแผ่วเบา “พี่ไม่ได้บอกให้เจ้าออกมาในเวลาเรียน นี่เจ้ายังเรียนรู้วิธีการบ่นมาแล้วหรือไร”

เซี่ยเซินปล่อยมือจากหลินซือ เด็กชายมุ่ยปาก “ข้าได้บอกกับท่านปู่เรียบร้อยแล้วว่าจะมาหาพวกท่าน ท่านปู่เองก็ตกลง พี่บอกกับข้าเองว่าจะมาหาข้า แต่ก็ไม่เคยมา!”

“เอาล่ะ เอาล่ะ” หลินซือถูจมูกย่นยู่ของเซี่ยเซิน “เป็นความผิดของข้าเองที่ข้าผิดคำพูด”

เซี่ยเซินถอนหายใจแล้วเมินหน้าหนี

หลินซือไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจูงมือเด็กชายแล้วพลางกล่าวชักแม่น้ำทั้งห้า จนในที่สุดก็ทำให้เซี่ยเซินยิ้มกว้างขึ้นมา

สองพี่น้องรักกันอย่างสุดซึ้ง แต่องค์รัชทายาทที่หาทางพาหลินซือเข้าวังมาอย่างยากลำบากกลับถูกทิ้งอยู่ห่างๆ ตอนนี้โกรธจนหน้าแดงหมดแล้ว

โชคดีที่เซี่ยเซินอยู่กับองค์รัชทายาทมาเป็นเวลาหลายปี เด็กชายจึงรู้จักนิสัยของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เขารับรู้สึกบรรยากาศที่แสนอึดอัด จึงรีบดึงอีกฝ่ายเข้ามา

“พี่หญิง ข้าอยู่ในวังก็ได้รับการดูแลจากฝ่าบาทเป็นอย่างดี ครั้งนี้หากไม่ได้ฝ่าบาทช่วยข้าอ้อนวอนท่านปู่ ข้าคงไม่ได้มาพบกับท่านแน่ ๆ”

เมื่อมองดวงตาอันไร้เดียงสาของน้องชาย หลินซือได้แต่ถอนหายใจ พลางคิดขึ้นว่า ‘เจ้าน้องโง่ เจ้าถูกคนอื่นหลอกใช้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก องค์รัชทายาทอยากจะมาด้วยตัวเอง ถ้ามีเจ้าไม่เพียงแต่ราชครูเซี่ยจะอนุญาต ข้าเองก็ไม่มีข้ออ้างที่จะจากไปเช่นกัน’

“เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณแทนท่านพ่อท่านแม่สำหรับการดูแลของฝ่าบาทเพคะ” หลินซือโค้งคำนับองค์รัชทายาทอย่างนอบน้อม

ความรู้สึกอึดอัดภายในใจขององค์รัชทายาทค่อย ๆ หายไป เขาเงยหน้าขึ้น “ไม่เป็นไร แม่ทัพใหญ่ทำคุณงามความดีต่อต้าเยี่ยนเป็นอย่างมาก และภรรยาของท่านแม่ทัพก็คอยเป็นหูเป็นตาให้กับองค์จักรพรรดิ ในอนาคตเซี่ยเซินจะต้องได้เป็นมือขวาของข้าแน่นอน การดูแลเขาควรจะเป็นหน้าที่ของข้า”

อีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเซี่ยเซินมาถึงแล้ว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เหยาซูจะปลีกตัวออกมาจากเหล่าฮูหยินเพื่อมาหาลูกของนาง

“ซานเป่า เจ้ามาได้อย่างไร?”

“ท่านแม่!” เซี่ยเซินรีบวิ่งเข้าไปกอดเหยาซู เด็กชายออดอ้อน “ข้าได้ยินมาว่าพวกท่านจะมา ดังนั้นจึงขอตัวลากับท่านปู่ขอรับ”

เหยาซูกวาดสายตามองดูท่าทีของเซี่ยเซินและองค์รัชทายาทก็สามารถรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หากแต่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา หญิงสาวเพียงแค่จับมือเซี่ยเซินอย่างอบอุ่น “แม่รู้ว่าซานเป่าอยากจะมาเจอพวกเรา แต่วันหลังถ้าหากเจ้าเลิกเรียนเสร็จเจ้าสามารถมาที่จวนท่านแม่ทัพได้ ห้ามขอลาออกมาเช่นนี้ เจ้าเห็นไหม เพราะเจ้าต้องการออกมา องค์รัชทายาทเองก็ย่อมนั่งเฉย ๆ ไม่ได้”

“อื้ม” เซี่ยเซินตอบด้วยความน้อยใจ “ข้ารู้แล้วขอรับท่านแม่”

“เหตุใดจึงยังน้อยใจอีก ไม่ใช่แม่ไม่อยากพบกับเจ้า” เหยาซูบีบแก้มป่อง ๆ ของเซี่ยเซิน “ครั้งก่อนท่านปู่ของเจ้ายังอยากจะให้เจ้ามาพักที่จวนท่านแม่ทัพสักช่วงหนึ่ง แต่เนื่องจากต้องเข้าวังเพื่อไปเรียนหนังสือ ถ้าหากต้องเดินทางจากจวนแม่ทัพเพื่อเข้าวังเกรงว่าจะไม่สะดวกจึงไม่ให้เจ้ามา แต่ปีใหม่ปีนี้ซานเป่ามาที่จวนแม่ทัพดีไหม?”

“ดีขอรับ!” เซี่ยเซินดวงตาเป็นประกาย เด็กชายกำลังจะตื่นเต้นแต่กลับนึกอะไรบ้างอย่างออกจึงทำให้อารมณ์ของเขาห่อเหี่ยวลง “ท่านแม่ ข้าไม่อาจไปได้ขอรับ ข้าต้องอยู่กับท่านปู่ ท่านปู่อยู่คนเดียวมาตลอด ถ้าหากข้าไปแล้วท่านปู่คงจะโดดเดี่ยวมาก”

“งั้นซานเป่าชวนท่านปู่มาเลี้ยงฉลองปีใหม่ที่บ้านเราสิ” เหยาซูโน้มน้าว

“ได้หรือขอรับ?!”

“พวกเรายินดีต้อนรับอยู่แล้ว เพียงแค่ซานเป่าไปชวนท่านปู่”

อีกด้านหนึ่ง หลินซือที่ยืนอยู่กับองค์รัชทายาทกำลังมองดูเหยาซูและเซี่ยเซินรักกันอย่างลึกซึ้ง จู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมา “ซานเป่าช่างเป็นเด็กที่บริสุทธิ์นัก”

องค์รัชทายาทจ้องมองหลินซือด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง เด็กชายเข้าใจในสิ่งที่หลินซือกล่าว “ใช่ พวกเราเล่นสนุกกันมาโดยตลอด”

เซี่ยเซินและเซี่ยเชียนนั้น มีนิสัยเหมือนกันราวกับเคาะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน

แต่อย่างไรก็ตาม กลับมีความสามารถยอดเยี่ยมมาก

ในด้านของสวีกุ้ยเฟยเองก็สนใจในด้านนี้เช่นกัน เมื่อสนทนากับหลิ่วกุ้ยเฟยเสร็จก็รีบตรงเข้ามาทักทายเหยาซูทันที

เหยาซูตบบ่าของเซี่ยเซิน เพื่อส่งสัญญาณให้เด็กชายไปเล่นกับพวกหลินซือ นางลุกขึ้นส่งยิ้มให้สวีกุ้ยเฟย “ตั้งแต่กลับมาเมืองหลวง หม่อนฉันยังไม่ได้มาพบพระสนมอย่างเป็นทางการเลย พระสนมโปรดให้อภัยด้วยเพคะ”

“ฮูหยินกล่าวอะไรออกมา ข้าเองอยู่แต่ในวังแต่ก็ยังได้ยินเรื่องความสำเร็จของเจ้า ภายในใจรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก คนอย่างฮูหยินพวกเราจะเทียบได้เช่นไร”

ทั้งสองพูดคุยสนทนาแลกเปลี่ยนกัน แต่ใจยังคงจดจ่ออยู่กับลูก

องค์รัชทายาทแอบมองหลินซือ กำหมัดด้วยความโกรธเคือง ราวกับว่าตนนั้นทำเรื่องให้แย่ลง แต่เดิมหลินซือเพียงแค่หวาดกลัวตนเองเท่านั้น ตอนนี้กลับรู้สึกว่าตนนั้นปฏิบัติต่อน้องชายของนางได้ไม่ดี เกรงว่านางจะกลับกลายมาเป็นศัตรูของตน

“พี่อาซือ” องค์รัชทายาทเริ่มใช้ความอ่อนแอ ค่อย ๆ ดึงแขนเสื้อของหลินซือแล้วเอ่ยขึ้นมาเบา ๆ

“ฝ่าบาท เป็นอะไรไปเพคะ?” หลินซือก้มหน้า ทันใดนั้นแววตาของเด็กสาวก็ถูกดอกเบญจมาศสีเหลืองดอกใหญ่เข้าครอบครอง

“พี่อาซือ ดอกไม้ช่อนี้ข้าให้เจ้า ไม่โกรธแล้วจะได้ไหม?”

องค์รัชทายาทกล่าวด้วยความน้อยใจ ในขณะที่ใบหน้าเล็กๆ ของเด็กชายยื่นออกมาจากด้านหลังดอกเบญจมาศเล็กน้อย

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

จะโป๊ะไหมเพคะ เป็นเด็กแต่ทำตัวเหมือนตอนที่โตแล้วเลย

ไหหม่า(海馬)