ภาค 3 บทที่ 118 ความชอบคือการครอบครองไว้ผู้เดียว

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

บทที่ 118 ความชอบคือการครอบครองไว้ผู้เดียว
Ink Stone_Romance
เรื่องด้านนอกคุณหนูจวินหารู้ไม่ แล้วก็ไม่สนใจด้วย หนิงอวิ๋นเจาได้ฟางเฉิงอวี่ออกไปส่งแล้ว คุณหนูจวินก็นั่งเตรียมอ่านจดหมายของอาจารย์ต่อ

“ท่านเขยรู้ว่าพวกเรากลับมาก็รีบมาทันทีเลยนะเจ้าคะ” หลิ่วเอ๋อร์ยังคงดีใจเอ่ยซ้ำไปมา

“ก็ปกติยิ่ง” คุณหนูจวินเอ่ย

ตอนนั้นเขาชวนนางกลับมาด้วยกัน นางปฏิเสธทั้งยังแสดงว่าตัดสินใจอยู่ที่เมืองหลวง ผลปรากฏว่าไม่นานนักนางเองก็กลับมาแล้ว เขาย่อมประหลาดใจมาสอบถาม

หลิ่วเอ๋อร์พยักหน้า

ใช่แล้ว ปกติยิ่ง มีบทกวีประโยคหนึ่งเรียกอะไรนะหนึ่งวันไม่พบดั่งแยกจากสามปี คุณชายหนิงกับคุณหนูแยกจากกันไม่ได้พบหน้ากี่วันแล้ว ย่อมอยากมาหาดั่งลูกศร

คุณหนูจวินเงยหน้ามองเห็นนางยิ้มก็รู้ว่านางคิดเหลวไหลแล้ว

“อีกอย่าง หลิ่วเอ๋อร์ หลังจากนี้ไม่ต้องเรียกคุณชายหนิงว่าท่านเขยแล้ว” นางคิดครู่หนึ่งเอ่ย “ไม่ดีกับเขา”

หลิ่วเอ๋อร์อึ้งไป

“อ้อ” นางร้องอ้อทีหนึ่ง แม้ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยไม่เข้าใจ ไม่ดีกับท่านเขยอย่างไร? ไม่เห็นท่านเขยไม่พอใจนี่

แต่คุณหนูว่าอย่างไรก็เป็นอย่างนั้นแหละ อย่างไรก็ต้องมีเหตุผลของคุณหนู

นางเพิ่งจะพูด ฟางเฉิงอวี่ก็ยื่นศีรษะเข้ามาจากด้านนอก

“จิ่วหลิง” เขายิ้มร่าร้องเรียก

หลิ่วเอ๋อร์กลอกตาใส่เขา คุณหนูน่าจะบอกฟางเฉิงอวี่ด้วย อย่าเรียกชื่อของนางอีก ไร้มารยาทนักจริงๆ

แต่คุณหนูจวินไม่ได้ใส่ใจความไร้มารยาทของฟางเฉิงอวี่ ยิ้มให้เขา

“คุณชายหนิงไปแล้วหรือ?” นางเอ่ยถาม

ฟางเฉิงอวี่พยักหน้า

“ข้าส่งพี่ชายหนิงถึงประตูใหญ่ด้วยตนเอง” เขาเอ่ย

พี่ชาย หนิง?

คุณหนูจวินมองเขาหัวเราะพรืด

คิดถึงตอนแรกพบจูจั้น เด็กคนนี้ก็ไม่เกรงใจสักนิดเรียกว่าท่านลุง

ครั้งนี้เกรงใจมากแล้ว อย่างไรก็เพราะหนิงอวิ๋นเจาช่วยเหลือกระมัง

เห็นคุณหนูจวินยิ้ม ฟางเฉิงอวี่ก้าวเข้ามา ยิ้มร่าเอามือออกมาจากด้านหลัง

“จิ่วหลิง ยังจะกินหมั่นโถวอีกไหม?” เขาเอ่ย

คุณหนูจวินที่เพิ่งหุบยิ้มยิ้มอีกครั้งแล้ว มองเขามีเลศนัยไม่เอ่ยคำพูด

ซื้อมาสองลูกพอดี?

ฟางเฉิงอวี่นั่งลงตรงหน้านาง ก้มศีรษะราวกับไม่กล้ามองนาง เพียงใช้มือกำถุงกระดาษ

“ก็ข้าซื้อมาให้เจ้านี่” เขาเอ่ยเสียงเบา เหมือนรู้ดีว่าตนเองทำผิด แต่ก็รู้สึกไม่ยุติธรรมยิ่ง

คุณหนูจวินยังคงยิ้มไม่เอ่ยคำพูด มองเขา

“ใช่แล้ว ข้าไม่ชอบเขา” ฟางเฉิงอวี่เหมือนทนสายตาจับจ้องเช่นนี้ไม่ไหว เงยหน้าขึ้นมาเอ่ยขึ้นอีกอย่างเศร้าใจเสียเลย “ไม่อยากให้เขากิน”

คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่าแล้ว หลิ่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างยู่ปากถลึงตา

ถึงกับไม่ชอบท่านเขยของข้า?

เขาย่อมไม่ชอบหนิงอวิ๋นเจา

คุณหนูจวินทำไมจะดูไม่ออก เหมือนเด็กคนหนึ่ง อยู่ที่นี่ชวนทะเลาะเสแสร้งทำใจกว้าง แต่ยอมรับเด็ดขาดตรงไปตรงมา

เสียงหัวเราะดังของนางกลายเป็นอ่อนโยนอีกครั้ง

“ทำไมข้าต้องชอบเขา ตอนแรกตระกูลของพวกเขาก็ไม่ดีกับเจ้ามากเท่าไร”

บางทีอาจเห็นนางไม่โกรธ บางทีเพราะวาจาร้ายกาจประโยคหนึ่งออกมาแล้วย่อมทะลักออกมามากยิ่งกว่าเดิม

เขาขัดสมาธิขาเสีย กระเถิบเข้าใกล้คุณหนูจวินแค่นเสียงเหอะเหอะเอ่ย

“ตอนนี้มาบอกว่าช่วยเหลือ ใครช่วยใครยังไม่แน่เลยนะ”

คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่ายิ้ม ยื่นมือตบหน้าผากเขาเบาๆ

“ไม่ต้องพูดเหลวไหลแล้ว” นางเอ่ยยื่นมือคว้าถุงกระดาษบนโต๊ะไป “ซื้อมากี่ลูกหือ?”

ประเด็นสนทนาเบี่ยงไป ฟางเฉิงอวี่ก็ไม่ได้ดันทุรังต่อ

“สี่ลูก ตรงนี้เหลืออีกสองลูก” เขาขยิบตาเอ่ย “พวกเราคนละลูก ข้าให้ห้องครัวอุ่นอยู่ตลอด ยังไม่เย็น”

คุณหนูจวินมองเขาเม้มปากยิ้ม

“ไม่เลว ใจกว้างมากอยู่ ไม่ได้ถือเข้ามาแค่ลูกเดียว” นางเอ่ย

ฟางเฉิงอวี่ภาคภูมิใจทั้งยอมรับคำชมอย่างไม่สะทกสะท้าน

“ใช่สิ ข้าไม่สนหรอกว่าเขารู้สึกว่าข้ามีหรือไม่มีมารยาท แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นแขกของจิ่วหลิง ไม่อยากให้เขารู้สึกว่าคนของเจ้าไม่มีมารยาท” เขาเอ่ย

พูดจบประโยคนี้ก็ประหม่านิดๆ มองคุณหนูจวินทีหนึ่ง

คุณหนูจวินบิหมั่นโถวออกกินเข้าปากแล้ว ไม่ทันสนใจคำพูดเขามีความในใจเล็กน้อยอะไร อืมทีหนึ่งพยักหน้า

“ก็ไม่นับว่าไม่มีมารยาท” นางเอ่ย ยิ้มอีกครั้ง “คุณชายหนิงก็ไม่ใช่มองไม่ออก คิดไม่ออก”

บัณฑิตคนนั้น เจ้าเล่ห์

ฟางเฉิงอวี่แค่นเสียงเหอะ

“ผู้ใหญ่อย่างเขาไม่ถือสาผู้น้อยอย่างข้าคนนี้หรอก” เขาเอ่ย ตนเองก็บิหมั่นโถวยัดเข้าปากคำโต

หนิงอวิ๋นเจานายบ่าวขี่ม้าออกจากหยางเฉิงแล้ว ชาวบ้านที่มุงดูอยู่ในหยางเชิงก็ถูกสลัดออกไปนานแล้ว บนถนนใหญ่แม้คนมาคนไป แต่ล้วนตะลึงมองหนิงอวิ๋นเจา

“คุณชาย ท่านว่านายน้อยฟางคนนั้นไม่ชอบท่านไหม?” เสี่ยวติงตามอยู่ด้านหลังเอ่ยถาม “ข้ายังมองไม่ออกจริงๆ”

“ไม่ต้องมองหรอก คิดก็รู้” หนิงอวิ๋นเจายิ้มเอ่ย “เขาไม่มีเหตุผลให้ชอบข้านี่”

เสี่ยวติงยักไหล่

นั่นถึงไม่มีเหตุผล คนเช่นคุณชายของพวกเขาเช่นนี้ถูกชมชอบถึงมีเหตุผล

“ที่จริงข้าก็มองออกเหมือนกัน คนของตระกูลฟางระแวงพวกเราอยู่นะขอรับ” เสี่ยงติงเร่งก้าวขึ้นมาหลายก้าวเบะปากเอ่ย “ผ่านไปนานเท่าไรแล้วยังจดจำความแค้นอยู่อีก ถ้าพูดถึงจดจำความแค้น ควรเป็นพวกเราจดจำความแค้นถึงจะถูก ใครใช้ชีวิตอยู่ดีๆ ฉับพลันผู้หญิงบ้าๆ บอๆ โวยวายว่าจะแต่งงานด้วยคนหนึ่งโผล่มาก็ต้องตกใจสะดุ้งทั้งนั้นไหมเล่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเป็นพวกเราขาดทุนมาตลอด คุณชายท่านถูกนางขายห้าพันตำลึง…”

พูดถึงตรงนี้เสี่ยวติงรีบหยุด แลบลิ้น

อดีตเรื่องนี้ไม่พูดถึงก็แล้วกัน

หนิงอวิ๋นเจายิ้มแล้ว ส่ายศีรษะให้เขา

“ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้หรอก” เขายิ้มเอ่ย

เสี่ยวติงร้องเอ๋

“ถ้าเช่นนั้นเพราะอะไรเล่าขอรับ?”เขาเอ่ยถาม

คำพูดบางอย่าง เรื่องบางเรื่องไม่อาจพูดกับผู้คนได้ แต่เวลานี้หนิงอวิ๋นเจากลับอยากพูดอะไรเป็นพิเศษ เขามองเสี่ยวติงทีหนึ่ง

“เพราะพวกเขาชอบนาง” เขายิ้มเล็กน้อยเอ่ย

หรือจะพูดว่า เด็กน้อยคนนั้นชอบนาง

ไม่ผิด นายน้อยฟางในสายตาเขาก็คือเด็กน้อยคนหนึ่ง แม้เด็กน้อยคนนี้ดูแลกิจการเต๋อเซิ่งชางอยู่ ถูกบรรดาผู้ดูแลน้อยใหญ่มากวัยวุฒิมากมายเรียกขานว่านายท่านอย่างเคารพก็ตาม

เสี่ยวติงฟังแล้วยิ่งไม่เข้าใจ

พวกเขาชอบนาง เกี่ยวอะไรกับระแวงคุณชาย? นอกจากนี้เขาคือใครอีก ทำไมชอบนาง?

ทำไมชอบนาง?

บนโลกนี้ขอแค่เป็นคนที่ได้พบนาง รู้จักนาง คบหาคุ้นเคยกับนาง ยังมีใครไม่ชอบนางได้หรือ?

ไม่มีเหตุผล เพราะเป็นนางผู้คนจึงชมชอบ

ส่วนพวกเขาชอบนาง ทำไมระแวง

“เพราะความชอบของบางคนคือการครอบครองไว้คนเดียว” หนิงอวิ๋นเจาเอ่ย

เสี่ยวติงเกาหัว ทุกครั้งหลังคุณชายพบคุณหนูจวิน คำพูดที่เอ่ยมักจะเป็นเมฆหมอกปกคลุมภูเขาทำให้คนคลำไม่ทะลุอยู่เสมอ แต่ก็เข้าใจได้เหมือนกัน พวกเด็กรับใช้ที่เมืองหลวงพวกนั้นบอกว่า หลังชอบแม่นางสักคน คนฉลาดอีกเท่าใดก็ล้วนเปลี่ยนเป็นโง่งมอยู่บ้าง

เขารั้งม้า มองประตูใหญ่ที่เดินเข้ามาใกล้แล้ว

“คุณชาย ถึงบ้านแล้วขอรับ” เขาเอ่ยเตือน ไม่ให้คุณชายขี่ม้าเพลินเดินผ่านประตูบ้านตัวเองไปอย่างโง่เง่า

หนิงอวิ๋นเจาพลิกกายลงม้า กำลังจะพูดก็มีคนวิ่งออกมาจากด้านในประตู

“ท่านพี่ ท่านไปที่ไหนมา?” หนิงอว๋นเยี่ยนตะโกนเสียงแหลม สีหน้าเต็มไปด้วยความระแวง “ท่านเข้าเมืองหรือ? ท่านเข้าเมืองไปทำอะไร?”

หนิงอวิ๋นเจามองนางเม้มปาก

อืม นี่ก็เป็นการแสดงออกเพราะชอบจึงครอบครองไว้คนเดียวอย่างหนึ่ง

……………………………………….