ตอนที่ 462 เจ้าคือเมล็ดฟักทอง เขาคือเมล็ดงาเน่า

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 462 เจ้าคือเมล็ดฟักทอง เขาคือเมล็ดงาเน่า

โอวหยางชิงเห็นว่าเจียงโม่หานพยักหน้า ทันใดนั้นสีหน้าที่ดูมืดมนก็พลันเปล่งประกายขึ้นมา เขาขึ้นรถม้าของตนอย่างอารมณ์ดีพร้อมกำชับให้คนขับรถม้าขับตามรถม้าตระกูลหลินไปติด ๆ

“เฮ้อ ตอนมาก็มาอย่างสงบ ตอนไปดันมีคนติดสอยห้อยตามไปอีกหนึ่ง ! ” หลินเว่ยเว่ยเปิดม่านประตูและหน้าต่างรถม้าเพื่อรับลมเย็นยามเช้าที่พัดผ่านเข้ามา

โอวหยางชิงก็มักยื่นหน้าออกมามองไปทางด้านหน้าอยู่บ่อยครั้ง ‘ถึงแม้น้องเจียงจะหมั้นหมายกับหลินกู่เหนียงแล้ว แต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ทว่าบุรุษและสตรีที่ยังไม่ได้แต่งงานมานั่งรถม้าคันเดียวกันแบบนี้ ไม่กลัวชื่อเสียงจะเสียหายเอาหรือ ? ’

หลินเว่ยเว่ยหันไปมองเช่นกัน “คุณชายโอวหยางมักจะมองมาทางนี้อยู่หลายหน เจ้าว่า…เขามองข้าหรือมองเจ้ากันแน่ ? ”

เจียงโม่หานดึงตัวนางเข้ามาใกล้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เจ้ามีคู่หมั้นคู่หมายแล้วยังกล้ามองบุรุษอื่นต่อหน้าคู่หมั้นของตนอย่างเปิดเผย…หรือว่าข้ายังหน้าตาดีไม่พอให้เจ้ามอง ? ”

ที่ผ่านมาเขาไม่ค่อยชอบที่นางเรียกว่า ‘บัณฑิตน้อย’ ทว่าแท้จริงแล้วนางใช้เรียกเขาคนเดียวเท่านั้น แม้เด็กน้อยคนนี้จะพบคนแซ่โอวหยาง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าตนอยู่เหนือกว่าบัณฑิตหน้าอ่อนอยู่มากโข…เฮอะ ข้าไม่ยอมอ่อนข้อให้หรอก !

“บ้าหรือไร…แบบนี้เจ้าก็ยังหึงหวงข้าอีกหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยเบิกตากว้างอย่างเหลือเชื่อ “บัณฑิตน้อย เจ้าไม่คิดว่าโอวหยาง…ชิง ผู้นี้ ไม่ว่าจะด้านรูปร่างหน้าตา กิริยาคำพูดหรือการแสดงอารมณ์ล้วนอ่อนหวานเกินกว่าที่จะเป็นบุรุษหรอกหรือ ? ข้ายังดูมีความเป็นบุรุษมากกว่าเขาเสียอีก ! ”

เจียงโม่หานมองนางอย่างไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี…เจ้าเป็นสตรีนางหนึ่ง จะไปเปรียบเทียบความเป็นบุรุษกับผู้อื่นได้อย่างไร ? ทว่าพอเขาคิดอย่างละเอียดแล้วก็ดูเหมือนจะเป็นจริงอย่างที่นางพูด…

เขานึกถึงช่วงที่สอบระดับเซียงซื่อของชาติที่แล้ว ดูเหมือนตอนนั้นจะมีบัณฑิตผู้หนึ่งมีเรื่องราวพัวพันทางเพศกับบัณฑิตอีกคนหนึ่ง สาเหตุที่เขาให้ความสนใจเรื่องนั้นก็เพราะบัณฑิตอีกคนคือเฝิงชิวฟานผู้ที่ขโมยตัวตนและเพลิดเพลินไปกับชีวิตที่ควรจะเป็นของเขา !

หรือว่าบัณฑิตที่มาพัวพันกับเฝิงชิวฟานก็คือโอวหยางชิงผู้มากเสน่ห์คนนี้ ? เช่นนั้นก็จะหมายความว่าที่เมื่อคืนและในยามเช้าโอวหยางชิงมองมายังเขาและนางอยู่บ่อยครั้ง แท้จริงแล้วไม่ได้มองนาง แต่กำลังมองเขาอยู่ ?

เฮอะ ! ชาติที่แล้ว พอเขารู้ว่าเด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์และสง่างามหลายคนในเมืองหลวงชื่นชอบบุรุษเพศด้วยกันเอง เขายังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ…บุรุษจะอ่อนโยนและนุ่มนวลเหมือนสตรีได้ขนาดนั้นเชียวหรือ ? แน่นอนว่าแม้ชาติก่อนเขาจะไม่ได้สนใจสตรีสักเท่าไร แต่ก็ไม่คิดว่าในชาตินี้จะมีบุรุษมาชื่นชอบตน…

เจียงโม่หานต้องยอมรับว่าดวงตาอันมีเสน่ห์ของบัณฑิตแซ่โอวหยางผู้นั้นน่าดึงดูดกว่าดวงตาของสตรี แต่ข้า ! เป็นคนที่มีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว นอกจากนี้ข้าไม่ชอบคนที่อ่อนโยนนุ่มนิ่ม ที่ชอบคือ…สตรีผู้ห้าวหาญและแข็งแกร่งราวกับบุรุษ !

หลินเว่ยเว่ยหยิบลูกแตงโมออกมาจากถังน้ำแข็ง แล้วปอกเปลือกอย่างชำนาญ นางแคะเมล็ดออกแล้วหั่นเป็นชิ้น จากนั้นก็ใช้ตะเกียบไม้ไผ่จิ้มมันขึ้นมาแล้วยื่นไปที่ปากของเจียงโม่หาน “เอาล่ะ ! อย่าหึงหวงนักเลย กินแตงโมเย็น ๆ ดับร้อนเสียเถิด ! แม้ว่าโอวหยางชิงผู้นั้นจะหน้าตาดี แต่พอเทียบกับเจ้าแล้ว เขายังตามหลังเจ้าอยู่มากโข คู่หมั้นของข้ามีรูปโฉมเลิศล้ำและสง่าผ่าเผยกว่าผู้ใด ทั้งยังมีความสามารถน่าทึ่งและรักข้าถึงเพียงนี้ ข้าคงโง่เขลาหากทอดทิ้งเมล็ดฟักทองอย่างเจ้าแล้วไปคว้าเมล็ดงาเน่านั้นแทน ! ”

เจียงโม่หานกินแตงโมที่นางป้อนให้พลางหันมามองนางด้วยรอยยิ้ม “เจ้านี่นะ กล่าววาจาเยินยอข้าเก่งนัก ครั้งหน้าหากเจอบุรุษหน้าตาดี เจ้าระวังตัวไว้เถิด ! ”

“ข้าก็แค่มองไปเรื่อยเหมือนมองทิวทัศน์งดงามนั่นแหละ ขอดูอีกสักหน่อยจะเป็นไรไป…” หลินเว่ยเว่ยป้อนแตงโมเขาอีกครั้ง จากนั้นก็ตัดแบ่งกินเอง

เจียงโม่หานเห็นนางกินไปสองชิ้นจึงคว้าแตงโมมาถือไว้ “เจ้าใกล้จะมีรอบเดือนแล้ว อย่ากินของเย็นมากนัก ประเดี๋ยวจะปวดท้อง ! ”

ปีที่แล้ว เนื่องจากฤดูหนาวมาเยือนเร็วเกินไป หรือไม่ก็เพราะหลินเว่ยเว่ยคนเดิมพลัดตกไปในธารน้ำ ทำให้นางได้รับไอเย็นมากเกินไป เวลามีรอบเดือนก็จะรู้สึกปวดท้องจนหน้าซีด เหงื่อไหลซึมไปทั่วทั้งกาย นางนอนเอามือกุมท้องพลางดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนเตียง ทำให้เจียงโม่หานกลัวจนกระวนกระวาย ถึงขั้นต้องรีบไปเชิญหมอเหลียงมากลางดึก หมอเหลียงจัดยาบำรุงให้นางกินติดต่อกันครึ่งปี แต่ถึงอย่างนั้นเวลามีรอบเดือนทีไรนางก็ยังปวดท้องอยู่เสมอ

ทุกครั้งที่ได้เห็นเด็กสาวผู้แสนร่าเริงและเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานต้องมานอนกุมท้องอยู่บนเตียง เจียงโม่หานจึงอดทุกข์ใจไม่ได้

แต่ภรรยาของหมอเหลียงบอกเขาว่าสตรีหลายคนล้วนต้องผ่านความยากลำบากนี้ บอกให้เขาไม่ต้องกังวล รอให้นางแต่งงานและมีบุตร ส่วนใหญ่ก็จะหายไปเองโดยไม่ต้องใช้ยา กล่าวจบแล้วภรรยาของหมอเหลียงยังไม่วายหันมายิ้มอ่อนโยนให้เขา

เมื่อนึกถึงภาพตอนที่เด็กน้อยทุกข์ทรมาน เจียงโม่หานจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วกล่าวเสียงอ่อน “เจ้านี่นะ ! กินไม่หยุดปากจริง ๆ ! ”

หลินเว่ยเว่ยหยิบพัดของเขาขึ้นมาพลางบ่นอุบอย่างน่าสงสาร “อากาศร้อนขนาดนี้จะพึ่งพาแค่ผลไม้เย็น ๆ คงไม่ไหว เจ้าทนดูข้าโดนแดดเผาจนกลายเป็นปลาตากแห้งได้หรือ ? ”

เจียงโม่หานหยิบถ้วยน้ำขึ้นมายื่นให้นางทันที “ดื่มน้ำให้มาก สงบสติอารมณ์…ถ้าใจสงบ ตัวก็จะเย็นตาม”

หลินเว่ยเว่ยมุ่ยปากแล้วคลี่พัดในมือเสียเอง “เจ้าก็พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่เห็นจะมีทฤษฎีใดพิสูจน์คำพูดของเจ้าได้เลย ! ” หืม ? เหตุใดยิ่งพัดยิ่งร้อน ?

เจียงโม่หานคว้าพัดในมือของนางคืนมาแล้วช่วยนางพัดเบา ๆ “เจ้าเอนหลังพิงรถม้าแล้วหลับตาลง ไม่ต้องคิดอะไร ประเดี๋ยวเจ้าก็จะไม่รู้สึกร้อนขนาดนั้นแล้ว”

หลินเว่ยเว่ยยังคงบ่นอุบ “ใครบอกว่าหลับตาแล้วจะไม่ร้อน ? ทำแบบนั้นสิแปลก ! ”

ทว่านางก็ยังทำตามคำพูดของเขาและหลับตาลงอย่างแผ่วเบา สติของนางค่อย ๆ เลือนรางไปทีละน้อยตามจังหวะของรถม้าที่สั่นไหว ศีรษะของนางกระทบผนังรถม้าเป็นระยะ

เจียงโม่หานส่ายหน้าเบา ๆ พลางยื่นฝ่ามือไปประคองศีรษะของนางไว้เพื่อไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ แต่ใครจะไปรู้ว่าหลินเว่ยเว่ยที่กำลังสะลึมสะลืออยู่นั้นได้ไล้ศีรษะไปตามมือและแขนของเขา จนกระทั่งมาแนบชิดอยู่ที่แผงอกของเขา ตัวนางดิ้นดุกดิกอยู่ในอ้อมแขนของคู่หมั้นหนุ่มเหมือนหนอนน้อยจนพบท่าที่นอนสบายถึงได้ผล็อยหลับไป

ดวงอาทิตย์กำลังลอยสูงขึ้นเรื่อย ๆ กอปรกับอุณหภูมิร่างกายของบุรุษ…ทำให้หน้าผากของหลินเว่ยเว่ยมีเหงื่อผุดออกมามากมาย นางขมวดคิ้ว มองก็รู้ว่านอนไม่สบายตัว เจียงโม่หานจึงใช้ผ้าเช็ดหน้าของตนชุบน้ำแล้วเช็ดหน้าให้นาง พัดในมือก็เพิ่มความเร็วขึ้น

กระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเที่ยง ในยามที่รถม้าหยุดเคลื่อนไหว หลินเว่ยเว่ยถึงได้ตื่นพร้อมจังหวะที่รถม้าหยุดพอดี นางลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือแต่สติยังไม่เด่นชัดนัก ด้วยความลืมตัวจึงลูบไล้มือไปทั่ว หืม ? เหตุใดสัมผัสนี้ถึงไม่คล้ายผนังรถม้า ? มันเหมือนผ้าโปร่งที่ทั้งเบาและสบาย นอกจากนี้ด้านล่างยังอุ่น ๆ แถมนุ่มเล็กน้อยและแข็งหน่อย ๆ…นี่คืออะไร ? นางมีหมอนอิงที่นุ่มและให้ความสบายตัวขนาดนี้เลยหรือ ?

หลินเว่ยเว่ยลูบคลำไม่หยุด ในเวลานี้เสียงแปลก ๆ ของบัณฑิตหนุ่มก็ดังขึ้นเหนือศีรษะของนาง “ยังลูบไม่พอหรือ ? ”

นางเงยหน้าขึ้นมาทันที จากนั้นก็ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาของเจียงโม่หานที่ดูเหมือนกำลังอดกลั้นอารมณ์สุดฤทธิ์…ที่แท้นางก็นอนอยู่ในอ้อมกอดของบัณฑิตน้อย ! เมื่อได้ยินดังนั้นก็ทำให้มือที่นางดึงกลับมาแล้ว จู่ ๆ ก็ยื่นไปสัมผัสที่หน้าอกของเขาอีกครั้งแล้วพยักหน้าอย่างแรงเหมือนไก่จิกข้าวเปลือก “ไม่ธรรมดา หุ่นของเจ้าตรงกับคำที่ว่า ‘สวมเสื้อแล้วดูผอม ถอดเสื้อแล้วหุ่นดี’ เหมือนที่ข้าชอบเลย น่าพอใจ น่าพอใจมาก ! ”