ตอนที่ 261 นางมารจอมยั่ว

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 261 นางมารจอมยั่ว

โม่เสียนและคนอื่น ๆ รีบเก็บสีหน้าและคำนับท่านอ๋องด้วยความเคารพ “ท่านอ๋อง”

“ไสหัวออกไปให้หมด” สีหน้าเย่ซิวตู๋ไม่ได้ดีเหมือนแต่ก่อน น้ำเสียงเกรี้ยวกราดฉับพลัน ดูราวกับว่าอารมณ์ของเขานั้นจะไม่ดีเอามาก ๆ

โม่เสียนตกตะลึง ขณะที่เสิ่นอิง เหวินเทียน เผิงอิง และคนที่เหลือต่างรีบออกไป

เมื่อเดินไปถึงลานบ้าน โม่เสียนจึงลูบหน้าอกของตนและเอ่ยปากด้วยความไม่เข้าใจ “เหตุใดท่านอ๋องจู่ ๆ ก็อารมณ์เสียขนาดนี้?”

“ใช่ นายท่านกับพวกเราก็อยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานานไม่เคยให้พวกเรา‘ไสหัวหัวไป’มาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่นายท่านพูดเช่นนี้กับพวกเรา”เสิ่นอิงคล้อยตาม

เผิงอิงผงกหัวและคาดคะเนตาม “หรือว่าก่อนท่านอ๋องกลับมาจะไปโกรธเรื่องอะไรเข้า”

“ผู้ใดเล่าจะสามารถทำให้ท่านอ๋องของพวกเราโกรธได้” โม่เสียนเอ่ยประชด เพียงแค่กล่าวประโยคนี้จบ ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ชายหนุ่มกลืนน้ำลายและเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ “เมื่อกล่าวขึ้นมาแล้ว ก็มีเพียงแค่แม่นางอวี้่่เท่านั้นที่จะทำให้ท่านอ๋องโกรธได้ เอ๋ เสิ่นอิง หรือจะเป็นเพราะตอนที่อยู่ในพระราชวัง แม่นางอวี้กับท่านอ๋องจะเข้าใจผิดกัน?”

“ไม่มีนะ ตอนที่ท่านอ๋องลงรถม้ามาก็ยังดี ๆ อยู่เลย เป็นไปได้ไหมว่าในตอนที่ท่านอ๋องกลับมาถึงนั้นจะรู้เรื่องที่แม่นางอวี้ไปจวนตระกลูอวี๋แล้ว?”

“เป็นไปได้” เผิงอิงตอบกลับ เขาชะงักไปครู่และมองดูเหวินเทียนที่นิ่งเงียบ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดล่ะ?”

เหวินเทียนถอนหายใจ หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง และกวาดสายตามอง ชายหนุ่มยกมุมปากเอ่ยถามขึ้น “เมื่อครู่พวกเจ้ามองไม่ออกหรือว่าแม่นางอวี้พึ่งจะอาบน้ำเสร็จ? แม่แต่ผมที่เกล้ามวยเอาไว้ก็ต่างจากในทุก ๆ วัน เมื่อดูแล้วก็รู้สึกพิเศษ…พิเศษและงดงามเอาเสียมาก ๆ พวกเจ้าคิดดูสิว่าแม่นางอวี้อยู่ในสภาพแบบนี้แล้วยังมีพวกเราชายชาตรีทั้งสี่คนรายล้อม ท่านอ๋องมาเห็นเข้าแบบนี้ จะโมโหก็ไม่เห็นแปลก”

โม่เสียน เสิ่นอิง และเผิงอิงต่างถอนหายใจออกมา ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง ดังนั้นเมื่อพิจารณาดูแล้ว เหตุผลที่ท่านอ๋องโกรธนั้นก็มาจากพวกเขาที่ไปพบแม่นางอวี้ในสภาพเช่นนั้น

โม่เสียนหวาดแอบกลัวอยู่ลึก ๆ ชายหนุ่มรู้สึกว่าเมื่อครู่นั้นที่ท่านอ๋องไม่ได้ลงมือกับพวกเขาเพราะมิตรภาพที่มีมาหลายปี จนครุ่นคิดต่อว่าหากเป็นเช่นนี้ต่อไปก็คงไม่ใช่เรื่องดี จึงไตร่ตรองต่อไปอีกสักครู่ “ข้ามองว่าเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ให้เกิดขึ้นในครั้งต่อไป พวกเราไม่ควรที่จะไปพบแม่นางอวี้โดยตรงจะดีกว่า”

“เจ้ามีความคิดดี ๆ หรือไม่?”

“อืม…วันข้างหน้ามีเรื่องอะไร พวกเจ้าก็มาบอกกับข้าโดยตรง ข้าจะนำไปบอกเยว่ซินเอง หลังจากนั้นเยว่ซินก็จะนำไปบอกต่อแม่นางอวี้ เช่นนี้แล้วท่านอ๋องก็จะไม่โกรธอีก”

ทั้งสามคนจ้องมองโม่เสียนด้วยสายตาที่เหยียดหยาม ผ่านไปได้สักพักทั้งสามจึงได้ก้าวออกมา และรุมขยี้ชายหนุ่มอย่างดุเดือด หลังจากนั้นจึงเอ่ยขึ้นพร้อมกัน “อย่าคิดว่าพวกข้าไม่รู้นะว่าในใจเจ้าคิดอะไรอยู่”

“เอ่อ…ข้าว่านี่เป็นความคิดที่ดีเลยที่เดียว”

“เลิกคิด”เสิ่นอิงเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ และเดินไป

“ฝันไปเถอะ” เหวินเทียนจ้องเขม็ง และก็ได้เดินไปเช่นกัน

“ลามก” เผิงอิงเอ่ยอย่างไม่พอใจ และเดิมตามทั้งสองไป

เหลือเพียงโม่เสียนผู้เดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่ ชายหนุ่มกัดฟันจ้องเขม็ง เจ้าพวกนี้ก็เป็นเช่นนี้ตลอด เขาเอ่ยผิดตรงไหน หรือว่าถ้าเยว่ซินสนทนากับแม่นางอวี้ นายท่านก็จะไม่โกรธงั้นหรือ?

โม่เสียนเบะปากและหันกลับไปมองลานบ้านของแม่นางอวี้ เมื่อนึกถึงใบหน้าที่โกรธเคืองของนายท่านก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที นายท่าน…ไม่น่าจะทำร้ายแม่นางอวี้

เย่ซิวตู๋จ้องมองหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างเย็นชา บังเกิดความรู้สึกร้อนรุ่มที่อธิบายไม่ถูก สายตาที่เย็นชาก็เปลี่ยนเป็นร้อนผ่าว

อวี้ชิงลั่วต้องการสงบจิตสงบใจสักครู่ แต่หลังจากนั้นไม่นานก็รู้สึกอึดอัดกับสายตาที่จ้องมองมา หญิงสาวจึงวางแก้วในมือลง ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นและถ่อยกลับไปสองก้าว

“หยุด”ในขณะที่นางถอยไปก็ทำให้เย่ซิวตู๋ได้สติขึ้นมา เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์เปี่ยมเสน่ห์ของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มจึงรู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจขึ้นมา

อวี้ชิงลั่วยังคงยืนอยู่ที่เดิม เมื่อยืนอยู่ได้สักพักจึงคิดขึ้นมาได้ว่าเหตุใดตนเองต้องเชื่อฟังชายหนุ่มขนาดนั้น?

หญิงสาวคิดแล้วก็ต้องการถอยกลับไป

แต่เย่ซิวตู๋ก็ได้เดินเข้ามาคว้าตนเอาไว้ จนทำให้เรือนผมของหญิงสาวนั้นผมกระเซอะกระเซิง เพียงแค่มองดูก็รู้สึกว่าไม่เพียงพอ จึงใช้แรงขยี้อีกสองสามครั้ง

อวี้ชิงลั่วโมโห จึงปัดมือของชายหนุ่มออกไป “เย่ซิวตู๋! ท่านทำอะไรของท่าน?”

“เช่นนี้มองดูแล้วสบายตากว่า” ไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้นางดูมีเสน่ห์ยั่วยวน ดึงดูดผู้คนเข้ามา

สบายตาเช่นนั้นหรือ? เยว่ซินที่พึ่งจะกลับมาจากห้องครัวและกำลังจะก้าวเข้าประตูมาก็ตกใจเป็นอย่างมาก หญิงสาวจ้องมองไปยังคุณหนูของตนเองที่สภาพผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับคนเสียสติ รสนิยมความงามของท่านอ๋องเปลี่ยนไป…เปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

ร่างกายของเยว่ซินสั่นสะท้านขึ้นมา นางรู้ว่าสถานการณ์เช่นนี้นั้นควรทำเช่นไรจึงถอยหลังกลับไปและจากไปอย่างเงียบ ๆ

อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้วและใช้มือสางผมของตนเองอย่างต่อเนื่อง ชายผู้นี้บ้าไปแล้ว อยู่ดี ๆ จะมาทำให้ผมของนางยุ่งเหยิงไปทำไมกัน? ตอนนี้ผมเผ้าตนพันกันอีนุงตุงนังไปหมดแล้ว

เป็นความจริงที่ว่าถ้าชายหนุ่มไม่กลับมาก็จะสงบมาก พอกลับมาก็มาหาเรื่องนางทันที สู้ไม่กลับมาเสียยังจะดีกว่า

อวี้ชิงลั่วจ้องเขม็ง เมื่อเห็นว่าเย่ซิวตู๋กำลังจะยื่นมืออกมา หญิงสาวจึงรีบถอยออกไปและเอ่ยขึ้น “อย่ามายุ่ง ท่านรีบไปได้แล้ว ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ท่านเข้าวังนะ”

“ข้ารู้แล้ว” เย่ซิวตู๋พยักหน้า ในขณะที่กำลังจะออกประตูไป พ่อบ้านก็เข้ามารายงานเขา

เดิมทีแล้วชายหนุ่มคิดอยากจะรีบเข้าวังโดยเร็ว เพียงไม่ได้คาดคิดว่าในตอนที่ให้พ่อบ้านไปเรียกเหวินเทียนนั้น พ่อบ้านบอกกับเขาว่าทั้งสี่คนนั้นอยู่กับอวี้ชิงลั่ว

ชายหนุ่มรู้สึกว่าน่าแปลกใจจึงเข้าไปดู เมื่อพบเห็นภาพที่เกิดขึ้น ชายหนุ่มก็มีความคิดที่จะเชือดพวกเขาเหล่านั้นขึ้นมาชั่ววูบ

“เช่นนั้นท่านก็รีบไปเสียเถิด” อวี้ชิงลั่วจ้องมองเขาอย่างระแวดระวัง กลัวว่าเขาจะทำอะไรให้ตน ‘วางยา’ เขาอีกครั้ง

เย่ซิวตู่ชะงักไปสักพัก เมื่อคิดว่าสภาพเช่นนี้ของอวี้ชิงลั่วจะทำให้บุรุษอื่นที่พบเห็นไม่มีความคิดอะไรกับนางแล้ว เขาก็ส่งเสียง “อืม” เบา ๆ และค่อย ๆ กำหมัดขึ้นมา “อื้ม เจ้ากินข้าวเถิด”

อวี้ชิงลั่วกระตุกมุมปาก นางไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะรอให้ชายหนุ่มกินข้าวด้วย อย่าได้สำคัญตัวเองผิดจะได้ไหม?

หญิงสาวโบกมือไล่ให้เขารีบไป

ทันทีที่เย่ซิวตู๋หันหลังกลับไป นางก็คล้ายจะคิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยขึ้น “ช้าก่อน”

“หืม?”

“ฝ่าบาทเรียกท่านเข้าวัง ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่จะให้หนานหนานเข้าร่วมการประลอง อื้ม…ถ้าท่านไม่สามารถแก้ตัวให้หนานหนานได้แล้วล่ะก็ ให้เขาเข้าร่วมการประลองก็ไม่เป็นไร ถึงแม้ว่าอายุของเขาจะน้อย แต่ข้าคิดว่า…แต่ถ้าเขาปกป้องตนเองได้ก็นับว่าไม่มีปัญหา ”

เย่ซิวตู๋ตกตะลึง เขาเลิกคิ้วจ้องมองหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดข้าจึงคิดว่าครั้งนี้เจ้าคิดแทนข้าเล่า?”

สีหน้าของอวี้ชิงลั่วดูพิกลไป นางยิ้มเยาะขึ้น “ท่านคิดมากไปแล้ว ข้าเพียงรู้สึกว่าหนานหนานไม่ได้จัดการได้ง่าย ๆ ก็เพียงเท่านั้น”

เย่ซิวตู๋หัวเราะออกมาโดยที่ไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงแค่เหลือบมองอวี้ชิงลั่ว หลังจากนั้นจึงออกจากเรือนของนาง และเข้าวังไปพร้อมกับเหวินเทียนและโม่เสียน

…………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ท่านอ๋องหึงแรงมาก หวงแม้กระทั่งสภาพเพิ่งอาบน้ำเสร็จของพระชายา

งานประลองสี่อาณาจักรคราวนี้ได้วุ่นวายแน่ค่ะ พ่อแม่ไม่ห้ามเจ้าหนานหนานเลยสักนิด

ไหหม่า(海馬)