บทที่ 499 ถูกปลดจากตำแหน่ง

ฮ่องเต้โจวทรงเกลียดชังผู้ที่นำเรื่องเก่ามาพูดเช่นนี้เป็นอย่างมาก พระสนมกุ้ยเฟยกล้าดีอย่างไร?

เขาอยากฆ่านางให้ตายเสียจริง!

แต่ในไม่ช้าฮ่องเต้โจวก็ทรงระงับเจตนาฆ่าของพระองค์ หากลูกสามและสกุลหวังโดนกำจัดจริงๆ ผู้ที่จะเป็นองค์รัชทายาทได้จะเหลือแต่ลูกหกเท่านั้น

สกุลเหลียง…บางทีสกุลเหลียงอาจจะเป็นเหมือนสกุลเซียวในอดีต เจ้าหกผู้เป็นเด็กโง่เขลาอาจถูกสกุลเหลียงควบคุมได้ แคว้นต้าโจวของเขาอาจจะเปลี่ยนมือไปเป็นของสกุลเหลียงก็เป็นไปได้ เขาจะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นเป็นอันขาด!

เช่นนั้นมีแค่หนทางเดียวคือต้องเก็บลูกสามเอาไว้ก่อน รวมไปถึงสกุลหวังเช่นกัน

การแสดงออกของฮ่องเต้โจวกลับคืนสู่ปกติ เขาช่วยพยุงพระสนมหวังกุ้ยเฟยขึ้น

“เอาละ เราจะช่วยปกป้องเขาเอง” ฮ่องเต้โจวตรัสออกมาด้วยพระสุรเสียงที่นุ่มนวล

เมื่อหวังกุ้ยเฟยได้ยิน นางตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ให้ประหลาดใจเป็นอันมาก

แม่และลูกรอดแล้ว!

…….

ศาลต้าหลี่ ภายในห้องที่มืดสลัว จ้าวชูขัดสมาธินั่งหลับตา เขานั่งมาเช่นนี้ทั้งวันทั้งคืนแล้ว ยังคงกินได้ดื่มได้ตามปกติ แม้สีหน้าจะเรียบเฉย หากในใจกลับเต็มไปด้วยความกระวนกระวายยากที่จะสงบลงได้ เขาไม่รู้ว่ากู้หวนเนี่ยนจะพบหลักฐานอะไรบ้าง และภายนอกเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จ้าวชูนั่งเป็นองค์ประธานในการก่อสร้างป้อมปราการและสิ่งก่อสร้างอื่นๆ มากมาย สร้างความมั่งคั่งให้แก่เขาอย่างที่ไม่มีผู้ใดคาดถึง สิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดก็คือการพังทลายของหอฉีอานนั่นทำให้ผลกรรมที่ทำไว้ในอดีตตกอยู่กับเขาทันที

ในช่วงไม่กี่วันมานี้จ้าวชูเสียใจมากเหลือเกิน

หากเขารู้เช่นนี้เขาคงจะไม่…

ทันใดนั้นประตูก็เปิดออก ชายร่างสูงท่าทางเคร่งขรึมเดินเข้ามาจากด้านนอก จ้าวชูยิ้มทักทาย

“ใต้เท้ากู้”

กู้หวนเนี่ยนนั่งลงตรงข้ามเขา

“ท่านอ๋อง ท่านยินดีสารภาพผิดหรือไม่?” กู้หวนเนี่ยนถาม

จ้าวชูหัวเราะเบาๆ

“ข้าบริสุทธิ์ไร้ความผิด เหตุใดข้าต้องรับสารภาพด้วยเล่า”

“ท่านอ๋อง ผู้ที่รับผิดชอบทำฐานรากของหอฉีอานได้ยอมรับสารภาพผิดแล้ว” กู้หวนเนี่ยนโต้ตอบเขา จ้าวชูกำมือของตนแน่น

“ทั้งพยานบุคลและพยานหลักฐานมีพร้อมมูลเช่นนี้ ท่านยังโต้แย้งไม่ยอมรับอีกหรือ?” กู้หวนเนี่ยนถามเขาอย่างปราศจากอารมณ์ใดๆ ดวงตาที่เฉียบคมทำให้ผู้ที่ถูกมองอดรู้สึกไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดันไม่น้อย

จ้าวชูหายใจไม่ออก มันจบแล้ว! แต่เขายังไม่อยากยอมแพ้บราวนี่ออนไลน์

จ้าวชูสับสน กัดฟันไม่ยอมพูดอะไรออกมา

“ใต้เท้ากู้ ผู้ตรวจการนครบาลมาเข้าพบขอรับ” ในขณะนั้นมีรายงานจากผู้ที่อยู่ภายนอกดังขึ้นมา

กู้หวนเนี่ยนขมวดคิ้ว ผู้ตรวจการนครบาลมาทำอะไรที่นี่เวลานี้ กู้หวนเนี่ยนเต็มไปด้วยความสงสัย เขาเดินออกจากห้อง

“ผู้ตรวจการ ท่านมีธุระกับข้าหรือ?”

“เรื่องหอฉีอานที่ได้พังถล่มลงมา ใต้เท้ากู้คิดจะดำเนินการพิจารณาคดีเช่นไร?” ผู้ตรวจการถามขึ้นมา

“หลักฐานมีความน่าเชื่อถือ คดีจะจบสิ้นลงก็ต่อเมื่อได้รับคำสารภาพผิด” กู้หวนเนี่ยนตอบ

รอคำสารภาพ…หากเป็นเช่นนั้นย่อมยังไม่ได้สารภาพออกไป…

ผู้ตรวจการนครบาลถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีเหลือเกินเขามาทันเวลาพอดี

“ใต้เท้ากู้ ท่านมอบพยานหลักฐานทั้งหมดให้กรมนครบาลสืบคดีต่อเถอะ เรื่องนี้ถูกโอนให้เป็นคดีของกรมนครบาลแล้ว” ผู้ตรวจการนครบาลแจ้งกับเขา

กู้หวนเนี่ยนขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าเรื่องนี้มีบางอย่างผิดปกติ ก่อนหน้านี้ หลังจากสืบสวนจนคดีได้ยุติเรียบร้อยดีแล้ว ถึงจะได้มีการส่งมอบให้กรมนครบาลดำเนินการต่อไป แต่ไม่เคยมีกรณีที่สอบสวนได้แค่เพียงครึ่งเดียวเช่นนี้

“ใต้เท้า หากคดีนี้เสร็จสิ้นลง ข้าจะมอบให้กับกรมนครบาลเป็นผู้ดูแล” กู้หวนเนี่ยนกล่าวกับเขาตรงๆ

“ใต้เท้านี่เป็นพระบัญชาของฝ่าบาท คดีนี้ไม่อาจจะดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นเคยได้” ผู้ตรวจการนครบาลยังคงชี้แจง

กู้หวนเนี่ยนไม่พอใจ

“ใต้เท้ากู้คงไม่คิดขัดขืนพระบัญชาของฝ่าบาทใช่หรือไม่? ข้ามาที่นี่เพื่อถ่ายทอดพระบัญชาของฮ่องเต้”

กู้หวนเนี่ยนเม้นริมฝีปากอยู่นาน

เนื่องจากเป็นพระบัญชาของฮ่องเต้ คดีจึงสามารถโอนไปยังกรมนครบาลได้เท่านั้น รวมถึงจ้าวชูด้วย

ผ่านไปไม่กี่วันต่อมา ผลจากการตรวจสอบจากกรมนครบาลก็สรุปได้ผลว่า กรณีการพังทลายของหอฉีอานเกิดขึ้นจากผู้ดูแลอาคารแห่งนี้ เมื่อเรื่องนี้ได้ถูกเปิดเผยขึ้นมา ผู้ดูแลจึงได้ผูกคอตายที่บ้านของตน องค์ชายสาม รุ่ยอ๋องได้รับการลงโทษเพราะเป็นผู้ควบคุมดูแลการก่อสร้าง การแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาทถูกยกเลิกเขาถูกปลดออกจากตำแหน่งพร้อมทั้งโดนกักตัวอยู่กับวังเป็นเวลาครึ่งปี

………

จวนตระกูลกู้

ถังหลี่กลับไปที่จวนของมารดาและอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสองสามวัน ยามดึกเมื่อนางคุยกับมารดาอยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงได้เดินออกมายังข้างนอก ผ่านสนามหญ้าจึงได้เห็นคนผู้หนึ่งเอามือไพล่หลังแหงนมองดวงจันทร์ที่สาดส่องมากระทบใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขานั่นคือ พี่ชายของนาง ถังหลี่เดินไปหาเขา

“พี่ใหญ่” นางร้องเรียกออกมาเบาๆ

รู้สึกได้ว่าพี่ชายของนางอารมณ์ไม่ดี กู้หวนเนี่ยนก้มหน้าลงเห็นถังหลี่ สีหน้าเขาอ่อนลง

“เสี่ยวถังหลี่”

“พี่ชาย ท่านยังคิดถึงเรื่องของจ้าวชูอยู่อีกหรือ?”

ผลของการพิจารณาคดีของจ้าวชูที่ออกมาทำให้เขารู้สึกหดหู่มาก เหตุใดคนเลวอย่างจ้าวชูถึงไม่ได้รับบทลงโทษที่หนักกว่านั้น?

พี่ชายของนางเป็นคนจัดการคดีนี้เอง เขาเป็นผู้พิพากษาศาลต้าหลี่ เป้าหมายในการทำงานของเขาคือสอบสวนหาข้อเท็จจริง และแสวงหาความยุติธรรม เขาจึงไม่พอใจกับผลที่ออกมาเป็นอย่างมาก กู้หวนเนี่ยนพยักหน้า

“ใช่!”

ในความเป็นจริง หลังจากที่ฝ่าบาทได้มีพระบัญชาให้กรมนครบาลรับคดีนี้ไปทำต่อ เขาไม่คาดคิดเลยว่า ทางกรมนครบาลจะตัดสินลงโทษเพียงสถานเบาให้แก่จ้าวชู

“พี่ชาย คดีนี้ไปถึงกรมนครบาลได้อย่างไร?” ถังหลี่เอ่ยถาม

“เป็นพระราชบัญชาของฝ่าบาท” จ้าวชูตอบ ถังหลี่เข้าใจทันทีว่าองค์ฮ่องเต้ได้เข้ามาแทรกแซงคดีเรื่องนี้ ฝ่าบาทต้องการปกป้องจ้าวชู

ฝ่าบาทต้องการเรื่องนี้ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ โดยไม่เหลือทางเลือกให้ผู้อื่น

“พี่ใหญ่ท่านได้ทำดีที่สุดแล้ว” ถังหลี่กล่าว

“แม้ว่าบทลงโทษจะเบาเกินไป แต่จ้าวชูก็ไม่ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาท นี่เป็นการสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ที่สุดของเขา”

เมื่อกำลังจะก้าวเท้าขึ้นสู่ตำแหน่งองค์รัชทายาทแต่สุดท้ายกลับถูกปลด อาจจะไม่ได้กลับมายิ่งใหญ่เช่นเดิมอีก เมื่อคิดเช่นนี้แล้วผลลัพธ์ก็เป็นที่ยอมรับได้เช่นกัน

สุดท้ายแล้วจ้าวชูเป็นพระเอกเรื่องนี้ การที่จะเอาชนะเขาให้ถึงตายจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะโจมตีเพียงครั้งเดียว แต่ครั้งนี้ก็นับได้ว่าตีเขาจนเต็มแรงแล้ว กระนั้นกู้หวนเนี่ยนก็ยังไม่มีความสุข เขารู้สึกหมดเรี่ยวแรง สิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมนั้นเทียบไม่ได้เลยสักนิดกับพระราชอำนาจของฮ่องเต้

“พี่ใหญ่ท่านดูสิ! แสงจันทร์คืนนี้สว่างไสวเหลือเกิน สาดส่องไปทั่ว แต่ก็มีบางมุมที่ไม่อาจจะส่องไปถึงได้ พี่จะพูดได้ไหมว่าแสงจันทร์นั้นไร้ประโยชน์…นอกจากนี้เมื่อดวงจันทร์ส่องสว่างกลางท้องนภา บางมุมที่มืดก็จะสว่างขึ้นมาได้” สายตาของกู้หวนเนี่ยนเข้าใจทันทีว่าน้องสาวของเขาหมายถึงอะไร?

ใช่แล้ว! เราไม่อาจปฏิเสธแสงสว่างจากดวงจันทร์ได้ เพียงเพราะว่าดวงจันทร์สาดส่องไปไม่ถึง หน้าที่ของแสงจันทร์คือทำให้มีความมืดน้อยลง

เขาไม่ควรกังขาในเจตนาเดิมของตน มีแต่จะต้องเพิ่มความพยายามให้มากขึ้นไปอีก

กู้หวนเนี่ยนได้รับการปลอบประโลมจากน้องสาว อารมณ์ของเขาดีขึ้นมาก

น้องสาวของเขามองเห็นรอบด้าน ในขณะที่เขากลับเสมือนถูกต้อนเข้าสู่มุมอับ นางกลับมองทุกอย่างได้กระจ่างชัดเจน

“ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ได้รับผลกรรมที่ทำเอาไว้ แต่ยังไม่ถึงเวลา”

วันหนึ่งเขาจะถูกลงโทษ

“ใช่ยังไม่ถึงเวลา” กู้หวนเนี่ยนมองถังหลี่พลางคลี่ยิ้ม

………………….